“กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนเลือกดื่มเป็นประจำ ไม่ว่าจะเพื่อกระตุ้นความสดชื่น เพิ่มพลังงาน หรือช่วยในการเผาผลาญไขมัน แต่ทราบไหมคะว่า "การดื่มกาแฟหลังอาหารอาจส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็กของร่างกาย" ซึ่งอาจมีผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ วันนี้เรามาเจาะลึกกันว่าความเชื่อนี้จริงแค่ไหน และเวลาที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดคือช่วงเวลาใดกันค่ะ 😊
☕ กาแฟดำลดการดูดซึมแคลเซียม-ธาตุเหล็กจริงไหม?
การดื่มกาแฟดำหลังอาหารนั้นมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียมและธาตุเหล็กจริงค่ะ โดยมีกลไกที่ทำให้เกิดผลกระทบนี้มีดังนี้
1️⃣ คาเฟอีน (Caffeine) กระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น
▪️ คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมมากขึ้น
▪️ การสูญเสียแคลเซียมมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในระยะยาว
2️⃣ กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) จับกับแคลเซียมและธาตุเหล็ก
▪️ สารนี้ในกาแฟสามารถจับกับแคลเซียมและธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ได้น้อยลง
▪️ แคลเซียมและธาตุเหล็กที่จับตัวกับกรดคลอโรจีนิกจะถูกขับออกทางอุจจาระ
3️⃣ สารประกอบฟีนอลิก (Phenolic Compounds) ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก
▪️ สารฟีนอลิกในกาแฟสามารถยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร โดยเฉพาะ ธาตุเหล็กชนิดไม่ฮีม (Non-Heme Iron) ซึ่งพบในพืช ผัก และธัญพืช
▪️ สำหรับผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก เช่น ผู้หญิงที่มีประจำเดือนบ่อยๆ หรือผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง อาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
☕ ดื่มกาแฟเวลาไหนถึงจะดีต่อร่างกาย?
เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการดื่มกาแฟต่อการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็ก แนะนำให้ดื่มกาแฟในเวลาที่เหมาะสม ดังนี้
✅ ช่วงเช้า ระหว่าง 09:30 - 11:00 น. ☀️
▪️ เป็นเวลาที่ร่างกายตื่นตัว และระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานไม่สูงเกินไป ทำให้กาแฟช่วยเพิ่มความสดชื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
▪️ หากดื่มตอน 7 โมงเช้าหรือตื่นนอนทันที ระดับคอร์ติซอลที่สูงอยู่แล้วอาจทำให้กาแฟไม่มีผลมากนัก
✅ หลังอาหารอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ⏳
▪️ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็กได้ก่อนที่คาเฟอีนและสารประกอบอื่นๆ จะขัดขวางกระบวนการนี้
▪️ หากต้องทานแคลเซียมเม็ด ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนหรือ 4-6 ชั่วโมงหลังดื่มกาแฟ
✅ ช่วงบ่าย 13:00 - 15:00 น. ☕
▪️ เป็นช่วงเวลาที่ระดับพลังงานเริ่มลดลง กาแฟสามารถช่วยเพิ่มความสดชื่นและประสิทธิภาพในการทำงานได้
▪️ หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหลัง 16:00 น. เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับในตอนกลางคืน
☕ ดื่มกาแฟยังไงให้เกิดประโยชน์?
▪️ เลือกกาแฟดำ (ไม่มีน้ำตาล นม ครีมเทียม) – ช่วยลดแคลอรีและควบคุมน้ำหนัก
▪️ ดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย – ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายและเร่งการเผาผลาญไขมัน
▪️ หลีกเลี่ยงกาแฟขณะท้องว่าง – อาจทำให้กระเพาะระคายเคืองและเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร
▪️ ดื่มน้ำเปล่าควบคู่ – ลดผลกระทบของคาเฟอีนและช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
▪️ ดื่มกาแฟในปริมาณที่ไม่มากเกินจนไป – คือไม่ควรได้รับคาเฟอีนมากกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่ากับกาแฟ 2-3 แก้ว) เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าเพิ่มความเสี่ยงกระดูกหักจากกระดูกพรุนถึงร้อยละ 20
✨ สรุปคือ "กาแฟ" ไม่ใช่ตัวร้าย ถ้าเราดื่มในเวลาที่เหมาะสม และดื่มอย่างพอดี เพียงปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากกาแฟ โดยไม่ทำลายสุขภาพในระยะยาวแล้วค่ะ อย่าลืมดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กับการดื่มเครื่องดื่มที่คุณชื่นชอบนะคะ 😊☕
อ้างอิง :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=27844
https://www.thebetter.co.th/news/health-trend/19391
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/แคลเซียม-กินอย่างไรให้ด/
ที่มา : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
☕ รู้ไหม? ดื่มกาแฟทันทีหลังอาหาร อาจส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม-ธาตุเหล็กลดลง 🦷
☕ กาแฟดำลดการดูดซึมแคลเซียม-ธาตุเหล็กจริงไหม?
การดื่มกาแฟดำหลังอาหารนั้นมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียมและธาตุเหล็กจริงค่ะ โดยมีกลไกที่ทำให้เกิดผลกระทบนี้มีดังนี้
1️⃣ คาเฟอีน (Caffeine) กระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น
▪️ คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมมากขึ้น
▪️ การสูญเสียแคลเซียมมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในระยะยาว
2️⃣ กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) จับกับแคลเซียมและธาตุเหล็ก
▪️ สารนี้ในกาแฟสามารถจับกับแคลเซียมและธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ได้น้อยลง
▪️ แคลเซียมและธาตุเหล็กที่จับตัวกับกรดคลอโรจีนิกจะถูกขับออกทางอุจจาระ
3️⃣ สารประกอบฟีนอลิก (Phenolic Compounds) ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก
▪️ สารฟีนอลิกในกาแฟสามารถยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร โดยเฉพาะ ธาตุเหล็กชนิดไม่ฮีม (Non-Heme Iron) ซึ่งพบในพืช ผัก และธัญพืช
▪️ สำหรับผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก เช่น ผู้หญิงที่มีประจำเดือนบ่อยๆ หรือผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง อาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
☕ ดื่มกาแฟเวลาไหนถึงจะดีต่อร่างกาย?
เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการดื่มกาแฟต่อการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็ก แนะนำให้ดื่มกาแฟในเวลาที่เหมาะสม ดังนี้
✅ ช่วงเช้า ระหว่าง 09:30 - 11:00 น. ☀️
▪️ เป็นเวลาที่ร่างกายตื่นตัว และระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานไม่สูงเกินไป ทำให้กาแฟช่วยเพิ่มความสดชื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
▪️ หากดื่มตอน 7 โมงเช้าหรือตื่นนอนทันที ระดับคอร์ติซอลที่สูงอยู่แล้วอาจทำให้กาแฟไม่มีผลมากนัก
✅ หลังอาหารอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ⏳
▪️ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็กได้ก่อนที่คาเฟอีนและสารประกอบอื่นๆ จะขัดขวางกระบวนการนี้
▪️ หากต้องทานแคลเซียมเม็ด ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนหรือ 4-6 ชั่วโมงหลังดื่มกาแฟ
✅ ช่วงบ่าย 13:00 - 15:00 น. ☕
▪️ เป็นช่วงเวลาที่ระดับพลังงานเริ่มลดลง กาแฟสามารถช่วยเพิ่มความสดชื่นและประสิทธิภาพในการทำงานได้
▪️ หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหลัง 16:00 น. เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับในตอนกลางคืน
☕ ดื่มกาแฟยังไงให้เกิดประโยชน์?
▪️ เลือกกาแฟดำ (ไม่มีน้ำตาล นม ครีมเทียม) – ช่วยลดแคลอรีและควบคุมน้ำหนัก
▪️ ดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย – ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายและเร่งการเผาผลาญไขมัน
▪️ หลีกเลี่ยงกาแฟขณะท้องว่าง – อาจทำให้กระเพาะระคายเคืองและเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร
▪️ ดื่มน้ำเปล่าควบคู่ – ลดผลกระทบของคาเฟอีนและช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
▪️ ดื่มกาแฟในปริมาณที่ไม่มากเกินจนไป – คือไม่ควรได้รับคาเฟอีนมากกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่ากับกาแฟ 2-3 แก้ว) เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าเพิ่มความเสี่ยงกระดูกหักจากกระดูกพรุนถึงร้อยละ 20
✨ สรุปคือ "กาแฟ" ไม่ใช่ตัวร้าย ถ้าเราดื่มในเวลาที่เหมาะสม และดื่มอย่างพอดี เพียงปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากกาแฟ โดยไม่ทำลายสุขภาพในระยะยาวแล้วค่ะ อย่าลืมดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กับการดื่มเครื่องดื่มที่คุณชื่นชอบนะคะ 😊☕
อ้างอิง :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มา : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ