เราเป็นลูกที่พ่อไม่รัก

กระทู้สนทนา
เราอยากจะมาเล่าเรื่องราว ๆ เล็กๆ ของชีวิตเราให้เพื่อนๆ ได้ฟัง
เราเป็นเด็กบ้านนอก ที่โตมาโดยที่มีตากับยายเลี้ยงมา พ่อกับเเม่เรามีเราโดยที่ไม่พร้อม เราขอเกริ่นว่า "เราเป็นลูกที่พ่อไม่รัก" เรามีพี่น้อง2คน เราเป็นคนที่2
พี่สาวเราเป็นลูกติดพ่อ ส่วนเราเป็นลูกของพ่อคนนี้กับเเม่ อย่างที่บอกเราเป็นลูที่เกิดมากับความไม่พร้อม พ่อเราเลยไม่ยอมรับตั้งเเต่วันที่พ่อรู้ว่าเเม่เราตั้งท้อง พ่อพยายามบอกเเม่ ว่าให้ไปเอาเราออก เเต่เเม่ไม่ทำ ช่วงนั้นพ่อเขาติดเหล้ามาก ๆ พ่อเราซ้อมเเม่เราเเทบทุกวันทั้งที่ยังท้องเราอยู่ จนถึงวันที่เราคลอด เราไม่ได้คลอดในโรงพยาบาลเหมือนคนอื่นเขา เราเกิดบนเเคร่ไม้ไผ่ คือทำคลอดกันเองเพราะไม่มีเงินพาไปโรงพยาบาล
ตาเรา เล่าให้ฟังว่า เราเกิดมาได้ 1อาทิตย์ เเล้วช่วงที่เราเกิดเป็นฤดูน้ำหลาก พ่อเราแอบเอาเราใส่ถุงปุย เพื่อเอาไปลอยน้ำ เเต่ดีที่เเม่กับตาเรา วิ่งตามไปทัน
หลังจากนั้นตาก็ไล่ให้พ่อกลับไปอยู่บ้านเขาและ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและตอนนี้เเม่ได้ขอหย่ากับพ่อเเละเเม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ  เราโตมาโดยที่มีตากับยายเลี้ยงดูมา ตากับยายสอนให้เราทำทุกอย่างทั้งงานบ้าน ทำนา หาปูหาปลา ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้เงิน พ่อเราไม่ได้แม้เเต่จะสนใจเราเลยไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วย เเม่ขนมห่อเดียวพ่อเราก็ไม่เคยซื้อให้เรากิน จนเราอายุ 10ขวบ พ่อได้มาขอเเม่คืนดีเเละตามคาด เเม่ใจอ่อน กลับมาอยู่กับพ่อ มาเริ่มต้นใหม่กับพ่อ สร้างครอบครัวกันใหม่ เเละได้สร้างบ้านอยู่กัน แต่บ้านอยู่ในที่ดินของปู่ เเต่นั่นเเหล่ะไม่มีเราอยู่ในสายตาพ่อเหมือนเดิม ทุกอย่างจะเป็นพี่สาวก่อนเสมอ เราเเทบไม่ได้อะไรเลย เเต่เราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขา เเต่แม่ก็พยายามพูดกับเราเสมอว่า "ยังไงเขาก็คือพ่อเรานะ" เราก็ได้เเต่สบตาแล้วตอบว่าครับ ถ้าเเม่แอบซื้ออะไรให้เราพ่อก็จะทะเลาะกับเเม่ ว่าซื้อให้ทำไม ตอนเด็ก ๆ เราไม่เคยมีของเล่นเลย เราได้เเต่ยืนดูเพื่อนเขาเล่น อยากกินอะไรก็ต้องรอ เเม่เราสอนให้เราหาเงินเองตั้งเเต่เด็ก ๆ ปลูกผักให้เราเอาไปขาย วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ถ้าเป็นช่วงดำนาหรือเกี่ยวข้าว เเราก็จะไปรับจ้างได้ 5-10บาท เราก็เอา เพราะอยากกินขนม
พอสร้างบ้านเสร็จพ่อกับเเม่ ก็ต้องกลับมาทำงานที่ กทม. ปล่อยให้เราอยู่บ้านหลังนั้นคนเดียว แล้วเเม่จะส่งเงินมาให้เราใช้เดือนล่ะ 1000 เราอยู่เดียว เราไม่ได้กินอะไรมาก ข้าวสารก็ไปเอาจากบ้านตายาย กับข้าวบางวันเราก็ซื้อ บางวันก็ไปเอาพวกปลาพวกหมู ที่บ้านตายายมาทอดกิน มีครั้งหนึ่ง เราจำได้ขึ้นใจเลย วันนั้นข้าวสารเราหมด เราไม่ได้ไปเอาที่บ้านยาย เราเลยเดินถือจานไปตักข้าวที่บ้านปู่ ด้วยความที่เป็นเด็กเราก็ไม่รู้เราเดินเข้าไปเเล้วถามปู่กับย่าว่า ข้าวเหลือไหม ขอหน่อยหนึ่งสิ คำพูดที่ออกมาจากปากปู่กับย่าคือ "มาทำไม ใครให้มาเอา ไม่ให้ กูไม่ให้กิน" เรายืนน้ำตาคลอ ทำอะไรไม่ถูก ได้เเต่เดินกลับบ้านตัวเอง พร้อมกับน้ำตา พอถึงตอนเช้า เขาเดินมาด่าเราหน้าบ้าน ว่าไปขโมยข้าวบ้านเขาหรอ เราได้เเต่ยืนร้องไห้เเล้วปฏิเสธว่าไม่ได้ไปขโมย
เราจำฝังใจมาตั้งเเต่ตอนนั้นเลยว่า เราจะไม่ญาติดีกับคนพวกนี้เลย  เราไปเล่าเรื่องนี้ให้ตาฟัง ตาเลยให้เรากลับมาอยู่ด้วยแล้วไม่ให้มาเหยียบ ที่บ้านหลังนี้อีก เราก็อยู่กับตามาจนเราเรียน จบ ม.3 พอเราเรียนจบเเม่เราไม่มีทุนส่งเราเรียนต่อ เลยให้เรียนเเค่นั้น เเล้วขึ้นมาหางานที่ กทม.
ด้วยตอนนั้น เห็นเพื่อนได้เรียนต่อ เราก็อยากเรียนก็ได้เเต่น้อยใจ ทำอะไรไม่ได้
เด็ก อายุ15 เข้า กทม. ครั้งเเรก มันเคว้งมาก เป็นเด็กบ้านนอกเข้าเมืองสุดๆ ไม่รู้จะเรื่มจากตรงไหนก่อน มาถึงวันเเรก เราเดินหางานทั้งวันเเต่ก็ไม่มีที่ไหนรับ ท้อเข้าไปอีก ร้านอาหารก็เเล้ว 7-11 เราก็เดินหาเรื่อยๆ จนไปเจออยู่ 7-11 ที่หนึ่ง เขารับสมัคร Part-Time เราเลยเข้าไปสมัครดู เเละเราก็ได้ทำงานที่สาขานี้ เราโล่งใจมาก แต่เรายังไม่หยุดความคิดที่จะเรียนต่อ ในขณะที่เดินกลับที่พัก เราเห็นรถเมล์สายหนึ่งวิ่งผ่าน เเล้วด้านข้างรถเมล์เขาติดป้ายรับสมัครนักศึกษา ภาค เช้า-บ่าย ในหัวเราตอนนั้น เอาว่ะ ฉันต้องเรียนให้ได้ เลยตัดสินใจ นั่งรถเมล์คันนั้นเเหล่ะ ไปสมัครเรียน และเป็นโชคดีของเราที่เราไปสมัคร เเล้วได้เรียนภาคเช้า เรียน 07.00-13.00 น. เเล้วเป็นความโชคดีของเราอีกก็ว่าได้ ทางวิทยาลัย ฯ เขามีสอบชิงทุน เเละเราก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น ได้ทุนเรียนจนจบ ปวช.
เราก็ทำงานด้วยเรียนด้วย เเต่เหนื่อยมากกกก เหนื่อยแบบสายตัวแทบขาดเเต่สุดท้ายก็จบมาได้ เเละมีโอกาสเรียนต่อ ปวส.ไปจนถึง ป.ตรี
ชีวิตช่วงนั้นที่เรียน เราลำบากมากกกกก ไม่เคยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ เเต่เราก็ภูมิใจนะ ภูมิใจมาก ๆ
เราได้เป็นทหาร เราได้บวช เเละเราก็ใช้ชีวิตวัยทำงานของเรามาเรื่อย ๆ จนกระทั้ง ถึงวันที่ ปู่เสียเราก็ทำงานของเราปกติไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขา
แต่เเม่โทรมาขอร้องเราว่าให้เรากลับไปเพื่อไปบวชหน้าไฟ เพราะไม่มีใครบวชให้เขา เราก็ยื่นคำขาดหนักเเน่นเลยว่าไม่บวช เเละมีเสียงเเทรกเข้ามาให้สาย ว่า "เนรคุณ" และใช่ นั่นคือเสียงของพ่อเราเอง และเขาขอยื่นคำขาดกับเรา ว่าเขาจะตัดพ่อลูกกับเรา แล้วสายของเเม่ก็ตัดไป เเละคำว่า "เนรคุณ" มันก้องอยู่ในหูเรา จนกระทั่งงานศพเสร็จ เรารีบกลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนนามสกุล มาใช้นามสกุลของตา ในใจเราตอนนั้น เราไม่อยากมีส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับเขาอีก แล้วเขาไม่พอใจเเละเกลียดเรามาก ๆ ที่เราไปเปลี่ยนนามสกุล โกรธทั้งเราทั้งแม่ จนเขาทะเลาะกันกับเเม่เป็นเรื่องเป็นราว เเต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะเขาไม่ได้มีผลกับการใช้ชีวิตของเรา ส่วนเเม่ก็พยายามพูดกล่อมเราให้เราขอโทษพ่อ มาขอขมาพ่อ เเต่เราคิดว่าเราไม่ผิด เราจะทำทำไม พ่อต่างหากที่ต้องขอโทษเรา
จนถึงทุกวันนี้ เราไม่เคยคุยกับพ่อเลย  แต่ชีวิตเราก็มีความสุขดีนะ มีชีวิตที่มีความสุข มีคู่ครองที่คอยซัพพอร์ต มีงานทำ มีเงินเดือนที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ไป อยากกินอะไรก็ได้กิน ชีวิตแฮปปี้ ใช้ชีวิตแบบไม่เครียด  เเต่เราก็ไม่เคยลืมตากับยายนะ เรากลับบ้านนอกทุกเทศกาลที่มีโอกาส พาท่านไปกินของดี ๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัด เเต่คนเป็นพ่อไม่เคยได้รับสิ่งนี้จากเรา
**แต่คำว่าเนรคุณ มันต้องใช้กับคนที่มีพระคุณเท่านั้น**
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่