
.
ไอติม ชี้ ภท.-พท. ควรให้ปชช.มีส่วนร่วมตั้งสสร.มากกว่านี้ บอกฟังไม่ขึ้นกลัวขัดคำวินิจฉัยศาล รับไม่พึงปรารถนาทั้ง สสร.สีน้ำเงิน-รธน.คสช.60 เชื่อมีกลไกดีกว่านี้ได้
.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอโมเดลตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยให้ผู้สนใจสมัครเข้ามาและให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก ว่า ร่างพรรคประชาชน ได้ยื่นกับประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ตนยังไม่เห็น แต่ได้ทราบถึงรายละเอียด ซึ่งเรามี 2 ข้อสังเกตต่อร่างของ 2 พรรคการเมือง
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ข้อสังเกตแรก เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราเห็นว่าโมเดลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากกว่านี้ ซึ่งเราเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีการเปิดให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทน 200 คน ก่อนจะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก แต่อีกส่วนที่มาจากวิชาชีพต่างๆ ตนเข้าใจประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือออกเสียงเลย ขณะที่ฝั่งพรรคภูมิใจไทย ตามข้อมูลที่ปรากฏเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เห็นได้ว่าใช้วิธีการเปิดปั๊มสมัคร โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดสรรรายชื่อที่จะส่งต่อมาที่รัฐสภา เราจึงอยากเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่
.
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสังเกตที่สอง เราต้องการทำให้ความเสี่ยงของการที่ฝ่ายใดจะกินรวบหรือผูกขาด สสร. หรือคณะกรรมาธิการยกร่าง ให้มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด หัวใจของเรื่องนี้คือการที่เราออกแบบวิธีการให้รัฐสภาคัดเลือก ผู้สมัครหรือผู้ที่ถูกสรรหาอย่างไร ซึ่งโมเดลของพรรคประชาชน คณะกรรมาธิการยกร่างจะให้รัฐสภาคัดจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา 70 คน ให้เหลือ 35 คน แต่วิธีการคัดเราให้แบ่งตามสัดส่วน ส.ส. , ส.ว. และพรรคการเมือง
.
“พูดง่ายๆคือเรามีสมาชิกรัฐสภา 700 คน เอา 700 มาหาร 35 จะเห็นได้ว่า ส.ว. ต้องรวมกลุ่มกัน 20 คน เพื่อเสนอกรรมาธิการ 1 คน เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้ไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทางการเมือง สามารถผูกขาดกระบวนการในการคัดเลือกตรงนี้ได้ แต่โมเดลที่เราเห็นของพรรคภูมิใจไทย และไม่แน่ใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นเช่นไร คือ การใช้วิธีการคัดเลือกโดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คิดง่ายๆคือ มีพรรคการเมืองหนึ่งมี ส.ส. 200 คน จากการเลือกตั้งครั้งถัดไป แล้วมีส.ว. คิดคล้ายๆ 160 คน รวมเป็น 360 คน ก็เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา นั่นหมายความว่าสามารถผูกขาดเลือกคนที่ไปทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น สสร. หรือ คณะกรรมการยกร่าง” นายพริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าเหตุผลพรรคภูมิใจไทยเสนอโมเดลนี้เพราะต้องการป้องกันไม่ให้คนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ยึดตามคำวินิจฉัยของศาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าโมเดลของพรรคประชาชนไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะ ข้อความเบื้องต้นของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเขียนเพียงว่า ไม่ให้ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง ซึ่งโมเดลของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้มีส่วนไหนเขียนว่าให้ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง อย่างไรก็ตามขอทวงถามคำวินิจฉัยเต็มศาลรัฐธรรมนูญไปด้วยแล้วกัน จะได้มีความสบายใจมากขึ้น
.
“หากกังวลว่ามีคนไปก็ต้องถามกลับว่าใครจะไปร้อง เพราะถ้าจะมีการไปร้องในระหว่างกระบวนการพิจารณาใน 3 วาระนี้ ต้องเป็นมติของรัฐสภา ต้องมีเสียงข้างมากของสมาชิกรัฐสภา ร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้า 3 พรรคการเมือง เห็นว่าโมเดลที่พิจารณากันอยู่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเหตุให้ไปร้อง มันก็ไม่มีใครไปร้อง”นายพริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าจะกลายเป็น สสร. สีน้ำเงินหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการให้ สสร. เป็นสีใดสีหนึ่งเลย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด และต้องไม่ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ไม่เช่นนั้นจะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของเสียงข้างมากในสภา กลุ่มเสียงข้างน้อยจะไม่มีตัวแทนเลย
.
เมื่อถามย้ำว่าแต่ทิศทางตอนนี้ อาจจะนำไปสู่ ส.ว. สีน้ำเงินอยู่แล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นขั้นตอนแรกที่ให้ 3 พรรคยื่นโมเดลเข้ามา ท้ายที่สุดแล้วเมื่อผ่านวาระ 1 ในชั้นรับหลักการ ก็จะเกิดข้อสรุปจากการถกเถียงในชั้นกรรมาธิการ ตนคิดว่ายังเป็นรายละเอียดที่สามารถพูดคุยได้ ยิ่งประชาชนส่งเสียงมากขึ้นเท่าไหร่ว่าอยากเห็น โมเดล ส.ส.ร. เป็นแบบใดหรือกังวลใจแบบไหน ก็อาจจะทำให้ ส.ส. เข้าไปผลักดัน ตามความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด
.
ต่อข้อถามว่า สสร.สีน้ำเงิน กับ รัฐธรรมนูญ คสช. 60 กลัวอันไหนมากกว่ากัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาทั้งคู่ ตนคิดว่า สังคมไทยสามารถมีโมเดลในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ดีกว่าทั้งสองตัวอย่างนี้ได้ ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่เราต้องใช้ในการอยู่ร่วมกัน แน่นอนว่าประชาชนอาจจะเห็นไม่ตรงกันทุกเรื่องแต่อย่างน้อยก็มีกติกาซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ดังนั้นหากผู้ที่เป็นคนยกร่างกติกา เป็นตัวแทนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว ตนคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
.
เมื่อถามว่าหากโมเดลของพรรคภูมิใจไทยสามารถอธิบายได้ว่าสมาชิกรัฐสภาก็เป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกันเพราะมีส.ส.มาจากการเลือกตั้ง พอจะฟังขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวยกตัวอย่างการประชุมวิปฝ่ายค้าน เวลาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ก็จะมีการเสนอชื่อให้แต่ละพรรค แน่นอนว่าตามข้อบังคับอาจจะใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่ก็เป็นที่เข้าใจตรงกัน ว่าควรมีตัวแทนของทุกฝ่ายอยู่ตรงนั้น ดังนั้นอาจมีข้อกังวลใจว่าสักวันนึงหากใครจะเอาข้อบังคับนี้ไปใช้ในการทำให้คณะกรรมการวิสามัญได้แต่ตัวแทนเสียงข้างมากอย่างเดียว ตนคิดว่าการไปเขียนตัวกติกาให้เป็นไปตามสัดส่วน น่าจะปลอดภัยที่สุด
.
“ประเด็นของผม ไม่ได้อยู่ที่ส.ส. จะมาคัดเลือก ประเด็นคืออยู่ที่คัดเลือกแบบไหน ถ้าใช้วิธีเกินกึ่งหนึ่ง มันมีความสุ่มเสี่ยง ที่จะทำให้ฝ่ายใดซึ่งเสียงข้างมากสามารถผูกขาดได้หมดเลย ซึ่งเราไม่อยากเห็น” นายพริษฐ์ กล่าว
.
.
พริษฐ์ แจง ปมเสนอแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ยัน ‘เท้ง’ ลำดับ 1 ไม่หวั่นคดี 44 ส.ส.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5379131
.
พริษฐ์ แจง แผนส่งแคนดิเดตนายกฯ 3 คนเป็นความเห็นส่วนตัวของ ‘เพชร กรุณพล’ ยัน ‘เท้ง’ นายกฯ ลำดับ 1 อยู่แล้ว ส่วนคนอื่นไว้พิจารณาอีกที บอกคดี 44 ส.ส. ยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไร มีแผนรองรับแล้ว ชี้ การเสนอกฎหมายที่เห็นต่าง เกิดขึ้นได้แต่ไม่ควรนำไปสู่การตัดสิทธิ์ทางการเมือง ลั่น หากเกิดอุบัติเหตุ ‘ปชน.’ ไปต่อแน่
.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน ที่มี 3 คน ว่า เรื่องนี้เข้าใจว่าข่าวที่ปรากฏเป็นความเห็นของนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคประชาชน ซึ่งนายกรุณพลก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเขา ว่าทางเลือกที่เป็นไปได้มีแบบไหนบ้าง ยืนยันว่าในพรรคยังไม่ได้มีข้อสรุป
.
ในส่วนของแคนดิเดตนายกฯ นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้พูดไปแล้วว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราอาจจะส่งแคนดิเดตนายกฯเกินกว่า 1 รายชื่อ แต่เราย้ำว่าจะให้ความชัดเจนกับประชาชนว่าใครคือแคนดิเดตนายกฯ คนหลักของเรา ซึ่งชัดเจนคือหัวหน้าพรรค และจะมาทำหน้าที่เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ด้วย ส่วนรายชื่ออื่นจะเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ เพราะพรรคเรามีบุคลากรที่มีความสามารถมากมาย คงจะเป็นขั้นตอนต่อไป ในการที่จะรับฟังความคิดเห็นและสรรหา
.
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า 44 ส.ส.ที่อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินนั้น ตนขอย้ำว่าเราต้องไม่ลืมว่าทั้งหมดเกิดขึ้นจากอะไร เพราะเกิดขึ้นจากส.ส.ของพรรคก้าวไกล เข้าชื่อเสนอกฎหมาย ในฐานะส.ส.แต่กลับโดนคดีที่อาจจะมีความสุ่มเสี่ยงว่าอาจถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ดังนั้น อย่าลืมข้อเท็จจริงตรงนี้ ซึ่งขอยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ 44 ส.ส. ไม่ควรเกิดขึ้นกับส.ส.คนไหนเลย ตนยอมรับว่ากฎหมายแต่ละฉบับที่ส.ส.แต่ละคนเสนอ ต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง ซึ่งกฎหมายมาตรา 112 ตนเข้าใจว่า เป็นประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกันเยอะมาก เพียงแต่เนื้อหาจะเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ แต่คิดว่าการที่สส.ทำหน้าที่เสนอกฎหมายเข้าไป ไม่ควรนำไปสู่การตัดสิทธิ์ทางการเมือง
.
“
สิ่งที่พรรคประชาชนให้ความสำคัญมากที่สุดในเวลานี้คือการยืนยันความบริสุทธิ์ของ 44 สส. และทำให้ทั้ง 44 คนนั้น ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในกรณีนี้ สำหรับฉากทัศน์อื่นๆ เรายอมรับทุกแผนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจน และสิ่งที่คุณกรุณพลพูดไป ก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวทั่วไป และเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งในหลายๆทางเลือกที่สามารถพิจารณาได้” นาย
พริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่า 25 ส.ส.ของพรรคประชาชน ที่อยู่ใน 44 ส.ส.ของพรรคก้าวไกลมีความกังวลหรือไม่ว่าจะเจออุบัติเหตุ นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า ตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลมาสู่พรรคประชาชน เราเผชิญกับคดีทางการเมืองลักษณะนี้มาอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น ตนคิดว่าเราต้องทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้ โดยการยืนยันความบริสุทธิ์ของเรา แต่ถ้ามีผลลัพธ์ออกมาในทางที่ไม่เป็นคุณ เราก็มีแผนรองรับไว้อยู่แล้ว แต่ยังคงไม่ใช่เวลาที่มาสรุปตรงนั้น เพราะเวลานี้คือเวลาการต่อสู้
.
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าพรรคประชาชนได้ไปต่อแน่นอนหรือไม่ นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า พรรคไปต่อแน่นอน ถ้าเราเห็นกรณีการยุบพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้น ก็จะเห็นว่าเราพยายามทำเต็มที่ในการยืนยันความบริสุทธิ์ และยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกบัพรรคก้าวไกลไม่ควรเกิดขึ้นกับพรรคไหนอีก ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกพรรคให้มาร่วมกันทบทวนหลักเกณฑ์หรือกติกาเรื่องการยุบพรรคด้วย แต่เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว เช่น กรณีการยุบพรรคจะเห็นว่าเราคงทำหน้าที่ต่อไปโดยมีแผนรองรับและทำให้เราสามารถเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ คิด ฝันเหมือนเรา และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงตามที่เราเสนอต่อไปได้
.
.
พริษฐ์ ชี้ ‘อนุทิน’ ต้องประสานทุกฝ่าย แก้ปมไทย-เขมร ย้ำ ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5379216
.
พริษฐ์ ชี้ ‘อนุทิน’ ต้องประสานทุกฝ่ายจัดการเขมรตามยุทธศาสตร์เดียวกัน เหตุปัญหาไม่ใช่มีความมั่นคงอย่างเดียว
.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้อำนาจทหารจัดการปัญหาไทย-กัมพูชา ได้ ในฐานะฝ่ายค้านมองว่า ว่า โดยหลักความรับมือภัยความมั่นคงต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย ทุกองคาพยพ เพราะมาตรการในการตอบโต้หรือรับมือในเรื่องนี้ รวมถึงการเยียวยาคนไทยที่ได้รับผลกระทบก็ต้องผสมผสานกับมาตรการความมั่นคงทางการทหาร การทูต และเศรษฐกิจ
JJNY : ไอติมชี้ควรให้ปชช.มีส่วนร่วม│พริษฐ์แจงปมเสนอแคนดิเดต│พริษฐ์ย้ำปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคง│ย้อนคำพูด‘ฮุน มาเนต’
https://www.matichon.co.th/politics/news_5379139
.
ไอติม ชี้ ภท.-พท. ควรให้ปชช.มีส่วนร่วมตั้งสสร.มากกว่านี้ บอกฟังไม่ขึ้นกลัวขัดคำวินิจฉัยศาล รับไม่พึงปรารถนาทั้ง สสร.สีน้ำเงิน-รธน.คสช.60 เชื่อมีกลไกดีกว่านี้ได้
.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอโมเดลตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยให้ผู้สนใจสมัครเข้ามาและให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก ว่า ร่างพรรคประชาชน ได้ยื่นกับประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ตนยังไม่เห็น แต่ได้ทราบถึงรายละเอียด ซึ่งเรามี 2 ข้อสังเกตต่อร่างของ 2 พรรคการเมือง
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ข้อสังเกตแรก เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราเห็นว่าโมเดลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากกว่านี้ ซึ่งเราเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีการเปิดให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทน 200 คน ก่อนจะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก แต่อีกส่วนที่มาจากวิชาชีพต่างๆ ตนเข้าใจประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือออกเสียงเลย ขณะที่ฝั่งพรรคภูมิใจไทย ตามข้อมูลที่ปรากฏเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เห็นได้ว่าใช้วิธีการเปิดปั๊มสมัคร โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดสรรรายชื่อที่จะส่งต่อมาที่รัฐสภา เราจึงอยากเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่
.
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสังเกตที่สอง เราต้องการทำให้ความเสี่ยงของการที่ฝ่ายใดจะกินรวบหรือผูกขาด สสร. หรือคณะกรรมาธิการยกร่าง ให้มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด หัวใจของเรื่องนี้คือการที่เราออกแบบวิธีการให้รัฐสภาคัดเลือก ผู้สมัครหรือผู้ที่ถูกสรรหาอย่างไร ซึ่งโมเดลของพรรคประชาชน คณะกรรมาธิการยกร่างจะให้รัฐสภาคัดจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา 70 คน ให้เหลือ 35 คน แต่วิธีการคัดเราให้แบ่งตามสัดส่วน ส.ส. , ส.ว. และพรรคการเมือง
.
“พูดง่ายๆคือเรามีสมาชิกรัฐสภา 700 คน เอา 700 มาหาร 35 จะเห็นได้ว่า ส.ว. ต้องรวมกลุ่มกัน 20 คน เพื่อเสนอกรรมาธิการ 1 คน เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้ไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทางการเมือง สามารถผูกขาดกระบวนการในการคัดเลือกตรงนี้ได้ แต่โมเดลที่เราเห็นของพรรคภูมิใจไทย และไม่แน่ใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นเช่นไร คือ การใช้วิธีการคัดเลือกโดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คิดง่ายๆคือ มีพรรคการเมืองหนึ่งมี ส.ส. 200 คน จากการเลือกตั้งครั้งถัดไป แล้วมีส.ว. คิดคล้ายๆ 160 คน รวมเป็น 360 คน ก็เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา นั่นหมายความว่าสามารถผูกขาดเลือกคนที่ไปทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น สสร. หรือ คณะกรรมการยกร่าง” นายพริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าเหตุผลพรรคภูมิใจไทยเสนอโมเดลนี้เพราะต้องการป้องกันไม่ให้คนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ยึดตามคำวินิจฉัยของศาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าโมเดลของพรรคประชาชนไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะ ข้อความเบื้องต้นของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเขียนเพียงว่า ไม่ให้ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง ซึ่งโมเดลของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้มีส่วนไหนเขียนว่าให้ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง อย่างไรก็ตามขอทวงถามคำวินิจฉัยเต็มศาลรัฐธรรมนูญไปด้วยแล้วกัน จะได้มีความสบายใจมากขึ้น
.
“หากกังวลว่ามีคนไปก็ต้องถามกลับว่าใครจะไปร้อง เพราะถ้าจะมีการไปร้องในระหว่างกระบวนการพิจารณาใน 3 วาระนี้ ต้องเป็นมติของรัฐสภา ต้องมีเสียงข้างมากของสมาชิกรัฐสภา ร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้า 3 พรรคการเมือง เห็นว่าโมเดลที่พิจารณากันอยู่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเหตุให้ไปร้อง มันก็ไม่มีใครไปร้อง”นายพริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าจะกลายเป็น สสร. สีน้ำเงินหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการให้ สสร. เป็นสีใดสีหนึ่งเลย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด และต้องไม่ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ไม่เช่นนั้นจะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของเสียงข้างมากในสภา กลุ่มเสียงข้างน้อยจะไม่มีตัวแทนเลย
.
เมื่อถามย้ำว่าแต่ทิศทางตอนนี้ อาจจะนำไปสู่ ส.ว. สีน้ำเงินอยู่แล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นขั้นตอนแรกที่ให้ 3 พรรคยื่นโมเดลเข้ามา ท้ายที่สุดแล้วเมื่อผ่านวาระ 1 ในชั้นรับหลักการ ก็จะเกิดข้อสรุปจากการถกเถียงในชั้นกรรมาธิการ ตนคิดว่ายังเป็นรายละเอียดที่สามารถพูดคุยได้ ยิ่งประชาชนส่งเสียงมากขึ้นเท่าไหร่ว่าอยากเห็น โมเดล ส.ส.ร. เป็นแบบใดหรือกังวลใจแบบไหน ก็อาจจะทำให้ ส.ส. เข้าไปผลักดัน ตามความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด
.
ต่อข้อถามว่า สสร.สีน้ำเงิน กับ รัฐธรรมนูญ คสช. 60 กลัวอันไหนมากกว่ากัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาทั้งคู่ ตนคิดว่า สังคมไทยสามารถมีโมเดลในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ดีกว่าทั้งสองตัวอย่างนี้ได้ ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่เราต้องใช้ในการอยู่ร่วมกัน แน่นอนว่าประชาชนอาจจะเห็นไม่ตรงกันทุกเรื่องแต่อย่างน้อยก็มีกติกาซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ดังนั้นหากผู้ที่เป็นคนยกร่างกติกา เป็นตัวแทนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว ตนคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
.
เมื่อถามว่าหากโมเดลของพรรคภูมิใจไทยสามารถอธิบายได้ว่าสมาชิกรัฐสภาก็เป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกันเพราะมีส.ส.มาจากการเลือกตั้ง พอจะฟังขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวยกตัวอย่างการประชุมวิปฝ่ายค้าน เวลาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ก็จะมีการเสนอชื่อให้แต่ละพรรค แน่นอนว่าตามข้อบังคับอาจจะใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่ก็เป็นที่เข้าใจตรงกัน ว่าควรมีตัวแทนของทุกฝ่ายอยู่ตรงนั้น ดังนั้นอาจมีข้อกังวลใจว่าสักวันนึงหากใครจะเอาข้อบังคับนี้ไปใช้ในการทำให้คณะกรรมการวิสามัญได้แต่ตัวแทนเสียงข้างมากอย่างเดียว ตนคิดว่าการไปเขียนตัวกติกาให้เป็นไปตามสัดส่วน น่าจะปลอดภัยที่สุด
.
“ประเด็นของผม ไม่ได้อยู่ที่ส.ส. จะมาคัดเลือก ประเด็นคืออยู่ที่คัดเลือกแบบไหน ถ้าใช้วิธีเกินกึ่งหนึ่ง มันมีความสุ่มเสี่ยง ที่จะทำให้ฝ่ายใดซึ่งเสียงข้างมากสามารถผูกขาดได้หมดเลย ซึ่งเราไม่อยากเห็น” นายพริษฐ์ กล่าว
.
.
พริษฐ์ แจง ปมเสนอแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ยัน ‘เท้ง’ ลำดับ 1 ไม่หวั่นคดี 44 ส.ส.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5379131
.
พริษฐ์ แจง แผนส่งแคนดิเดตนายกฯ 3 คนเป็นความเห็นส่วนตัวของ ‘เพชร กรุณพล’ ยัน ‘เท้ง’ นายกฯ ลำดับ 1 อยู่แล้ว ส่วนคนอื่นไว้พิจารณาอีกที บอกคดี 44 ส.ส. ยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไร มีแผนรองรับแล้ว ชี้ การเสนอกฎหมายที่เห็นต่าง เกิดขึ้นได้แต่ไม่ควรนำไปสู่การตัดสิทธิ์ทางการเมือง ลั่น หากเกิดอุบัติเหตุ ‘ปชน.’ ไปต่อแน่
.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน ที่มี 3 คน ว่า เรื่องนี้เข้าใจว่าข่าวที่ปรากฏเป็นความเห็นของนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคประชาชน ซึ่งนายกรุณพลก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเขา ว่าทางเลือกที่เป็นไปได้มีแบบไหนบ้าง ยืนยันว่าในพรรคยังไม่ได้มีข้อสรุป
.
ในส่วนของแคนดิเดตนายกฯ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้พูดไปแล้วว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราอาจจะส่งแคนดิเดตนายกฯเกินกว่า 1 รายชื่อ แต่เราย้ำว่าจะให้ความชัดเจนกับประชาชนว่าใครคือแคนดิเดตนายกฯ คนหลักของเรา ซึ่งชัดเจนคือหัวหน้าพรรค และจะมาทำหน้าที่เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ด้วย ส่วนรายชื่ออื่นจะเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ เพราะพรรคเรามีบุคลากรที่มีความสามารถมากมาย คงจะเป็นขั้นตอนต่อไป ในการที่จะรับฟังความคิดเห็นและสรรหา
.
นายพริษฐ์ กล่าวว่า 44 ส.ส.ที่อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินนั้น ตนขอย้ำว่าเราต้องไม่ลืมว่าทั้งหมดเกิดขึ้นจากอะไร เพราะเกิดขึ้นจากส.ส.ของพรรคก้าวไกล เข้าชื่อเสนอกฎหมาย ในฐานะส.ส.แต่กลับโดนคดีที่อาจจะมีความสุ่มเสี่ยงว่าอาจถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ดังนั้น อย่าลืมข้อเท็จจริงตรงนี้ ซึ่งขอยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ 44 ส.ส. ไม่ควรเกิดขึ้นกับส.ส.คนไหนเลย ตนยอมรับว่ากฎหมายแต่ละฉบับที่ส.ส.แต่ละคนเสนอ ต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง ซึ่งกฎหมายมาตรา 112 ตนเข้าใจว่า เป็นประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกันเยอะมาก เพียงแต่เนื้อหาจะเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ แต่คิดว่าการที่สส.ทำหน้าที่เสนอกฎหมายเข้าไป ไม่ควรนำไปสู่การตัดสิทธิ์ทางการเมือง
.
“สิ่งที่พรรคประชาชนให้ความสำคัญมากที่สุดในเวลานี้คือการยืนยันความบริสุทธิ์ของ 44 สส. และทำให้ทั้ง 44 คนนั้น ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในกรณีนี้ สำหรับฉากทัศน์อื่นๆ เรายอมรับทุกแผนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจน และสิ่งที่คุณกรุณพลพูดไป ก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวทั่วไป และเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งในหลายๆทางเลือกที่สามารถพิจารณาได้” นายพริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่า 25 ส.ส.ของพรรคประชาชน ที่อยู่ใน 44 ส.ส.ของพรรคก้าวไกลมีความกังวลหรือไม่ว่าจะเจออุบัติเหตุ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลมาสู่พรรคประชาชน เราเผชิญกับคดีทางการเมืองลักษณะนี้มาอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น ตนคิดว่าเราต้องทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้ โดยการยืนยันความบริสุทธิ์ของเรา แต่ถ้ามีผลลัพธ์ออกมาในทางที่ไม่เป็นคุณ เราก็มีแผนรองรับไว้อยู่แล้ว แต่ยังคงไม่ใช่เวลาที่มาสรุปตรงนั้น เพราะเวลานี้คือเวลาการต่อสู้
.
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าพรรคประชาชนได้ไปต่อแน่นอนหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคไปต่อแน่นอน ถ้าเราเห็นกรณีการยุบพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้น ก็จะเห็นว่าเราพยายามทำเต็มที่ในการยืนยันความบริสุทธิ์ และยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกบัพรรคก้าวไกลไม่ควรเกิดขึ้นกับพรรคไหนอีก ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกพรรคให้มาร่วมกันทบทวนหลักเกณฑ์หรือกติกาเรื่องการยุบพรรคด้วย แต่เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว เช่น กรณีการยุบพรรคจะเห็นว่าเราคงทำหน้าที่ต่อไปโดยมีแผนรองรับและทำให้เราสามารถเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ คิด ฝันเหมือนเรา และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงตามที่เราเสนอต่อไปได้
.
.
พริษฐ์ ชี้ ‘อนุทิน’ ต้องประสานทุกฝ่าย แก้ปมไทย-เขมร ย้ำ ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5379216
.
พริษฐ์ ชี้ ‘อนุทิน’ ต้องประสานทุกฝ่ายจัดการเขมรตามยุทธศาสตร์เดียวกัน เหตุปัญหาไม่ใช่มีความมั่นคงอย่างเดียว
.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้อำนาจทหารจัดการปัญหาไทย-กัมพูชา ได้ ในฐานะฝ่ายค้านมองว่า ว่า โดยหลักความรับมือภัยความมั่นคงต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย ทุกองคาพยพ เพราะมาตรการในการตอบโต้หรือรับมือในเรื่องนี้ รวมถึงการเยียวยาคนไทยที่ได้รับผลกระทบก็ต้องผสมผสานกับมาตรการความมั่นคงทางการทหาร การทูต และเศรษฐกิจ