O ที่ปลายฝน .. O




O ตรู่เช้าเมื่อหม่นหมอก-ถูกหยอกยั่ว
ลมโรยตัว .. ลูบไล้ก็ไหวสั่น
แถบผ้าขาวป่ายริ้ว-ห่มผิวพรรณ
พร้อมด้วยข้าวในขัน .. มุ่งมั่นรอ
O แล้วพิมพ์ภาพงดงาม .. แห่งยามเช้า
ค่อยทอดเงาเคียงหมู่ท่านผู้ขอ
ศรัทธาของรูปนามงดงามพอ
เพียงสาน-ต่อพุทธธรรม .. ลงย้ำใจ
O คำข้าว .. ช่อดอกไม้ .. ถวายพระ
ตอบภาวะศรัทธา .. เพื่ออาศัย
สำหรับน้อมจิตเฉพาะพิเคราะห์พิจัย
กำกับให้อัตตานั้นล้าตัว
O ข้าวหอมกรุ่นในขัน .. คดบรรจง
ใส่บาตรสงฆ์เบื้องหน้าแต่ฟ้าหลัว
จวบแสงทองอำไพส่องไล่มัว
สุขก็ซ่านเอ่อทั่วทั้งหัวใจ
O หากเช้านี้ .. ผิดแผกจนแตกต่าง
ชั่วพระย่างพ้นพลัน-ที่สั่นไหว
คืออกผู้-เบือนหน้าสบตาใคร
แล้ว-เลศนัยเชิงชู้ .. ก็จู่โจม !
O ด้วยเช้านี้มีชายที่หมายรู้
ว่า-งามผู้แสงรุ้งช่วยปรุงโฉม
นั้น .. ฤๅ-เพื่อรอช่วงแข่งดวงโคม
บันดาลโสมนัสช่วงกลางห้วงใจ ?
O ดู .. สายตาจับจ้องความผ่องแผ้ว
แต่ล้วนแววเอ็นดูจนรู้ได้
ดู .. สายตาจับจ้องความยองใย
ความอ่อนไหวอ่อนโยนก็โชนแวว !
O เมื่อมีรูป, มีใจ-หวั่นไหวอยู่
อารมณ์ผู้จับจ้องก็ผ่องแผ้ว
พร้อมริ้วลมโรยตัวอยู่ทั่วแนว
การจับจองรูปแก้ว .. ฤา-แล้วเลือน ?
O แต่เมื่อตาสบรูป .. การวูบไหว
ของดวงใจ .. คือ-งามเจ้าลามเลื่อน
ยอรูปองค์ .. ล้อมชาติเกินอาจเบือน
สายตาเคลื่อนจากงาม .. แม้ยามเดียว !
O ตาสบรูป .. จิตวูบด้วยรูปนั้น
ตั้งแต่หันมองตอบ .. เฝ้าลอบเหลียว
ตาต้องรูปร่ำล้อ .. ดั่งขอเคียว
วาดเพื่อเหนี่ยวใจรอ .. ไว้ต่อรอง
O เช้านี้ .. จึงช่างแปลกจนแตกต่าง
ด้วยเรียวร่างงามที่ไม่มีสอง
ด้วยรูปพักตร์รูปเดียวเฝ้าเหลียวมอง
โลกทั้งผองก็เหมือนวาง .. ให้ย่างเท้า !
O ไร้ซึ่งความเหงา-เงียบให้เหยียบย่าง
สิ้นทั้งโลกผืนกว้าง .. เคยว่างเปล่า
มีแต่แววซ่อนยิ้ม, ความพริ้มเพรา
ของรูปเงาเบื้องหน้า .. ให้ปรารมภ์ !
O พร้อม-ลมเอื่อยแผ่วผ่านอยู่นานเนิ่น,
แววขัดเขินเผยอยู่ .. สุดรู้ข่ม
สบ-สัมผัสหอมหวานอยู่นานนม
อกใจที่จ่อมจมก็ .. สมยอม
O ช่อขาวเกสรปีบ .. รอบีบกลิ่น
ต้องลมรินโรยผ่าน .. ทั้งหวานหอม
เหมือนแฝงฝากลมร่ำให้ด่ำดอม
รื่นรมย์ที่รายล้อม .. อย่างพร้อมเพรียง
O ใช่ปีกผีเสื้องาม, ตาวามนัย
แฝงฝากให้อาวรณ์แทรกซ้อนเสียง
เฉกลวดลายปีกบาง .. ลอยร่างเพียง
เพื่อเข้าเคียงหวานหอม .. แนบน้อมรส
O เมฆขาวเวิ้งฟ้าใส .. ลมไหวแว่ว
วันผ่องแผ้วบังเดือนให้เลือนบท
หญ้าต้องลมโลมสู่ .. ยอดคู้คด
ภู่จ่อจดหวานหอมไม่ยอมลา
O นกโผเกาะกิ่งพฤกษ์ .. เมื่อนึกย้อน
ถึงช่วงตอนห่วงละห้อยแต่คอยหา
ดื่มด่ำด้วยรูปฝัน .. แรงฉันทา
จึงเพิ่มค่าเพิ่มคุณด้วยสุนทรีย์
O ทอดตามองที่นี่และที่นั่น
อย่างเฉียบพลัน .. งามซึ้งก็ถึงที่
กลางลมอุ่นโอบไล้, รอบไมตรี
จึงคล้อยคลี่คลายประทับไว้กับทรวง
O พร้อมลำดวนเทียมประทิ่นรวยรินสู่
รูปนามกลับหอมอยู่ไม่รู้ล่วง
แรงอาวรณ์ซาบซึ้ง .. ของหนึ่งทรวง
หวัง-ผ่านหอมหวานล่วง .. ถึงทรวงนั้น
O ปีกนกยังคลี่กาง .. ร่อนกลางฟ้า
กลางแววตา, อกใคร .. เถิด-ไหวหวั่น
กลับห่วงหวงคืนหนีบเข้าบีบคั้น
เค้นให้สั่นไหวระรัวทุกชั่วยาม
O ลมร่ำสายโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ด้วยแทรกซ้อนพิมพ์พธู .. สุดรู้ข้าม
คอยกระซิบทุกวูบ .. ที่รูปนาม
ผ่อนผ่านแวววับวามบ่งความนัย
O ปีกนกกางโล้ลม, อารมณ์ถวิล
ก็หลั่งรินรอชู้ .. ร่วมสู่สมัย
การจับจูงเกี่ยวร้อยทุกรอยใจ
กำหนดให้ .. ร่วมย่างเส้นทางเดียว !
.
.
การจับจูงเกี่ยวร้อยกับก้อยใคร
ระบุให้ .. ยากเบี่ยงหลบเลี่ยงแล้ว !
.
.
.
ขออนุญาตคนในภาพนะขอรับ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=03-10-2025&group=239&gblog=1
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่