สินค้าเศรษฐกิจชุมชน
1. ความหมาย
เป็น ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกิดจากทรัพยากรท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน และวัฒนธรรมชุมชน
ไม่ได้มุ่งเน้นเพียง “การขายสินค้า” แต่เป็นเครื่องมือในการ สร้างศักยภาพของคน และ เพิ่มคุณค่าในสิ่งที่ชุมชนมี
สอดคล้องกับนิยามในระเบียบฯ กระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2541) ที่กำหนดให้เศรษฐกิจชุมชนตั้งอยู่บนฐานของ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม คุ้มค่า และยั่งยืน
2. ตัวอย่างสินค้าเศรษฐกิจชุมชน
สินค้าเกษตรและการแปรรูป
ข้าวหอมมะลิ
ผลไม้แปรรูป เช่น กล้วยตาก มะม่วงอบแห้ง
สมุนไพรและยาสมุนไพรพื้นบ้าน
งานหัตถกรรม
ผ้าทอพื้นเมือง (ไหมแพรวา, ผ้าฝ้ายทอมือ)
เครื่องจักสาน (ตะกร้า, กระติบข้าวเหนียว)
เครื่องปั้นดินเผา
อุตสาหกรรมครัวเรือน
อาหารพื้นบ้าน เช่น น้ำพริก แหนม
ขนมท้องถิ่น เช่น ข้าวต้มมัด ขนมครก
3. จุดเน้น
ไม่ใช่เพียงการผลิตเพื่อขาย แต่เพื่อ:
ยกระดับทักษะ ความรู้ และความสามารถของคนในชุมชน
สร้างความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น
สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กัน
ให้ชุมชนเป็นเจ้าของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจัดการผลประโยชน์เพื่อพัฒนาชุมชนต่อไป
4. ความแตกต่างจาก OTOP
สินค้าเศรษฐกิจชุมชน:
ชุมชนคิดเอง ทำเอง เป็นเจ้าของเอง
รัฐสนับสนุนปัจจัยพื้นฐาน (ตลาด ทุน การจัดการ)
เน้นความเข้มแข็งจากฐานราก → ยั่งยืน
OTOP (2544 เป็นต้นมา):
รัฐ “รีแบรนด์” สินค้าให้มีภาพลักษณ์ตลาด
ชุมชนหลายแห่งถูกกดดันให้ผลิตตามกระแส มากกว่าตามความพร้อม
บางพื้นที่เกิดปัญหาหนี้สิน เพราะต้องลงทุนผลิตมากเกินความสามารถ
📌 ดังนั้น สินค้าเศรษฐกิจชุมชนเป็น เครื่องมือสร้างความเข้มแข็งและศักดิ์ศรีของชุมชน ไม่ใช่แค่ “แบรนด์” หรือ “โครงการขายสินค้า” ตามแบบ OTOP
อ้างอิง:
กรมการปกครอง. (2541). ระเบียบกระทรวงมหาดไทย เรื่องโครงการเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2541.
https://www.dla.go.th/upload/templateWebMenu/attachFile/2017/10/1509077174670.PDF
เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน
เป็นทุนตั้งต้นที่ชุมชนใช้สำหรับสร้างและขยายกิจกรรมเศรษฐกิจ
แหล่งเงินทุน:
• กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
• กองทุนจากความร่วมมือภาครัฐและภาคธุรกิจ
• เงินออมของสมาชิกชุมชนเอง
การใช้ทุน: ลงทุนในเครื่องจักร วัตถุดิบ การตลาด และการอบรมความรู้
ลักษณะเด่น: เป็น ทุนเพื่อการพัฒนา ไม่ใช่แค่เงินหมุนเวียน
เปรียบเทียบกับแนวคิดเงินทุนเศรษฐกิจชุมชน
เงินทุนเศรษฐกิจชุมชนทำงานได้ดีกว่ากองทุนหมู่บ้านที่แจกเงิน “หมู่บ้านละล้าน” โดยไม่มีเงื่อนไข ดังนี้:
การมีเงื่อนไขและการสมทบทุนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2543 กำหนดให้ผู้ขอกู้ต้องมีเงินสมทบเอง ร้อยละ 30 ทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมรับผิดชอบ และกระตุ้นวินัยทางการเงิน แตกต่างจากการแจกเงินเปล่า ๆ ที่ไม่มีมาตรการควบคุม
การมีแผนชำระคืนและการติดตามทุกโครงการต้องมีแผนการชำระคืน และมีกลไกควบคุมตรวจสอบที่ชัดเจน ลดความเสี่ยงหนี้สินที่ไร้วินัย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองทุนหมู่บ้าน
ชุมชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของระเบียบฯ นิยาม “ประชาคม” ว่าต้อง ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมรับผิดชอบ ไม่ใช่ผู้รับความช่วยเหลือเพียงฝ่ายเดียว
วงเงินและเงื่อนไขกู้ระยะยาวจำกัดวงเงินไม่ให้เกินศักยภาพของกลุ่ม และกำหนดเงื่อนไขการผ่อนคืนที่ชัดเจน ช่วยลดความเสี่ยงการสะสมหนี้ ต่างจากกองทุนหมู่บ้านที่ปล่อยเงินก้อนใหญ่โดยไม่มีการประเมินความสามารถของผู้กู้
📖 อ้างอิง: กรมการปกครองท้องถิ่น. (2543). ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2543
ดาวน์โหลดเอกสาร PDF https://www.dla.go.th/upload/templateWebMenu/attachFile/2017/10/1509077213929.pdf
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน
เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ชุมชนเข้าถึงเงินทุนได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ
แหล่งกู้:
สถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.), ธนาคารออมสิน
กองทุนภาคประชาชนที่บริหารโดยชุมชนเอง
เงื่อนไข:
ดอกเบี้ยต่ำ
เน้นการกู้เพื่อการผลิตและการลงทุน ไม่ใช่เพื่อการบริโภค
ประโยชน์:
ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนจากการหมุนเวียนเงินภายใน
ความแตกต่างระหว่าง “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” และ “ธนาคารประชาชน”
การมีส่วนร่วมของชุมชน
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน: ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเงินทุน เช่น การกำหนดเงื่อนไขการกู้ การติดตามผล และการชำระคืน ส่งเสริมความรับผิดชอบและการพึ่งพาตนเอง
ธนาคารประชาชน: เน้นการให้สินเชื่อผ่านธนาคารของรัฐ มีเงื่อนไขผ่อนคลาย แต่ขาดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
วัตถุประสงค์และการใช้เงิน
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน: มุ่งเน้นการใช้เงินทุนเพื่อการผลิตและการลงทุนในกิจกรรมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เช่น การเกษตร การแปรรูปสินค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน
ธนาคารประชาชน: เน้นกระตุ้นการบริโภคและการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้เกิดหนี้ครัวเรือนและปัญหาทางเศรษฐกิจระยะยาว
ผลกระทบระยะยาว
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน: ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของชุมชน
ธนาคารประชาชน: ส่งผลให้ประชาชนพึ่งพิงรัฐมากขึ้น และเกิดปัญหาหนี้สินที่ส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
อ้างอิง:
เงินทุนประกอบอาชีพ – องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดำเนินงานโครงการเศรษฐกิจชุมชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2543. แนวทางปฏิบัติโครงการเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2541. แจ้งแนวทางการดำเนินงานโครงการเศรษฐกิจชุมชน.
ลิงก์
https://www.nongwaeng-kk.go.th/document/documents_155
สินค้า OTOP ทำลายเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย
1. ความหมาย
เป็น ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกิดจากทรัพยากรท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน และวัฒนธรรมชุมชน
ไม่ได้มุ่งเน้นเพียง “การขายสินค้า” แต่เป็นเครื่องมือในการ สร้างศักยภาพของคน และ เพิ่มคุณค่าในสิ่งที่ชุมชนมี
สอดคล้องกับนิยามในระเบียบฯ กระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2541) ที่กำหนดให้เศรษฐกิจชุมชนตั้งอยู่บนฐานของ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม คุ้มค่า และยั่งยืน
2. ตัวอย่างสินค้าเศรษฐกิจชุมชน
สินค้าเกษตรและการแปรรูป
ข้าวหอมมะลิ
ผลไม้แปรรูป เช่น กล้วยตาก มะม่วงอบแห้ง
สมุนไพรและยาสมุนไพรพื้นบ้าน
งานหัตถกรรม
ผ้าทอพื้นเมือง (ไหมแพรวา, ผ้าฝ้ายทอมือ)
เครื่องจักสาน (ตะกร้า, กระติบข้าวเหนียว)
เครื่องปั้นดินเผา
อุตสาหกรรมครัวเรือน
อาหารพื้นบ้าน เช่น น้ำพริก แหนม
ขนมท้องถิ่น เช่น ข้าวต้มมัด ขนมครก
3. จุดเน้น
ไม่ใช่เพียงการผลิตเพื่อขาย แต่เพื่อ:
ยกระดับทักษะ ความรู้ และความสามารถของคนในชุมชน
สร้างความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น
สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กัน
ให้ชุมชนเป็นเจ้าของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจัดการผลประโยชน์เพื่อพัฒนาชุมชนต่อไป
4. ความแตกต่างจาก OTOP
สินค้าเศรษฐกิจชุมชน:
ชุมชนคิดเอง ทำเอง เป็นเจ้าของเอง
รัฐสนับสนุนปัจจัยพื้นฐาน (ตลาด ทุน การจัดการ)
เน้นความเข้มแข็งจากฐานราก → ยั่งยืน
OTOP (2544 เป็นต้นมา):
รัฐ “รีแบรนด์” สินค้าให้มีภาพลักษณ์ตลาด
ชุมชนหลายแห่งถูกกดดันให้ผลิตตามกระแส มากกว่าตามความพร้อม
บางพื้นที่เกิดปัญหาหนี้สิน เพราะต้องลงทุนผลิตมากเกินความสามารถ
📌 ดังนั้น สินค้าเศรษฐกิจชุมชนเป็น เครื่องมือสร้างความเข้มแข็งและศักดิ์ศรีของชุมชน ไม่ใช่แค่ “แบรนด์” หรือ “โครงการขายสินค้า” ตามแบบ OTOP
อ้างอิง:
กรมการปกครอง. (2541). ระเบียบกระทรวงมหาดไทย เรื่องโครงการเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2541.
https://www.dla.go.th/upload/templateWebMenu/attachFile/2017/10/1509077174670.PDF
เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน
เป็นทุนตั้งต้นที่ชุมชนใช้สำหรับสร้างและขยายกิจกรรมเศรษฐกิจ
แหล่งเงินทุน:
• กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
• กองทุนจากความร่วมมือภาครัฐและภาคธุรกิจ
• เงินออมของสมาชิกชุมชนเอง
การใช้ทุน: ลงทุนในเครื่องจักร วัตถุดิบ การตลาด และการอบรมความรู้
ลักษณะเด่น: เป็น ทุนเพื่อการพัฒนา ไม่ใช่แค่เงินหมุนเวียน
เปรียบเทียบกับแนวคิดเงินทุนเศรษฐกิจชุมชน
เงินทุนเศรษฐกิจชุมชนทำงานได้ดีกว่ากองทุนหมู่บ้านที่แจกเงิน “หมู่บ้านละล้าน” โดยไม่มีเงื่อนไข ดังนี้:
การมีเงื่อนไขและการสมทบทุนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2543 กำหนดให้ผู้ขอกู้ต้องมีเงินสมทบเอง ร้อยละ 30 ทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมรับผิดชอบ และกระตุ้นวินัยทางการเงิน แตกต่างจากการแจกเงินเปล่า ๆ ที่ไม่มีมาตรการควบคุม
การมีแผนชำระคืนและการติดตามทุกโครงการต้องมีแผนการชำระคืน และมีกลไกควบคุมตรวจสอบที่ชัดเจน ลดความเสี่ยงหนี้สินที่ไร้วินัย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองทุนหมู่บ้าน
ชุมชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของระเบียบฯ นิยาม “ประชาคม” ว่าต้อง ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมรับผิดชอบ ไม่ใช่ผู้รับความช่วยเหลือเพียงฝ่ายเดียว
วงเงินและเงื่อนไขกู้ระยะยาวจำกัดวงเงินไม่ให้เกินศักยภาพของกลุ่ม และกำหนดเงื่อนไขการผ่อนคืนที่ชัดเจน ช่วยลดความเสี่ยงการสะสมหนี้ ต่างจากกองทุนหมู่บ้านที่ปล่อยเงินก้อนใหญ่โดยไม่มีการประเมินความสามารถของผู้กู้
📖 อ้างอิง: กรมการปกครองท้องถิ่น. (2543). ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2543
ดาวน์โหลดเอกสาร PDF https://www.dla.go.th/upload/templateWebMenu/attachFile/2017/10/1509077213929.pdf
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน
เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ชุมชนเข้าถึงเงินทุนได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ
แหล่งกู้:
สถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.), ธนาคารออมสิน
กองทุนภาคประชาชนที่บริหารโดยชุมชนเอง
เงื่อนไข:
ดอกเบี้ยต่ำ
เน้นการกู้เพื่อการผลิตและการลงทุน ไม่ใช่เพื่อการบริโภค
ประโยชน์:
ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนจากการหมุนเวียนเงินภายใน
ความแตกต่างระหว่าง “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” และ “ธนาคารประชาชน”
การมีส่วนร่วมของชุมชน
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน: ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเงินทุน เช่น การกำหนดเงื่อนไขการกู้ การติดตามผล และการชำระคืน ส่งเสริมความรับผิดชอบและการพึ่งพาตนเอง
ธนาคารประชาชน: เน้นการให้สินเชื่อผ่านธนาคารของรัฐ มีเงื่อนไขผ่อนคลาย แต่ขาดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
วัตถุประสงค์และการใช้เงิน
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน: มุ่งเน้นการใช้เงินทุนเพื่อการผลิตและการลงทุนในกิจกรรมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เช่น การเกษตร การแปรรูปสินค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน
ธนาคารประชาชน: เน้นกระตุ้นการบริโภคและการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้เกิดหนี้ครัวเรือนและปัญหาทางเศรษฐกิจระยะยาว
ผลกระทบระยะยาว
เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน: ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของชุมชน
ธนาคารประชาชน: ส่งผลให้ประชาชนพึ่งพิงรัฐมากขึ้น และเกิดปัญหาหนี้สินที่ส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
อ้างอิง:
เงินทุนประกอบอาชีพ – องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดำเนินงานโครงการเศรษฐกิจชุมชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2543. แนวทางปฏิบัติโครงการเศรษฐกิจชุมชน พ.ศ. 2541. แจ้งแนวทางการดำเนินงานโครงการเศรษฐกิจชุมชน. ลิงก์
https://www.nongwaeng-kk.go.th/document/documents_155