[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Fuchs JAGM: นักฆ่ารถถังติดขีปนาวุธ
Fuchs JAGM คือการนำจุดเด่นของยานเกราะ Fuchs Evolution ที่มีความคล่องตัวสูงและได้รับการยอมรับ มาผสานกับอำนาจการทำลายล้างของระบบขีปนาวุธต่อสู้รถถังที่ทันสมัยที่สุด กลายเป็นระบบยานเกราะพิฆาตรถังที่ทรงประสิทธิภาพ
* ความร่วมมือ: เป็นโครงการที่ Rheinmetall นำเสนอตัวแพลตฟอร์มยานเกราะ และ Lockheed Martin รับผิดชอบระบบขีปนาวุธ JAGM
* ระบบอาวุธหลัก (JAGM):
* ขีปนาวุธ JAGM (AGM-179): เป็นขีปนาวุธอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทน Hellfire และ Maverick มีจุดเด่นคือ ระบบนำวิถีแบบสองโหมด (Dual-Mode Seeker) ที่รวมเอาระบบนำวิถีด้วยเลเซอร์ (Semi-Active Laser) และเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร (Millimeter Wave Radar) ไว้ในหัวรบเดียว
* ความสามารถ "ยิงแล้วลืม" (Fire-and-Forget): นักพลยิงสามารถยิงขีปนาวุธออกไปแล้วเปลี่ยนเป้าหมายหรือเคลื่อนที่ออกจากจุดยิงได้ทันที โดยขีปนาวุธจะค้นหาและพุ่งเข้าหาเป้าหมายเอง เพิ่มความปลอดภัยให้กับหน่วยยิงอย่างมหาศาล
* ปฏิบัติการได้ทุกสภาพอากาศ: การมีเรดาร์ในตัวทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายได้แม้ในสภาพอากาศเลวร้าย มีควันหรือฝุ่นในสนามรบ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการนำวิถีด้วยเลเซอร์เพียงอย่างเดียว
* อำนาจทำลายล้าง: หัวรบแบบ Tandem HEAT (High-Explosive Anti-Tank) ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะทำลายเกราะของรถถังประจัญบานหลัก (Main Battle Tank) สมัยใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* พิสัยยิงไกล: มีระยะยิงหวังผลไกลสุดถึง 16 กิโลเมตร
* ขีดความสามารถของ Fuchs JAGM:
* อำนาจการยิงสูง: สามารถติดตั้งขีปนาวุธได้ สูงสุดถึง 24 ลูก ในแท่นยิงแนวตั้ง (Vertical Launch System) ทำให้สามารถต่อกรกับรถถังหรือยานเกราะข้าศึกจำนวนมากได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องบรรจุใหม่
* ความยืดหยุ่นในการโจมตี: การยิงในแนวตั้งทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายได้ 360 องศารอบตัว และสามารถทำการยิงได้จากที่กำบัง เช่น ในเขตเมือง หรือพื้นที่ป่าทึบ
* โจมตีได้หลากหลายเป้าหมาย: นอกจากรถถังและยานเกราะแล้ว ขีปนาวุธ JAGM ยังสามารถใช้โจมตีเป้าหมายทางอากาศที่บินต่ำ เช่น เฮลิคอปเตอร์, โดรน, รวมถึงเป้าหมายภาคพื้นอื่นๆ เช่น สถานีเรดาร์ หรือบังเกอร์ได้อีกด้วย
ราคา
1. ราคาขีปนาวุธ AGM-179 JAGM (ต่อลูก)
* ราคาต่อหน่วย: 319,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
* คำนวณใหม่เป็นเงินไทย: 319,000 x 31.70 = ประมาณ 10.11 ล้านบาทต่อลูก
ดังนั้น ยานเกราะ Fuchs JAGM หนึ่งคันที่บรรทุกขีปนาวุธเต็มอัตรา 24 ลูก จะมี มูลค่าเฉพาะตัวขีปนาวุธ อยู่ที่:
* 24 x 10.11 ล้านบาท = ประมาณ 242.6 ล้านบาท
2. ราคายานเกราะ Fuchs Evolution (เฉพาะตัวรถ)
* ราคาประเมิน: 3 - 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
* คำนวณใหม่เป็นเงินไทย:
* ขั้นต่ำ: 3,000,000 x 31.70 = 95.1 ล้านบาท
* ขั้นสูง: 5,000,000 x 31.70 = 158.5 ล้านบาท
3. ราคารวมทั้งระบบ (Fuchs JAGM System)
เมื่อนำราคาของทุกองค์ประกอบมารวมกัน จะได้ราคาประเมินเบื้องต้นของระบบ Fuchs JAGM หนึ่งคันพร้อมรบ (รวมตัวรถ, ระบบยิง และขีปนาวุธเต็มอัตรา 24 ลูก) ตามอัตราแลกเปลี่ยนวันนี้:
* ราคาประเมินรวม (USD): 11.6 - 14.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
* คำนวณใหม่เป็นเงินไทย:
* ขั้นต่ำ: 11,600,000 x 31.70 = ประมาณ 368 ล้านบาทต่อคัน
* ขั้นสูง: 14,600,000 x 31.70 = ประมาณ 463 ล้านบาทต่อคัน
สรุปราคาประเมินใหม่ ณ วันที่ 17 กันยายน 2568:
> ระบบ Fuchs JAGM หนึ่งคันพร้อมรบ มีราคาประเมินอยู่ในช่วง 368 - 463 ล้านบาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขีปนาวุธ JAGM: ยังไม่มีผลงานการรบที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ประสบความสำเร็จในการยิงทดสอบเชิงปฏิบัติการครั้งแรก
ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่พื้นร่วม (Joint Air-to-Ground Missile - JAGM) ซึ่งเป็นอาวุธรุ่นใหม่ของกองทัพสหรัฐอเมริกา แม้จะเข้าสู่สถานะความพร้อมปฏิบัติการเบื้องต้น (Initial Operational Capability - IOC) มาแล้วหลายปี แต่จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2568) ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการใช้งานขีปนาวุธชนิดนี้ในการรบจริงในความขัดแย้งใดๆ
อย่างไรก็ตาม JAGM ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของมันในการยิงทดสอบเชิงปฏิบัติการครั้งสำคัญ ซึ่งถือเป็นการใช้งานจริงครั้งแรกนอกสนามทดสอบ โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567 หน่วยรบนอกประเทศนาวิกโยธินที่ 31 (31st Marine Expeditionary Unit) ของสหรัฐฯ ได้ทำการยิงขีปนาวุธ JAGM จากเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z Viper ในทะเลฟิลิปปินส์ เขตปฏิบัติการอินโด-แปซิฟิก การยิงครั้งนี้ประสบความสำเร็จในการทำลายเป้าหมายเรือที่กำลังเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการสาธิตขีดความสามารถ "ยิงแล้วลืม" (fire-and-forget) ของขีปนาวุธที่สามารถติดตามและทำลายเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็วในทะเลได้
สถานะและการพัฒนา:
* กองทัพบกสหรัฐฯ: ประกาศความพร้อมปฏิบัติการเบื้องต้น (IOC) ของ JAGM บนเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2562
* นาวิกโยธินสหรัฐฯ: ประกาศความพร้อมปฏิบัติการเบื้องต้น (IOC) บนเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z Viper ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565
JAGM ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนขีปนาวุธรุ่นเก่าหลายชนิด รวมถึง AGM-114 Hellfire, BGM-71 TOW และ AGM-65 Maverick โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือ ระบบนำวิถีแบบไตรโหมด (Tri-mode seeker) ที่ประกอบด้วยเซ็นเซอร์เลเซอร์กึ่งแอคทีฟ (Semi-Active Laser), เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร (Millimeter Wave Radar) และอินฟราเรด (Infrared) ทำให้สามารถปฏิบัติการได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งกลางวันและกลางคืน และมีความแม่นยำสูงต่อเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งเป้าหมายที่หยุดนิ่งและเคลื่อนที่บนบกและในทะเล
แม้จะยังไม่มีประวัติการใช้งานในการรบจริงที่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่การพัฒนาและการจัดหา JAGM ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่มีต่อขีดความสามารถของขีปนาวุธชนิดนี้ในฐานะอาวุธสำคัญสำหรับอากาศยานปีกหมุนและอากาศยานไร้คนขับในอนาคต และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ในการปฏิบัติการรบจริงเมื่อมีสถานการณ์ที่เหมาะสมต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หาก Fuchs JAGM ยิงขีปนาวุธ 24 นัดเข้าใส่เรือคอร์เวต Type 056 ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญ:
* ระบบป้องกันของ Type 056: แม้จะเป็นเรือขนาดเล็ก แต่ Type 056 ถูกออกแบบมาพร้อมระบบป้องกันตนเองที่ค่อนข้างทันสมัยสำหรับเรือในระดับเดียวกัน ได้แก่:
* ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ (SAM): แท่นยิง FL-3000N (HQ-10) จำนวน 8 ท่อยิง มีลักษณะการทำงานคล้าย RAM ของฝั่งตะวันตก ถูกออกแบบมาเพื่อยิงสกัดขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามาโดยเฉพาะ
* ระบบป้องกันระยะประชิด (CIWS): ปืนกล H/PJ-17 ขนาด 30 มม. จำนวน 2 ระบบ ใช้สำหรับยิงเป้าหมายขนาดเล็กและเป็นปราการด่านสุดท้ายในการสกัดกั้นขีปนาวุธ
* ระบบเป้าลวง: ระบบยิง Chaff และ Flare เพื่อล่อลวงระบบนำวิถีของขีปนาวุธ
* ปืนหลัก: ปืนใหญ่เรือขนาด 76 มม. ซึ่งสามารถใช้ยิงต่อต้านอากาศยานได้ในระดับหนึ่ง
จำลองสถานการณ์: การซัลโว ณ ฐานทัพเรือเรียม
สมมติว่าหน่วย Fuchs JAGM สามารถแฝงตัวเข้าไปในตำแหน่งซุ่มยิงชั้นยอดบริเวณชายฝั่งใกล้กับฐานทัพเรือเรียม และเรือ Type 056 กำลังออกจากท่าเรือหรือเทียบท่าอยู่ ทำให้ตกอยู่ในระยะยิงหวังผล (8-12 กม.)
ลำดับเหตุการณ์และผลลัพธ์
วินาทีที่ 0: Launch - การยิง
Fuchs JAGM ทำการยิงขีปนาวุธ JAGM ทั้ง 24 นัดออกไปในรูปแบบ Salvo ขีปนาวุธทั้งหมดพุ่งทะยานขึ้นจากแท่นยิงแนวดิ่งและมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย
วินาทีที่ 5-10: Detection - การตรวจจับ
* ระบบเรดาร์และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (ESM) ของเรือ Type 056 จะตรวจจับการพุ่งเข้ามาของขีปนาวุธจำนวนมากได้ทันที
* สัญญาณเตือนภัยการโจมตีด้วยขีปนาวุธ (Missile Attack Warning) จะดังลั่นไปทั่วทั้งเรือ ระบบป้องกันตัวเองอัตโนมัติจะเริ่มทำงานทันที
วินาทีที่ 10-25: Interception - การสกัดกั้น
นี่คือช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ที่ระบบป้องกันหลายชั้นของเรือจะเข้าปะทะกับฝูงขีปนาวุธ:
* ชั้นที่ 1: เป้าลวง (Countermeasures)
* เรือจะยิง Chaff (แถบโลหะเล็กๆ) ออกไปเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ เพื่อสร้างเป้าหมายลวงสำหรับระบบนำวิถีแบบเรดาร์ของขีปนาวุธ JAGM
* ผลลัพธ์: อาจลวงขีปนาวุธได้ 2-4 นัด ให้เบี่ยงเบนออกจากเป้าหมายจริง
* ชั้นที่ 2: ระบบจรวดต่อสู้ (FL-3000N / HQ-10)
* นี่คือปราการด่านหลัก ระบบจะยิงจรวดสกัดกั้นทั้ง 8 นัดออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อทำลายขีปนาวุธที่อันตรายที่สุด
* ผลลัพธ์: ด้วยประสิทธิภาพที่สูงของระบบ คาดว่าจะสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธได้ 6-8 นัด อย่างแน่นอน
* ชั้นที่ 3: ปืนป้องกันระยะประชิด (H/PJ-17 CIWS)
* ปืนกล 30 มม. ทั้งสองกระบอกจะเริ่มระดมยิงใส่ขีปนาวุธที่หลุดรอดเข้ามาในระยะสุดท้าย อัตราการยิงแม้ไม่เท่า Phalanx แต่ก็ยังสามารถสร้างม่านกระสุนเพื่อป้องกันตัวเรือได้
* ผลลัพธ์: คาดว่าจะสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธที่เหลือได้อีก 2-4 นัด
วินาทีที่ 30: Impact - การปะทะ
* จำนวนขีปนาวุธที่ถูกสกัดกั้น: ประมาณ 10 - 16 นัด
* จำนวนขีปนาวุธที่คาดว่าจะทะลวงไปถึงตัวเรือ: ประมาณ 8 - 14 นัด
แม้จะถูกสกัดกั้นไปจำนวนมาก แต่การยิงแบบอิ่มตัว (Saturation Attack) ด้วยขีปนาวุธถึง 24 นัด ก็ยังมากเกินกว่าที่ระบบป้องกันของเรือคอร์เวตขนาดเล็กจะรับมือได้ไหว
การประเมินความเสียหาย: "Mission Kill" ไม่ใช่ "Sunk"
เมื่อขีปนาวุธ 8-14 นัดพุ่งเข้าใส่เรือ Type 056 จะเกิดอะไรขึ้น?
* การเจาะทะลวง: หัวรบแบบ Tandem HEAT ของ JAGM จะเจาะทะลุตัวเรือที่เป็นเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดายเหมือนกระดาษ มันถูกออกแบบมาเพื่อเจาะเกราะรถถังที่หนากว่านี้หลายเท่า
* ความเสียหายภายใน: เมื่อเจาะเข้าไป ลำของพลังงานความร้อนสูง (Molten Jet) จะพุ่งทะลวงทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นห้องบังคับการ (Bridge), ศูนย์ยุทธการ (CIC), ห้องเครื่องยนต์, ระบบอาวุธ, และสายเคเบิลต่างๆ จะเกิดการระเบิดภายในและไฟไหม้ตามจุดที่โดนโจมตี
* เรือจะจมหรือไม่? ไม่น่าจะจมในทันที เหตุผลเพราะ:
* ขีปนาวุธ JAGM มีหัวรบขนาดเล็ก เน้นการเจาะเป็นจุด ไม่ใช่หัวรบระเบิดขนาดใหญ่ (Blast Fragmentation) แบบขีปนาวุธต่อต้านเรือโดยตรง (เช่น Harpoon หรือ Exocet) ที่ออกแบบมาให้ระเบิดสร้างรูขนาดใหญ่บนตัวเรือ
* เรือรบมีการแบ่งผนังกันน้ำ (Compartments) เพื่อจำกัดความเสียหายและป้องกันการจม
บทสรุปสุดท้ายของผลลัพธ์
เรือ Type 056 จะไม่จมลงสู่ก้นทะเลในทันที แต่จะตกอยู่ในสภาพ "Mission Kill" (ภารกิจสังหาร) ซึ่งหมายถึง "ถูกทำลายจนหมดสภาพรบโดยสิ้นเชิง"
* ระบบอาวุธทั้งหมด (ปืน, จรวด) จะใช้งานไม่ได้
* ระบบเรดาร์และเซ็นเซอร์ จะถูกทำลาย
* ระบบขับเคลื่อนและไฟฟ้า จะล้มเหลว
* สะพานเดินเรือและศูนย์บัญชาการ จะพังพินาศ
* เกิดไฟไหม้รุนแรง ทั่วทั้งลำเรือ และมีกำลังพลเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
เรือจะกลายเป็นเพียงเศษเหล็กลอยน้ำที่ไร้ความสามารถในการต่อสู้โดยสิ้นเชิง การซ่อมแซม (หากทำได้) จะต้องใช้เวลาและงบประมาณมหาศาล ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าที่จะทำ ดังนั้น Fuchs JAGM หนึ่งคัน สามารถลบเรือรบที่ทันสมัยที่สุดของประเทศหนึ่งออกจากสมการรบได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยการซุ่มโจมตีเพียงครั้งเดียว
Fuchs JAGM
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ราคา
1. ราคาขีปนาวุธ AGM-179 JAGM (ต่อลูก)
* ราคาต่อหน่วย: 319,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
* คำนวณใหม่เป็นเงินไทย: 319,000 x 31.70 = ประมาณ 10.11 ล้านบาทต่อลูก
ดังนั้น ยานเกราะ Fuchs JAGM หนึ่งคันที่บรรทุกขีปนาวุธเต็มอัตรา 24 ลูก จะมี มูลค่าเฉพาะตัวขีปนาวุธ อยู่ที่:
* 24 x 10.11 ล้านบาท = ประมาณ 242.6 ล้านบาท
2. ราคายานเกราะ Fuchs Evolution (เฉพาะตัวรถ)
* ราคาประเมิน: 3 - 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
* คำนวณใหม่เป็นเงินไทย:
* ขั้นต่ำ: 3,000,000 x 31.70 = 95.1 ล้านบาท
* ขั้นสูง: 5,000,000 x 31.70 = 158.5 ล้านบาท
3. ราคารวมทั้งระบบ (Fuchs JAGM System)
เมื่อนำราคาของทุกองค์ประกอบมารวมกัน จะได้ราคาประเมินเบื้องต้นของระบบ Fuchs JAGM หนึ่งคันพร้อมรบ (รวมตัวรถ, ระบบยิง และขีปนาวุธเต็มอัตรา 24 ลูก) ตามอัตราแลกเปลี่ยนวันนี้:
* ราคาประเมินรวม (USD): 11.6 - 14.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
* คำนวณใหม่เป็นเงินไทย:
* ขั้นต่ำ: 11,600,000 x 31.70 = ประมาณ 368 ล้านบาทต่อคัน
* ขั้นสูง: 14,600,000 x 31.70 = ประมาณ 463 ล้านบาทต่อคัน
สรุปราคาประเมินใหม่ ณ วันที่ 17 กันยายน 2568:
> ระบบ Fuchs JAGM หนึ่งคันพร้อมรบ มีราคาประเมินอยู่ในช่วง 368 - 463 ล้านบาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้