High Return Aesthetic
ใช้เงินยังไงให้ดูแพงขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น
เช้านี้ฉันนั่งจิบกาแฟแล้วคิดถึงคำถามที่น้องๆ ชอบถาม
พี่แอนนาเบลคะ หนูมีงบน้อย แต่หนูอยากดูแพงขึ้น อยากดู professional มากขึ้นโดยไม่ต้องเฟค
ฉันยิ้มเพราะนี่คือคำถามที่ฉันเคยถามตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อน … ก็เหมือนทุกเรื่องที่ฉันเล่าให้คุณฟังนั่นล่ะค่ะ ฉันไม่ได้จำมาจากตำรา แต่คือฉันพังมาก่อนเสมอ
แหม วันนี้เลยเรื่องเล่าเพียบ 😆 เลยไง
คือ ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ในสิงคโปร์ ฉันก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่อยาก “ดูดี” ค่ะคุณ แต่ยังไม่ได้รู้ว่าการใช้เงินที่ฉลาดมันต้องทำยังไง
ฉันเคยซื้อของบางอย่างเพราะอยาก “ให้คนเห็น” แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความรู้สึกว่างเปล่า
วันนี้ฉันเลยอยากแชร์ framework ที่ฉันใช้จริงๆ
มันคือ “High Return Aesthetic” หรือความงามและภาพลักษณ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ไม่ใช่ผลตอบแทนชั่วคราว
ความลับข้อแรก – ความนิ่งคือ luxury ที่แท้จริง
เมื่อก่อนฉันเชื่อว่าความดูดีคือของที่ใส่หรือถือ แต่พอทำงานกับลูกค้าพันล้านในเจนีวา ฉันเห็นเลยว่าคนที่ดูแพงที่สุดในห้องไม่ใช่คนที่ใส่แบรนด์เยอะ แต่คือคนที่นิ่ง สุขุม เคลื่อนไหวช้าแต่มั่นคง
ฉันเริ่มใช้เงินกับสิ่งที่ซื้อความสงบในตัวเองได้ เช่น ฝึกสมาธิ การหายใจ การนวดคุณภาพดี
นี่ไม่ใช่สปาฟุ่มเฟือย แต่มันคือการลงทุนให้เวลาคุณอยู่ต่อหน้าคนสำคัญแล้ว “นั่งนิ่ง” ได้โดยไม่ต้องปลอม
และนั่นทำให้ perception ของคุณสูงขึ้นกว่า accessory ใดๆ
ความลับข้อสอง – คำพูดคือกระเป๋าแบรนด์ของสมอง
ฉันเคยคิดว่าพูดเยอะคือดูเก่ง แต่พออยู่ในห้องประชุมจริงๆ ฉันเห็นว่าคำที่ใช้สำคัญกว่าปริมาณ
ฉันเริ่มลงทุนเวลาไปกับการอ่าน หัดเลือกใช้คำไทยที่คม เช่น
“ชั้นเชิง” แทน “เก่ง”
“รสนิยม” แทน “ชอบ”
“คุณค่า” แทน “ราคา”
ผลคือเวลาฉันพูด ลูกค้าฟังและให้ความเชื่อถือมากกว่าเดิม
นี่คือ High Return Aesthetic ที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่ยกระดับ perception ได้จริง
ความลับข้อสาม – เสื้อผ้าที่ทรงพูดแทนคุณ
ฉันเลิกซื้อเสื้อผ้าเพราะโลโก้ แต่เลือกซื้อเพราะ silhouette
blazer ตัวหนึ่งที่ตัดพอดี ทำให้ฉันเดินเข้า private bank ได้อย่างมั่นใจมากกว่ากระเป๋าหลักแสน
คนไม่จำยี่ห้อ แต่จำ movement และความมั่นใจที่มันส่งออกมา
ข้อดีของแนวคิดนี้คือคุณประหยัดเงินได้มหาศาลแต่ได้ผลลัพธ์ที่สูงกว่า
เงินหนึ่งหมื่นซื้อ blazer ดีๆ ใช้ได้หลายปี ดูแพงกว่ากระเป๋าหลักแสนที่ถือแค่ไม่กี่ครั้ง
ความลับข้อสี่ – Social Signals ที่ไม่ต้องซื้อ
ฉันเคยคิดว่าถ้าพูดเร็วๆ ใช้ศัพท์เยอะๆ จะดูฉลาด แต่พอไปอยู่ในห้องเดียวกับเจ้าของเครือโรงแรมที่ Verbier ฉันเห็นเขานั่งเงียบๆ ยกแก้วไวน์ช้าๆ พูดประโยคเดียวทั้งห้องฟัง และนั่นแหละคือออร่าของคนที่ไม่ต้องพยายาม
งานวิจัยจาก Yale ก็ยืนยัน คนที่พูดช้า ชัด ไม่รีบ ถูกมองว่ามี power สูงกว่า พอฉันฝึกใช้เทคนิคนี้ในการทำงาน มันเปลี่ยน perception ทันที มันคือการลงทุนที่ไม่ต้องจ่ายแบรนด์แต่ซื้อได้ด้วยวินัยและการฝึก
ความลับข้อห้า – Narrative คือทอง
ของแพงจริงๆ ไม่ใช่ป้ายราคา แต่คือเรื่องราวที่มันสะท้อน
ฉันมีนาฬิกาเรือนหนึ่งที่ซื้อจากโบนัสก้อนแรก ทุกครั้งที่ใส่มันเล่าเรื่องความพยายามของฉัน
มันไม่ใช่แค่ของ แต่เป็น narrative ที่ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกถึง journey ของเรา
นี่คือ High Return Aesthetic ที่ยั่งยืนกว่าการซื้อเพื่อถ่ายลงสตอรี่
ความลับข้อหก – ใช้เงินซื้อโอกาส ไม่ใช่ซื้อการยอมรับ
ฉันใช้เงินก้อนใหญ่เรียน WSET ทั้งที่หลายคนถามว่าบ้าหรือเปล่า
แต่คอร์สนั้นเปิดทางให้ฉันได้ทำ Classy & Tipsy และรู้จักลูกค้าระดับสูง
นี่คือการซื้อโอกาสที่จะต่อยอด ไม่ใช่ซื้อของเพื่อโชว์
Ultra rich ก็ทำแบบนี้ พวกเขาใช้เงินซื้อ connection ซื้อโอกาส ซื้อ skill ที่ต่อยอดได้
Framework ที่ใช้จริง
เงินเดือนเท่าไร กันไว้สำหรับ investment in self อย่างน้อย 10% ใช้ไปกับคอร์สสุขภาพ ภาษา การพูด
อีก 10% ลงทุนใน asset ที่โต เช่น กองทุน หุ้นปันผล
เสื้อผ้า accessories ไม่เกิน 10% ของรายได้ และต้องใช้ซ้ำได้ 30 ครั้งขึ้นไป
ROI ของ blazer ราคา 5,000 ใช้ 50 ครั้ง = 100 บาทต่อครั้ง พร้อม perception professional
เทียบกับเข็มขัดแบรนด์ 20,000 ใช้ 5 ครั้งแล้วเบื่อ = 4,000 บาทต่อครั้ง ไม่มีผลต่อ career capital เลย
นี่คือความลับของ High Return Aesthetic ที่ทำให้คุณดูแพงขึ้นจริงโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น
อยากย้ำให้คุณฟังอีกครั้งดังๆว่า…
High Return Aesthetic ไม่ใช่การใช้เงินเพื่อแสดงว่าเรามี แต่เพื่อแสดงว่าเรารู้จักเลือกอะไรให้ชีวิตเติบโต
มันคือการเลิกใช้เงินซื้อความยอมรับระยะสั้น แล้วหันมาใช้มันซื้อ power ภายใน โอกาสใหม่ และ perception ที่อยู่กับคุณตลอดไป
เพราะสุดท้ายแล้ว คนไม่จำว่าคุณถืออะไร แต่จำว่าคุณทำให้เขารู้สึกยังไง
และความรู้สึกนั้นคือผลตอบแทนสูงสุดที่คุณจะได้จากการใช้เงินอย่างมีชั้นเชิง
วันนี้คุณกำลังใช้เงินซื้อออร่าแบบไหนให้ตัวเองอยู่คะ
แอนนาเบล ❤️
CR
https://www.facebook.com/share/1Bgynd7nKL/?mibextid=wwXIfr
♥️👩🏻แด่สาวๆ ทุกคนที่อยากดูแพง … แต่ไม่ต้องใช้ของแพงหรือเสียเงินเยอะๆ
ใช้เงินยังไงให้ดูแพงขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น
เช้านี้ฉันนั่งจิบกาแฟแล้วคิดถึงคำถามที่น้องๆ ชอบถาม
พี่แอนนาเบลคะ หนูมีงบน้อย แต่หนูอยากดูแพงขึ้น อยากดู professional มากขึ้นโดยไม่ต้องเฟค
ฉันยิ้มเพราะนี่คือคำถามที่ฉันเคยถามตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อน … ก็เหมือนทุกเรื่องที่ฉันเล่าให้คุณฟังนั่นล่ะค่ะ ฉันไม่ได้จำมาจากตำรา แต่คือฉันพังมาก่อนเสมอ
แหม วันนี้เลยเรื่องเล่าเพียบ 😆 เลยไง
คือ ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ในสิงคโปร์ ฉันก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่อยาก “ดูดี” ค่ะคุณ แต่ยังไม่ได้รู้ว่าการใช้เงินที่ฉลาดมันต้องทำยังไง
ฉันเคยซื้อของบางอย่างเพราะอยาก “ให้คนเห็น” แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความรู้สึกว่างเปล่า
วันนี้ฉันเลยอยากแชร์ framework ที่ฉันใช้จริงๆ
มันคือ “High Return Aesthetic” หรือความงามและภาพลักษณ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ไม่ใช่ผลตอบแทนชั่วคราว
ความลับข้อแรก – ความนิ่งคือ luxury ที่แท้จริง
เมื่อก่อนฉันเชื่อว่าความดูดีคือของที่ใส่หรือถือ แต่พอทำงานกับลูกค้าพันล้านในเจนีวา ฉันเห็นเลยว่าคนที่ดูแพงที่สุดในห้องไม่ใช่คนที่ใส่แบรนด์เยอะ แต่คือคนที่นิ่ง สุขุม เคลื่อนไหวช้าแต่มั่นคง
ฉันเริ่มใช้เงินกับสิ่งที่ซื้อความสงบในตัวเองได้ เช่น ฝึกสมาธิ การหายใจ การนวดคุณภาพดี
นี่ไม่ใช่สปาฟุ่มเฟือย แต่มันคือการลงทุนให้เวลาคุณอยู่ต่อหน้าคนสำคัญแล้ว “นั่งนิ่ง” ได้โดยไม่ต้องปลอม
และนั่นทำให้ perception ของคุณสูงขึ้นกว่า accessory ใดๆ
ความลับข้อสอง – คำพูดคือกระเป๋าแบรนด์ของสมอง
ฉันเคยคิดว่าพูดเยอะคือดูเก่ง แต่พออยู่ในห้องประชุมจริงๆ ฉันเห็นว่าคำที่ใช้สำคัญกว่าปริมาณ
ฉันเริ่มลงทุนเวลาไปกับการอ่าน หัดเลือกใช้คำไทยที่คม เช่น
“ชั้นเชิง” แทน “เก่ง”
“รสนิยม” แทน “ชอบ”
“คุณค่า” แทน “ราคา”
ผลคือเวลาฉันพูด ลูกค้าฟังและให้ความเชื่อถือมากกว่าเดิม
นี่คือ High Return Aesthetic ที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่ยกระดับ perception ได้จริง
ความลับข้อสาม – เสื้อผ้าที่ทรงพูดแทนคุณ
ฉันเลิกซื้อเสื้อผ้าเพราะโลโก้ แต่เลือกซื้อเพราะ silhouette
blazer ตัวหนึ่งที่ตัดพอดี ทำให้ฉันเดินเข้า private bank ได้อย่างมั่นใจมากกว่ากระเป๋าหลักแสน
คนไม่จำยี่ห้อ แต่จำ movement และความมั่นใจที่มันส่งออกมา
ข้อดีของแนวคิดนี้คือคุณประหยัดเงินได้มหาศาลแต่ได้ผลลัพธ์ที่สูงกว่า
เงินหนึ่งหมื่นซื้อ blazer ดีๆ ใช้ได้หลายปี ดูแพงกว่ากระเป๋าหลักแสนที่ถือแค่ไม่กี่ครั้ง
ความลับข้อสี่ – Social Signals ที่ไม่ต้องซื้อ
ฉันเคยคิดว่าถ้าพูดเร็วๆ ใช้ศัพท์เยอะๆ จะดูฉลาด แต่พอไปอยู่ในห้องเดียวกับเจ้าของเครือโรงแรมที่ Verbier ฉันเห็นเขานั่งเงียบๆ ยกแก้วไวน์ช้าๆ พูดประโยคเดียวทั้งห้องฟัง และนั่นแหละคือออร่าของคนที่ไม่ต้องพยายาม
งานวิจัยจาก Yale ก็ยืนยัน คนที่พูดช้า ชัด ไม่รีบ ถูกมองว่ามี power สูงกว่า พอฉันฝึกใช้เทคนิคนี้ในการทำงาน มันเปลี่ยน perception ทันที มันคือการลงทุนที่ไม่ต้องจ่ายแบรนด์แต่ซื้อได้ด้วยวินัยและการฝึก
ความลับข้อห้า – Narrative คือทอง
ของแพงจริงๆ ไม่ใช่ป้ายราคา แต่คือเรื่องราวที่มันสะท้อน
ฉันมีนาฬิกาเรือนหนึ่งที่ซื้อจากโบนัสก้อนแรก ทุกครั้งที่ใส่มันเล่าเรื่องความพยายามของฉัน
มันไม่ใช่แค่ของ แต่เป็น narrative ที่ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกถึง journey ของเรา
นี่คือ High Return Aesthetic ที่ยั่งยืนกว่าการซื้อเพื่อถ่ายลงสตอรี่
ความลับข้อหก – ใช้เงินซื้อโอกาส ไม่ใช่ซื้อการยอมรับ
ฉันใช้เงินก้อนใหญ่เรียน WSET ทั้งที่หลายคนถามว่าบ้าหรือเปล่า
แต่คอร์สนั้นเปิดทางให้ฉันได้ทำ Classy & Tipsy และรู้จักลูกค้าระดับสูง
นี่คือการซื้อโอกาสที่จะต่อยอด ไม่ใช่ซื้อของเพื่อโชว์
Ultra rich ก็ทำแบบนี้ พวกเขาใช้เงินซื้อ connection ซื้อโอกาส ซื้อ skill ที่ต่อยอดได้
Framework ที่ใช้จริง
เงินเดือนเท่าไร กันไว้สำหรับ investment in self อย่างน้อย 10% ใช้ไปกับคอร์สสุขภาพ ภาษา การพูด
อีก 10% ลงทุนใน asset ที่โต เช่น กองทุน หุ้นปันผล
เสื้อผ้า accessories ไม่เกิน 10% ของรายได้ และต้องใช้ซ้ำได้ 30 ครั้งขึ้นไป
ROI ของ blazer ราคา 5,000 ใช้ 50 ครั้ง = 100 บาทต่อครั้ง พร้อม perception professional
เทียบกับเข็มขัดแบรนด์ 20,000 ใช้ 5 ครั้งแล้วเบื่อ = 4,000 บาทต่อครั้ง ไม่มีผลต่อ career capital เลย
นี่คือความลับของ High Return Aesthetic ที่ทำให้คุณดูแพงขึ้นจริงโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น
อยากย้ำให้คุณฟังอีกครั้งดังๆว่า…
High Return Aesthetic ไม่ใช่การใช้เงินเพื่อแสดงว่าเรามี แต่เพื่อแสดงว่าเรารู้จักเลือกอะไรให้ชีวิตเติบโต
มันคือการเลิกใช้เงินซื้อความยอมรับระยะสั้น แล้วหันมาใช้มันซื้อ power ภายใน โอกาสใหม่ และ perception ที่อยู่กับคุณตลอดไป
เพราะสุดท้ายแล้ว คนไม่จำว่าคุณถืออะไร แต่จำว่าคุณทำให้เขารู้สึกยังไง
และความรู้สึกนั้นคือผลตอบแทนสูงสุดที่คุณจะได้จากการใช้เงินอย่างมีชั้นเชิง
วันนี้คุณกำลังใช้เงินซื้อออร่าแบบไหนให้ตัวเองอยู่คะ
แอนนาเบล ❤️
CR https://www.facebook.com/share/1Bgynd7nKL/?mibextid=wwXIfr