Mango China เปิดลิสต์สินค้า นักท่องเที่ยวจีนหิ้วจากไทยกลับบ้าน มายองเนสคิวพี, แชมพู บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ม้านอกสายตา ชี้ทำตลาดจีนต้องอยู่ถูกที่
แม้สินค้าไทยหลายอย่าง จะเป็นที่ชื่นชอบของคนจีน แต่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่สินค้าทุกตัวจะขายดี ในยุคที่ดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนการตลาดผู้ประกอบการไทยต้องใช้โอกาสจากโซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะปัจจุบัน กำลังซื้อของคนจีนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นทุกปี พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว การทำให้สินค้าไทยกลายเป็นที่หมายตาจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์หรือ Key message สำคัญ
ในงาน ScaleFast Summit & Expo 2025 ที่ผ่านมา ปณิชา ประทีปะวณิช จาก Mango China Group ได้ขึ้นเวที Strategy Stage เผยกลยุทธ์เจาะตลาดมังกร พร้อมเปิดลิสต์ 3 สินค้าที่มาแรงในจีน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากการโฆษณาที่ยิ่งใหญ่ แต่มาจากการ เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคจีนอย่างลึกซึ้ง และเปลี่ยนการสื่อสาร
สินค้าบางตัวเป็น "ม้านอกสายตา" ที่หลายคนมองข้าม ทว่ากลับกลายเป็นไอเท็มยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวจีนต้องตามล่าซื้อกลับประเทศเมื่อมาเยือนไทย เช่น
1. มายองเนส Kewpie “รสชาติแปลกใหม่ที่ไม่มีในจีน”
แม้มายองเนสคิวพีจะเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น และไม่ใช่ของใหม่สำหรับคนจีน แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นคือ รสชาติแปลกใหม่ที่ไม่มีขายในจีน เช่น รสชีส รสศรีราชา หรือรสทรัฟเฟิล ซึ่งถูกปากคนจีนสมัยใหม่ที่กำลังเปิดใจรับวัฒนธรรมการบริโภคใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการรีวิวบอกต่อ นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากมาไทนก็ซื้อกลับไป รีวิวเอง (Organic Review) และเมื่อ Mango China เห็นเทรนด์นี้ จึงช่วยโปรโมตเพิ่มเติม ส่งผลให้มายองเนสรสชาติเหล่านี้กลายเป็นที่ต้องการสูงไปทั่วจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์แล้ว
2.คนจีนชอบแชมพูไทย พลิก Key Message สู่ “หอมสดชื่น 3 วัน” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
หรืออย่างแชมพูฟอลเลสสีเขียว การสื่อสารตอนแรก เน้นเรื่องลดผมร่วง แต่คนจีนไม่สนใจเรื่องผมร่วงเหมือนบ้านเรา เพราะคนจีนจะนิยมไปหาหมอแแผนจีนแทน แต่เมื่อเปลี่ยน Key Message สื่อสาร เป็น “สระครั้งเดียว ผมสดชื่นหอมต่อเนื่อง 3 วัน” ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนจีนในบางพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น หรือมีข้อจำกัดด้านการใช้ชีวิตที่ไม่สะดวกสระผมทุกวัน
การสื่อสารที่เข้าใจบริบทและไลฟ์สไตล์อย่างลึกซึ้งนี้ ทำให้แชมพูฟอลเลส กลายเป็นสินค้าที่ขายดีอย่างก้าวกระโดด เพราะ "ตรงใจ" ความต้องการที่ซ่อนอยู่ของผู้บริโภค
3.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่าง Mama “ชุดอาหารไทย”
มาม่าถือเป็นตัวอย่างของการ "ต่อยอดความสำเร็จ" ที่มีอยู่เดิมอย่างชาญฉลาด เพราะคนจีนจำนวนมากเชื่อมโยงมาม่าเข้ากับความอร่อยและเป็นสัญลักษณ์ของอาหารไทยอยู่แล้ว (โดยเฉพาะรส ต้มยำกุ้ง ที่เคยครองตลาด)
จุดเปลี่ยนแทนที่จะหยุดอยู่แค่รสชาติเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นคือการ ขยายความหมาย ของมาม่าให้กลายเป็นตัวแทนของอาหารไทยหลากหลายประเภท เช่น รสพะแนงเนื้อ, เย็นตาโฟ, หรือมาม่าผัดไทย
ทั้ง 3 เป็นเพียงตัวอย่างสินค้ายอดนิยมเท่านั้น โดยกระแส มาจากแพลตฟอร์มหลักอย่าง Xiaohongshu ในการโปรโมตจนเกิดกระแสติดตลาด ทำให้คนจีนเริ่มเข้าใจว่า ถ้าต้องการลิ้มรสอาหารไทยแบบครบเครื่อง ต้องซื้อมาม่ากลับไป "ทุกรสชาติ" ไม่ใช่แค่รสเดียวอีกต่อไป ผลลัพธ์คือมาม่าทุกรสชาติกลายเป็นของฝากยอดนิยม ที่ถูกมองเป็น “ชุดอาหารไทย” ที่สมบูรณ์แบบ
กุญแจสู่ตลาดจีน ต้องอยู่บนแพลตฟอร์มที่เขาใช้
ทั้งนี้ ปณิชาทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย นั่นคือการ เลือกแพลตฟอร์มที่ถูกต้อง หลายแบรนด์ไทยมักรายงานความสำเร็จด้วยยอดผู้ติดตาม Facebook แต่ต้องเข้าใจว่าคนจีนไม่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้
แพลตฟอร์มอันดับหนึ่งที่น่าสนใจและพลาดไม่ได้คือ Xiaohongshu (เสี่ยวหงซู) ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้หญิงจีนในการแชร์ไลฟ์สไตล์ สินค้า และเกิดการ ซื้อสินค้าตามกัน (Social Commerce) อย่างรวดเร็ว การสร้างกระแสบน Xiaohongshu ควบคู่ไปกับการวางสินค้าในจุดที่เข้าถึงง่าย เช่น Big C หรือ 7-Eleven จึงเป็นกลยุทธ์หลักที่ช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเห็นกระแสแล้วตามซื้อและแชร์ต่อเองโดยธรรมชาติ
การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค การสื่อสารที่ตรงจุด และการใช้แพลตฟอร์มที่ถูกต้อง จึงเป็นสูตรลับที่เปลี่ยนสินค้าธรรมดาของไทยให้กลายเป็น “ของต้องซื้อ” สำหรับนักท่องเที่ยวจีน และเป็นหนทางในการต่อยอดความนิยมไปยังสินค้าอื่น ๆ ได้อย่างยั่งยืน
เปิดลิสต์สินค้า ”ม้านอกสายตา“ คนจีนหิ้วจากไทยกลับบ้าน