ศุภณัฐ เปิด 4 ประเด็น ที่ประชาชนต้องติดตามปม ถนนทรุด จับตาอย่าให้มีการโยนบาป-ฟอกขาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5383828
.
.
ศุภณัฐ เปิด 4 ประเด็น ที่ประชาชนต้องติดตามปม ถนนทรุด จับตาอย่าให้มีการโยนบาป-ฟอกขาว
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นาย
ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความลงในเพจ “
ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ – Suphanat Minchaiynunt”
.
[จับตาอย่าให้มีการโยนบาป-ฟอกขาว กรณีถนนทรุด]
.
#ถนนทรุด ครั้งนี้ น่าจะเป็นการยุบตัวที่ใหญ่และลึกที่สุดของไทยครั้งหนึ่ง ปัญหาที่คงหนีไม่พ้น คือการโยนไปมาระหว่าง
.
(1) ท่อประปาแตก เลยทำให้เกิดดินทรุด กระทบอุโมงค์ หรือ
.
(2) ก่อสร้างรถไฟฟ้าผิดพลาดจนทำให้ดินทรุด และท่อประปาเลยแตก
.
เพราะผลกระทบที่เกิด มีมูลค่าความเสียหายที่สูง และมีเรื่องความล่าช้าของโครงการซึ่งย่อมเกิดค่าปรับ และ “ต้องมีคนจ่ายค่าปรับ” รวมๆแล้วอาจจะถึงระดับ 1,000 ล้านบาท
.
โดยถ้าผลออกมาเป็นแบบ (1) ผู้รับเหมารอด รัฐซวย แต่แบบ (2) ผู้รับเหมาซวย (ซึ่งต้องไปดูว่า ประกันที่ผู้รับเหมาทำไว้ ครอบคลุมขนาดไหน)
.
ทั้งนี้ 4 ประเด็นที่เราต้องติดตามคือ
.
1. การตรวจสอบจะทำโดยใคร ใช้เวลาเท่าไร
2. ความเสียหายทั้งหมด รวมถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้น มีมูลค่าเท่าไร
3. เราเชื่อถือคนที่เข้าไปตรวจสอบได้มากน้อยขนาดไหน และจะมีกระบวนการฟอกขาว-โยนว่าเป็นความผิดไปเผื่อช่วยใครหรือไม่
4. เมื่อตรวจสอบแล้ว จะมีการเปิดเผยข้อมูลรายการผลการตรวจสอบทั้งหมดหรือไม่ หรือจะแค่มาแถลงชี้เอาว่าใครผิดใครถูก และทุกคนจำต้องเชื่อตามนั้น?
เพราะถ้าเราย้อนรอยกรณี ตึกสตง. บางคนอาจไม่ทราบว่า จนถึงวันนี้กรมโยธาฯ กระทรวงมหาดไทยยังไม่ยอมเปิดเผยรายงานการตรวจสอบฉบับเต็มต่อกรรมาธิการของสภาแม้แต่กรรมาธิการเดียว
.
อย่างกรรมาธิการผม คือ กมธ.วิสามัญยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง ที่ตั้งขึ้นเพราะเหตุตึกสตง. จี้ขอรายงานตึกสตง.ไป แต่กรมโยธาฯ ไม่ยอมให้แม้จะทำเรื่องส่งไปยังอดีตรมต.มหาดไทย แต่ก็ไม่ช่วยไร
.
มีแต่ที่อดีตนายกฯออกมาแถลงว่า ผิดที่คนนั้นคนนี้ โดยที่สร้างความน่าสงสัยหลายจุด และก็ไม่ยอมเปิดเผยรายงานฉบับเต็มว่าไปทดสอบกันแบบไหน
.
นักวิชาการ อ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ รวมถึงผู้ประกอบวิชาชีพหลายคนมากที่ตั้งคำถามต่อผลการทดสอบ และกำลังรอรายงานผลตึกสตง. เพราะอย่างน้อยรายงานนี้อาจจะเป็น คุณูปการณ์ต่อประเทศ ต่อยอดสู่การจัดทำ protocol เบื้องต้นกรณีถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ควรจะต้องตรวจดูอะไรบ้าง ทดสอบอะไร ที่ไหน เก็บหลักฐานอย่างไร
.
แต่ทุกวันนี้ยังไม่เปิดเผยรายงาน ทำให้เกิดความเคลือบแคลงน่าสงสัยว่า ผลการตรวจสอบทำอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่
.
เรื่องนี้ นายอนุทินที่กลับมานั่งนายกฯ และควบรมต. มหาดไทย กำกับกรมโยธาธิการ ที่เป็นผู้จัดทำรายงานตึกสตง. จะออกคำสั่งให้เปิดเผยรายงานตึกสตง.หรือไม่? และส่วนของการตรวจสอบถนนทรุด จะมีการปกปิดข้อมูล หรือมีกระบวนการฟอกขาวหรือไม่? เรามารอดูกันครับ
.
ที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณ จนท.กทม. และ ผู้ว่าชัชชาติ ที่เข้ามาช่วย รฟม. กปน. กฟน. ผรม. และหน่วยงานอื่นๆ บริหารสถานการณ์ ทั้งที่กทม.ไม่ได้ก่อปัญหา แต่กลับต้องมาร่วมกันแก้ และกทม.ก็ทำได้ดี ขอชื่นชมครับ
.
ดูโพสต์ฉบับเต็ม
.
.
สภาฯล่ม รับรบ.ใหม่ เสียงไม่พอโหวต พรบ.อากาศสะอาด ร่างครม.เก่า วิโรจน์จวกยับทิ้งกม.ตัวเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5383415
.
สภาฯล่ม รับรบ.ใหม่ เสียงไม่พอโหวตะรบ.อากาศสะอาด จวกยับทิ้งร่างกม.ตัวเอง
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาฯพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งมี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ.พิจารณาแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาทำเนื้อหาสาระ นานกว่า 1 ปี 8 เดือน ก่อนเสนอให้สภาฯ พิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 การอภิปรายในช่วงบ่ายนั้น การลงมติในแต่ละมาตราของร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ยังคงเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นยิ่งกว่าเดิม แต่ละมาตรามีสส.แสดงตนเป็นองค์ประชุมเกินมาเพียง 2-3 เสียงเท่านั้น
.
กระทั่งถึงมาตรา22 มีผู้มาแสดงตนเป็นองค์ประชุม 246 เสียง พอดีกับองค์ประชุม แต่ปรากฏตอนเสียบบัตรลงคะแนนว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในมาตรานี้หรือไม่ มีคะแนนรวมเพียง 245 เสียงเท่านั้น ไม่ครบองค์ประชุม แต่ นาย
ฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ระบุว่า มีสมาชิกลงมติด้วยวาจาเพิ่มอีก 1 เสียง ทำให้มีเสียง 246 เสียง
.
ทำให้สส.พรรคประชาชน ทั้งนาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ลุกขึ้นประท้วงวุ่นวาย โดยยืนยันว่า การเสียบบัตรลงคะแนน มีส.ส.ไม่ครบองค์ประชุม และไม่มีการลงมติด้วยวาจาเพิ่มเติม ขอให้ตรวจด้วย จนนายฉลาดต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการลงมติอีกครั้ง พบว่า สมาชิกที่ลงมติด้วยวาจาเพิ่มเติมนั้น ได้เสียบบัตรลงคะแนนไปแล้ว ถือว่า องค์ประชุมไม่ครบในการลงคะแนน ทำให้องค์ประชุมสภาล่มในทันที นายฉลาดต้องสั่งปิดประชุมในเวลา 16.00 น.
.
ด้าน นาย
วิโรจน์ ได้โพสต์ผ่านทวิตแอพพลิเคชั่น x ถึงกรณีดังกล่าวว่า “
องค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล นั้นถูกต้องแล้ว แต่ถ้าร่างกฎหมายที่พรรคตัวเองเสนอเข้าสู่สภา ส.ส.ของพรรคนั้นก็ต้องมีสำนึกและความรับผิดชอบต่อร่างกฎหมายของตัวเอง ไม่ใช่ทิ้งร่างกฎหมายให้เป็นภาระของพรรคอื่น เราก็พร้อมแบกให้ แต่การกระทำเช่นนี้ มันสะท้อนถึงความไร้ความรับผิดชอบเกินไป”
.
https://x.com/wirojlak/status/1971126629067112708
.
.
เขมร ส่งรถถังเข้าที่ตั้งยิงตรงข้ามช่องตาเฒ่า ห่างไทย 300 ม. คาดเตรียมปฏิบัติการทางทหารต่อไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5383513
.
ชายแดนไทย- กัมพูชา เริ่มร้อน ‘กัมพูชา’ ส่งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีตรง-รถถัง 1 คัน ประจำจุดยิงตรงข้ามช่องตาเฒ่า ทางขึ้นเขาพระวิหาร ทภ.2 เปิดไทม์ไลน์ เสียงปืน-ระเบิด กลางดึก พบความเคลื่อนไหวรอบแนวลวดหนาม ชี้เป็นการยั่วยุ แต่ยังไม่ตอบโต้
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยระบุว่า สถานการณ์โดยรวม ฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 68 ฝ่ายทหารกัมพูชาได้เพิ่มเติมอาวุธยิงสนับสนุนวิถีตรง เข้ามาในพื้นที่แนวชายแดน โดยนำรถถัง 1 คัน เข้าที่ตั้งยิงบริเวณพื้นที่ตรงข้ามช่องตาเฒ่า ทางขึ้นเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการฝั่งไทยประมาณ 300 เมตร คาดว่าเป็นการเตรียมการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทย
.
ต่อมาในประมาณเวลา 20.50 น. ฝ่ายทหารไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณพื้นที่ช่องกร่าง ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทางทิศตะวันออก ระยะประมาณ 150 เมตร ติดแนวลวดหนามของฝ่ายเรา และยังตรวจพบแสงไฟประมาณ 5 ดวง ในระยะ 100 เมตร บริเวณแนวรั้วลวดหนาม พร้อมทั้งได้ยินเสียงปืนเล็กยิงเข้ามาบริเวณพื้นที่วางกำลังของฝ่ายเรา จำนวน 3 นัด คาดว่าฝ่ายทหารกัมพูชาพยายามเข้ามาเกาะแนวลวดหนามของฝ่ายเรา ต้องการตรวจสอบแนวการวางกำลัง และยั่วยุฝ่ายทหารไทย
.
และในเวลา 02.50 น. ฝ่ายทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณพื้นที่จุดตรวจสามแยก ตำบลตาเมียง อำเภอพนนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง จากทางทิศใต้ ระยะประมาณ 150 เมตร ติดกับแนวรั้วลวดหนามของฝ่ายเรา คาดว่าเป็นการใช้ระเบิดขว้าง ขว้างเข้ามาแนววางกำลังของฝ่ายเรา เพื่อตรวจสอบแนวการวางกำลัง และยั่วยุฝ่ายทหารไทย ทั้งนี้ฝ่ายทหารไทยไม่มีการตอบโต้ และไม่สูญเสียแต่อย่างใด โดยยังคงยึดมั่นในหลักการอดกลั้นและปฏิบัติด้วยความรอบคอบ เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรง
.
การกระทำดังกล่าวของฝ่ายทหารกัมพูชา เป็นการใช้อาวุธเพื่อการยั่วยุ และเพิ่มเติมกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ ตามที่ได้ร่วมกันลงนามในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) อีกทั้งยังเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ในการให้ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธ เพื่อนำไปสู่การอพยพประชาชนกัมพูชาออกนอกพื้นที่บริเวณแนวชายแดน สร้างความชอบธรรมในการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทย โดยมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ และขั้นตอน เพื่อสร้างภาพในเวทีนานาชาติว่าฝ่ายไทยเป็นฝ่ายริเริ่มการปฏิบัติการทางทหาร และฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ถูกกระทำ
.
สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงแสดงท่าทีไม่จริงใจต่อกระบวนการสันติภาพ และมีแนวโน้มที่จะผลักดันสถานการณ์ไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น ฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติ แต่ก็พร้อมปฏิบัติการเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ
.
กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เนื่องจากปัจจุบันมีสิ่งบอกเหตุหลายอย่าง ที่จะนำไปสู่สถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อป้องกันการรับข้อมูลข่าวสาร ที่คลาดเคลื่อน บิดเบือน เพื่อป้องกันการรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน บิดเบือน หรือข่าวปลอม (Fake news) ขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร และติดตามข้อมูล จากช่องทางอย่างเป็นทางการจากส่วนราชการ ซึ่งสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง และทันเวลา
.
.
จับตาเขมรแตกตื่นอพยพออกหมดหมู่บ้าน ปล่อยข่าวลือทหารไทยจะยิงวันนี้
https://www.dailynews.co.th/news/5145797/
.
ชาวบ้านกัมพูชาแตกตื่นแห่อพยพออกจากพื้นที่กันอย่างจ้าละหวั่น หลังมีการปล่อยข่าวลือทหารไทยจะยิงวันนี้ จนเกลี้ยงหมู่บ้าน ขณะที่ฝั่งไทยสถานการณ์ปกติ รอฟังข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและผู้นำชุมชนเท่านั้น
.
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ฝั่ง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามชายแดนช่องจอมและตาเมือนธม-ตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้มีการปล่อยข่าวลือในโลกโซเชียล ระบุว่า ทางการกัมพูชาให้อพยพชาวบ้านออก กล่าวหาว่าไทยจะโจมตีกัมพูชาวันนี้ (25 ก.ย.) ทำให้ชาวกัมพูชาที่อยู่ในหมู่บ้านชายแดน พากันตื่นตระหนกแห่อพยพออกจากพื้นที่กันอย่างจ้าละหวั่น
.
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังพื้นที่ของหมู่บ้านชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก็ยังพบประชาชนดำเนินชีวิตตามปกติ ยังไม่มีการอพยพแต่อย่างใด ตรงข้ามกับฝั่งกัมพูชาที่มีการอพยพอย่างจ้าละหวั่นตั้งแต่เมื่อคืนนี้และตลอดทั้งวัน โดยชาวบ้านฝั่งไทยในพื้นที่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกกับกระแสข่าวดังกล่าว เนื่องจากชินกับสถานการณ์แล้ว ต่างรอฟังผู้นำชุมชนและหน่วยงานรัฐแจ้งให้อพยพเพียงอย่างเดียว และขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งใดๆ เกิดขึ้น
.
ส่วนในพื้นที่ย่านการค้าชายแดนช่องจอม ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดอย่างเงียบเหงา แต่ยังคงมีร้านค้าอาหารของสดต่างๆ บางส่วน ยังเปิดค้าขายกันอยู่เช่นเดิม
JJNY : 5in1 ศุภณัฐจับตา│วิโรจน์จวกยับทิ้งกม.ตัวเอง│เขมรส่งรถถังเข้าที่ตั้ง│จับตาเขมรแตกตื่น│ศาลไต้หวันจำคุก 4 อดีตสมาชิก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5383828
.
ศุภณัฐ เปิด 4 ประเด็น ที่ประชาชนต้องติดตามปม ถนนทรุด จับตาอย่าให้มีการโยนบาป-ฟอกขาว
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความลงในเพจ “ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ – Suphanat Minchaiynunt”
.
[จับตาอย่าให้มีการโยนบาป-ฟอกขาว กรณีถนนทรุด]
.
#ถนนทรุด ครั้งนี้ น่าจะเป็นการยุบตัวที่ใหญ่และลึกที่สุดของไทยครั้งหนึ่ง ปัญหาที่คงหนีไม่พ้น คือการโยนไปมาระหว่าง
.
(1) ท่อประปาแตก เลยทำให้เกิดดินทรุด กระทบอุโมงค์ หรือ
.
(2) ก่อสร้างรถไฟฟ้าผิดพลาดจนทำให้ดินทรุด และท่อประปาเลยแตก
.
เพราะผลกระทบที่เกิด มีมูลค่าความเสียหายที่สูง และมีเรื่องความล่าช้าของโครงการซึ่งย่อมเกิดค่าปรับ และ “ต้องมีคนจ่ายค่าปรับ” รวมๆแล้วอาจจะถึงระดับ 1,000 ล้านบาท
.
โดยถ้าผลออกมาเป็นแบบ (1) ผู้รับเหมารอด รัฐซวย แต่แบบ (2) ผู้รับเหมาซวย (ซึ่งต้องไปดูว่า ประกันที่ผู้รับเหมาทำไว้ ครอบคลุมขนาดไหน)
.
ทั้งนี้ 4 ประเด็นที่เราต้องติดตามคือ
.
1. การตรวจสอบจะทำโดยใคร ใช้เวลาเท่าไร
2. ความเสียหายทั้งหมด รวมถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้น มีมูลค่าเท่าไร
3. เราเชื่อถือคนที่เข้าไปตรวจสอบได้มากน้อยขนาดไหน และจะมีกระบวนการฟอกขาว-โยนว่าเป็นความผิดไปเผื่อช่วยใครหรือไม่
4. เมื่อตรวจสอบแล้ว จะมีการเปิดเผยข้อมูลรายการผลการตรวจสอบทั้งหมดหรือไม่ หรือจะแค่มาแถลงชี้เอาว่าใครผิดใครถูก และทุกคนจำต้องเชื่อตามนั้น?
เพราะถ้าเราย้อนรอยกรณี ตึกสตง. บางคนอาจไม่ทราบว่า จนถึงวันนี้กรมโยธาฯ กระทรวงมหาดไทยยังไม่ยอมเปิดเผยรายงานการตรวจสอบฉบับเต็มต่อกรรมาธิการของสภาแม้แต่กรรมาธิการเดียว
.
อย่างกรรมาธิการผม คือ กมธ.วิสามัญยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง ที่ตั้งขึ้นเพราะเหตุตึกสตง. จี้ขอรายงานตึกสตง.ไป แต่กรมโยธาฯ ไม่ยอมให้แม้จะทำเรื่องส่งไปยังอดีตรมต.มหาดไทย แต่ก็ไม่ช่วยไร
.
มีแต่ที่อดีตนายกฯออกมาแถลงว่า ผิดที่คนนั้นคนนี้ โดยที่สร้างความน่าสงสัยหลายจุด และก็ไม่ยอมเปิดเผยรายงานฉบับเต็มว่าไปทดสอบกันแบบไหน
.
นักวิชาการ อ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ รวมถึงผู้ประกอบวิชาชีพหลายคนมากที่ตั้งคำถามต่อผลการทดสอบ และกำลังรอรายงานผลตึกสตง. เพราะอย่างน้อยรายงานนี้อาจจะเป็น คุณูปการณ์ต่อประเทศ ต่อยอดสู่การจัดทำ protocol เบื้องต้นกรณีถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ควรจะต้องตรวจดูอะไรบ้าง ทดสอบอะไร ที่ไหน เก็บหลักฐานอย่างไร
.
แต่ทุกวันนี้ยังไม่เปิดเผยรายงาน ทำให้เกิดความเคลือบแคลงน่าสงสัยว่า ผลการตรวจสอบทำอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่
.
เรื่องนี้ นายอนุทินที่กลับมานั่งนายกฯ และควบรมต. มหาดไทย กำกับกรมโยธาธิการ ที่เป็นผู้จัดทำรายงานตึกสตง. จะออกคำสั่งให้เปิดเผยรายงานตึกสตง.หรือไม่? และส่วนของการตรวจสอบถนนทรุด จะมีการปกปิดข้อมูล หรือมีกระบวนการฟอกขาวหรือไม่? เรามารอดูกันครับ
.
ที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณ จนท.กทม. และ ผู้ว่าชัชชาติ ที่เข้ามาช่วย รฟม. กปน. กฟน. ผรม. และหน่วยงานอื่นๆ บริหารสถานการณ์ ทั้งที่กทม.ไม่ได้ก่อปัญหา แต่กลับต้องมาร่วมกันแก้ และกทม.ก็ทำได้ดี ขอชื่นชมครับ
.
ดูโพสต์ฉบับเต็ม
.
.
สภาฯล่ม รับรบ.ใหม่ เสียงไม่พอโหวต พรบ.อากาศสะอาด ร่างครม.เก่า วิโรจน์จวกยับทิ้งกม.ตัวเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5383415
.
สภาฯล่ม รับรบ.ใหม่ เสียงไม่พอโหวตะรบ.อากาศสะอาด จวกยับทิ้งร่างกม.ตัวเอง
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาฯพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งมี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ.พิจารณาแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาทำเนื้อหาสาระ นานกว่า 1 ปี 8 เดือน ก่อนเสนอให้สภาฯ พิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 การอภิปรายในช่วงบ่ายนั้น การลงมติในแต่ละมาตราของร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ยังคงเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นยิ่งกว่าเดิม แต่ละมาตรามีสส.แสดงตนเป็นองค์ประชุมเกินมาเพียง 2-3 เสียงเท่านั้น
.
กระทั่งถึงมาตรา22 มีผู้มาแสดงตนเป็นองค์ประชุม 246 เสียง พอดีกับองค์ประชุม แต่ปรากฏตอนเสียบบัตรลงคะแนนว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในมาตรานี้หรือไม่ มีคะแนนรวมเพียง 245 เสียงเท่านั้น ไม่ครบองค์ประชุม แต่ นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ระบุว่า มีสมาชิกลงมติด้วยวาจาเพิ่มอีก 1 เสียง ทำให้มีเสียง 246 เสียง
.
ทำให้สส.พรรคประชาชน ทั้งนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ลุกขึ้นประท้วงวุ่นวาย โดยยืนยันว่า การเสียบบัตรลงคะแนน มีส.ส.ไม่ครบองค์ประชุม และไม่มีการลงมติด้วยวาจาเพิ่มเติม ขอให้ตรวจด้วย จนนายฉลาดต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการลงมติอีกครั้ง พบว่า สมาชิกที่ลงมติด้วยวาจาเพิ่มเติมนั้น ได้เสียบบัตรลงคะแนนไปแล้ว ถือว่า องค์ประชุมไม่ครบในการลงคะแนน ทำให้องค์ประชุมสภาล่มในทันที นายฉลาดต้องสั่งปิดประชุมในเวลา 16.00 น.
.
ด้าน นายวิโรจน์ ได้โพสต์ผ่านทวิตแอพพลิเคชั่น x ถึงกรณีดังกล่าวว่า “องค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล นั้นถูกต้องแล้ว แต่ถ้าร่างกฎหมายที่พรรคตัวเองเสนอเข้าสู่สภา ส.ส.ของพรรคนั้นก็ต้องมีสำนึกและความรับผิดชอบต่อร่างกฎหมายของตัวเอง ไม่ใช่ทิ้งร่างกฎหมายให้เป็นภาระของพรรคอื่น เราก็พร้อมแบกให้ แต่การกระทำเช่นนี้ มันสะท้อนถึงความไร้ความรับผิดชอบเกินไป”
.
https://x.com/wirojlak/status/1971126629067112708
.
.
เขมร ส่งรถถังเข้าที่ตั้งยิงตรงข้ามช่องตาเฒ่า ห่างไทย 300 ม. คาดเตรียมปฏิบัติการทางทหารต่อไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5383513
.
ชายแดนไทย- กัมพูชา เริ่มร้อน ‘กัมพูชา’ ส่งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีตรง-รถถัง 1 คัน ประจำจุดยิงตรงข้ามช่องตาเฒ่า ทางขึ้นเขาพระวิหาร ทภ.2 เปิดไทม์ไลน์ เสียงปืน-ระเบิด กลางดึก พบความเคลื่อนไหวรอบแนวลวดหนาม ชี้เป็นการยั่วยุ แต่ยังไม่ตอบโต้
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยระบุว่า สถานการณ์โดยรวม ฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 68 ฝ่ายทหารกัมพูชาได้เพิ่มเติมอาวุธยิงสนับสนุนวิถีตรง เข้ามาในพื้นที่แนวชายแดน โดยนำรถถัง 1 คัน เข้าที่ตั้งยิงบริเวณพื้นที่ตรงข้ามช่องตาเฒ่า ทางขึ้นเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการฝั่งไทยประมาณ 300 เมตร คาดว่าเป็นการเตรียมการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทย
.
ต่อมาในประมาณเวลา 20.50 น. ฝ่ายทหารไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณพื้นที่ช่องกร่าง ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทางทิศตะวันออก ระยะประมาณ 150 เมตร ติดแนวลวดหนามของฝ่ายเรา และยังตรวจพบแสงไฟประมาณ 5 ดวง ในระยะ 100 เมตร บริเวณแนวรั้วลวดหนาม พร้อมทั้งได้ยินเสียงปืนเล็กยิงเข้ามาบริเวณพื้นที่วางกำลังของฝ่ายเรา จำนวน 3 นัด คาดว่าฝ่ายทหารกัมพูชาพยายามเข้ามาเกาะแนวลวดหนามของฝ่ายเรา ต้องการตรวจสอบแนวการวางกำลัง และยั่วยุฝ่ายทหารไทย
.
และในเวลา 02.50 น. ฝ่ายทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณพื้นที่จุดตรวจสามแยก ตำบลตาเมียง อำเภอพนนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง จากทางทิศใต้ ระยะประมาณ 150 เมตร ติดกับแนวรั้วลวดหนามของฝ่ายเรา คาดว่าเป็นการใช้ระเบิดขว้าง ขว้างเข้ามาแนววางกำลังของฝ่ายเรา เพื่อตรวจสอบแนวการวางกำลัง และยั่วยุฝ่ายทหารไทย ทั้งนี้ฝ่ายทหารไทยไม่มีการตอบโต้ และไม่สูญเสียแต่อย่างใด โดยยังคงยึดมั่นในหลักการอดกลั้นและปฏิบัติด้วยความรอบคอบ เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรง
.
การกระทำดังกล่าวของฝ่ายทหารกัมพูชา เป็นการใช้อาวุธเพื่อการยั่วยุ และเพิ่มเติมกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ ตามที่ได้ร่วมกันลงนามในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) อีกทั้งยังเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ในการให้ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธ เพื่อนำไปสู่การอพยพประชาชนกัมพูชาออกนอกพื้นที่บริเวณแนวชายแดน สร้างความชอบธรรมในการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทย โดยมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ และขั้นตอน เพื่อสร้างภาพในเวทีนานาชาติว่าฝ่ายไทยเป็นฝ่ายริเริ่มการปฏิบัติการทางทหาร และฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ถูกกระทำ
.
สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงแสดงท่าทีไม่จริงใจต่อกระบวนการสันติภาพ และมีแนวโน้มที่จะผลักดันสถานการณ์ไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น ฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติ แต่ก็พร้อมปฏิบัติการเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ
.
กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เนื่องจากปัจจุบันมีสิ่งบอกเหตุหลายอย่าง ที่จะนำไปสู่สถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อป้องกันการรับข้อมูลข่าวสาร ที่คลาดเคลื่อน บิดเบือน เพื่อป้องกันการรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน บิดเบือน หรือข่าวปลอม (Fake news) ขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร และติดตามข้อมูล จากช่องทางอย่างเป็นทางการจากส่วนราชการ ซึ่งสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง และทันเวลา
.
.
จับตาเขมรแตกตื่นอพยพออกหมดหมู่บ้าน ปล่อยข่าวลือทหารไทยจะยิงวันนี้
https://www.dailynews.co.th/news/5145797/
.
ชาวบ้านกัมพูชาแตกตื่นแห่อพยพออกจากพื้นที่กันอย่างจ้าละหวั่น หลังมีการปล่อยข่าวลือทหารไทยจะยิงวันนี้ จนเกลี้ยงหมู่บ้าน ขณะที่ฝั่งไทยสถานการณ์ปกติ รอฟังข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและผู้นำชุมชนเท่านั้น
.
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ฝั่ง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามชายแดนช่องจอมและตาเมือนธม-ตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้มีการปล่อยข่าวลือในโลกโซเชียล ระบุว่า ทางการกัมพูชาให้อพยพชาวบ้านออก กล่าวหาว่าไทยจะโจมตีกัมพูชาวันนี้ (25 ก.ย.) ทำให้ชาวกัมพูชาที่อยู่ในหมู่บ้านชายแดน พากันตื่นตระหนกแห่อพยพออกจากพื้นที่กันอย่างจ้าละหวั่น
.
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังพื้นที่ของหมู่บ้านชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก็ยังพบประชาชนดำเนินชีวิตตามปกติ ยังไม่มีการอพยพแต่อย่างใด ตรงข้ามกับฝั่งกัมพูชาที่มีการอพยพอย่างจ้าละหวั่นตั้งแต่เมื่อคืนนี้และตลอดทั้งวัน โดยชาวบ้านฝั่งไทยในพื้นที่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกกับกระแสข่าวดังกล่าว เนื่องจากชินกับสถานการณ์แล้ว ต่างรอฟังผู้นำชุมชนและหน่วยงานรัฐแจ้งให้อพยพเพียงอย่างเดียว และขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งใดๆ เกิดขึ้น
.
ส่วนในพื้นที่ย่านการค้าชายแดนช่องจอม ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดอย่างเงียบเหงา แต่ยังคงมีร้านค้าอาหารของสดต่างๆ บางส่วน ยังเปิดค้าขายกันอยู่เช่นเดิม