
ช่วงนี้มี ประชาชน ประท้วงโหดหลายประเทศ ที่ใกล้บ้านเรา คือ อินโดนิเซีย ต่อมาล่าสุด ก็เป็น เนปาล ได้ข่าวว่าล่าสุดที่ ฝรั่งเศส ประชาชนประท้วงเผาไปเหมือนกันครับ
อันนี้ผมขอวิแคะมุมมองของเนปาล นะครับ คือ เท่าที่ผมทราบข้อมูล คือ เหมือนว่า ผู้บริหารประเทศ เอาเงินภาษีไปเสพสุขเองในครอบครัว ลูกหลานนักการเมืองกินหรูอยู่แพง โพสอวดรวยในโซเชี่ย แล้วประชาชนคนรุ่นใหม่ที่มีสื่อโซเชี่ยในมือก็ไปแคปเปรียบเทียบ ประมาณว่า ขณะที่ลูกหลานนักการเมืองเสพสุขเงินภาษีอยู่ ประชาชนส่วนใหญ่กลับดื้นรนอดอยากกัน แล้วที่น่าตกใจ เขาบอกว่ารายได้ GDP ประเทศส่วนใหญ่คือประชาชนคนเนปาลต้องออกไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วส่งเงินกลับมา เพราะทำงานในประเทศตัวเองไม่พอยาไส้ ซึ่งรายได้ของพวกเขาก็จะถูกหักภาษีเข้ารัฐ แต่รัฐกลับเอาเงินภาษีไปปรนเปรอตัวเอง ไม่คิดเอาเงินมาพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนเนปาลจนอดอยากแร้งแค้น ประมาณนั้นครับ
แล้วเด็กรุ่นใหม่ที่เข้าถึงการศึกษาความรู้ในโลกออกไลน์มากขึ้น ไปแคปรูปกินหรูอยู่แพงนักการเมืองมาเทียบ ทำให้พวกเขาไม่พอใจ แล้วรัฐเนปาล เหมือนไปสุมไฟ คือปิดกั้นสื่อทั้งหมด มันเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่มีมาอย่างยาวนาน
ซึ่งก่อนหน้านี้ เนปาลเป็นระบอบ King มาก่อน คือก่อนหน้านี้จะคล้ายตอนนี้คือไม่สนใจประชาชน เรื่องปากท้อง พอมาเป็นระบอบรัฐ คือซ้ำรอยคอรัปชั่นอีก
ประเด็นที่ผมมองคือแบบนี้คือ คือเขาปกครองไม่สนใจความเป็นอยู่ ประชาชน ทำให้อดอยากยากลำบาก มันเหมือนระเบิดเวลาดีๆ นี่เองครับ
ไม่ว่าจะระบอบเก่า หรือระบอบใหม่ของเนปาล อาจจะไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ไม่เอาเงินมาพัฒนาประเทศเลย คีย์สำคัญอยู่ตรงนี้ครับ ไม่ได้ทำให้ประชาชนความเป็นอยู่ดีขึ้นเลย
จุดนี้ต่างหากที่เป็นระเบิดเวลาสะสมมานานของเนปาลครับ
ผมว่าถ้ารัฐเนปาลฉลาดหน่อย คือ บริหารปัจจัยพื้นฐานให้ ประชาชนกินอิ่มได้ทั่วถึง ครบสามมื้อ ก็อาจจะไม่เกิดความรุนแรงแบบนี้ครับ
คือ ประชาชนคนรุ่นเจนซี เปรียบเหมือนไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าอยู่แบบนั้นไม่นานก็อดตายกัน เขาเลยต้องเปลี่ยน ประมาณนั้นครับ เท่าที่ดูนะครับ
ความอดอยากของประชาชน นี่น่ากลัวจริงครับ มันเหมือนระเบิดเวลาประเทศ
คือผมจะยกตัวอย่าง ประเทศที่ฉลาดในการปกครอง เพื่อนๆ จำยุคล่าอาณานิคมได้ไหมครับ ประเทศที่มีปกครองเมืองขึ้นได้เกือบค่อนโลกตอนนั้นคือ อังกฤษ
สิ่งที่อังกฤษทำ ปกครองกับพวกเมืองขึ้น คือ เขาจะไม่กดขี่ซะทีเดียว จะใช้วิธีการยึดหยุ่นมากกว่า ฝรั่งเศสที่ไปปกครองเมืองขึ้น
เพื่อนๆ สังเกตสิครับ ประเทศที่เคยเมืองขึ้นของอังกฤษ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีกลุ่มต่อต้าน และหลายประเทศพออังกฤษคืนอำนาจ อย่างบางประเทศเจริญเลยด้วยซ้ำ ต่างจากฝรั่งเศสตอนปกครองเมืองขึ้นจะหักดิบเห็นแก่ตัวสูบทรัพยากรประเทศเมืองขึ้นเต็มสูบแข็งกระด้างกดขี่ ซึ่งบทเรียนที่เห็นได้ชัด ก็เวียดนามไงครับ ไม่เห็นหัวประชาชนเวียดนามเลย จนมีที่มาของกลุ่มต่อต้านเวียดกง ของลุงโฮจิมินห์ ไปฝรั่งเศสส่งจดหมายขออิสรภาพก็แล้ว ฝรั่งเศสไม่สนใจใยดีเลย ไปขอเมกาก็ไม่ช่วย ลุงโฮจิมินห์แกเลยตัดสินใจเออกูไปหาสหายสตาลิน เลนินคอมมี่ก็ได้เออ เลยเป็นที่มาของ ฝรั่งเศสพ่ายยับทีเดียนเบียนฟู วิ่งจุกตูดกลับฝรั่งเศสแทบไม่ทัน
ซึ่งจะเห็นความต่างกับการปกครองของอังกฤษจะมีความยึดหยุ่นกว่าครับ ประเทศที่เป็นเมืองขึ้นอังกฤษก็ไม่ได้บีบให้ประชาชนเมืองขึ้นเขาจนตรอกมากเหมือนฝรั่งเศส การจะฮึดสู้แบบหมาจนตรอกเลยไม่ค่อยแรงเท่าประมาณนั้นครับ
ประเด็นที่จะสื่อ คือ อังกฤษ มีความฉลาดแยบยลในการปกครองตรงที่ว่า เขาจะไม่ให้ประชาชนประเทศนั้นอดอยากจนตรอกมากเกินไปครับ เพราะเค้ารู้ว่า ความหิวโหยของประชาชนหมู่มาก มันน่ากลัว เพราะพวกเขาจะยอมแลกไม่มีอะไรจะเสียประมาณนั้นครับ เหมือนที่เนปาลเป็นในตอนนี้ครับ
เพื่อนๆ มีมุมมองวิเคราะห์เนปาลอย่างไร แขร์มุมมองได้ครับ
กรณีศึกษา เนปาล ปล่อยให้ประชาชนอดอยาก คือ ระเบิดเวลา รึเปล่าครับ?
ช่วงนี้มี ประชาชน ประท้วงโหดหลายประเทศ ที่ใกล้บ้านเรา คือ อินโดนิเซีย ต่อมาล่าสุด ก็เป็น เนปาล ได้ข่าวว่าล่าสุดที่ ฝรั่งเศส ประชาชนประท้วงเผาไปเหมือนกันครับ
อันนี้ผมขอวิแคะมุมมองของเนปาล นะครับ คือ เท่าที่ผมทราบข้อมูล คือ เหมือนว่า ผู้บริหารประเทศ เอาเงินภาษีไปเสพสุขเองในครอบครัว ลูกหลานนักการเมืองกินหรูอยู่แพง โพสอวดรวยในโซเชี่ย แล้วประชาชนคนรุ่นใหม่ที่มีสื่อโซเชี่ยในมือก็ไปแคปเปรียบเทียบ ประมาณว่า ขณะที่ลูกหลานนักการเมืองเสพสุขเงินภาษีอยู่ ประชาชนส่วนใหญ่กลับดื้นรนอดอยากกัน แล้วที่น่าตกใจ เขาบอกว่ารายได้ GDP ประเทศส่วนใหญ่คือประชาชนคนเนปาลต้องออกไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วส่งเงินกลับมา เพราะทำงานในประเทศตัวเองไม่พอยาไส้ ซึ่งรายได้ของพวกเขาก็จะถูกหักภาษีเข้ารัฐ แต่รัฐกลับเอาเงินภาษีไปปรนเปรอตัวเอง ไม่คิดเอาเงินมาพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนเนปาลจนอดอยากแร้งแค้น ประมาณนั้นครับ
แล้วเด็กรุ่นใหม่ที่เข้าถึงการศึกษาความรู้ในโลกออกไลน์มากขึ้น ไปแคปรูปกินหรูอยู่แพงนักการเมืองมาเทียบ ทำให้พวกเขาไม่พอใจ แล้วรัฐเนปาล เหมือนไปสุมไฟ คือปิดกั้นสื่อทั้งหมด มันเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่มีมาอย่างยาวนาน
ซึ่งก่อนหน้านี้ เนปาลเป็นระบอบ King มาก่อน คือก่อนหน้านี้จะคล้ายตอนนี้คือไม่สนใจประชาชน เรื่องปากท้อง พอมาเป็นระบอบรัฐ คือซ้ำรอยคอรัปชั่นอีก
ประเด็นที่ผมมองคือแบบนี้คือ คือเขาปกครองไม่สนใจความเป็นอยู่ ประชาชน ทำให้อดอยากยากลำบาก มันเหมือนระเบิดเวลาดีๆ นี่เองครับ
ไม่ว่าจะระบอบเก่า หรือระบอบใหม่ของเนปาล อาจจะไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ไม่เอาเงินมาพัฒนาประเทศเลย คีย์สำคัญอยู่ตรงนี้ครับ ไม่ได้ทำให้ประชาชนความเป็นอยู่ดีขึ้นเลย
จุดนี้ต่างหากที่เป็นระเบิดเวลาสะสมมานานของเนปาลครับ
ผมว่าถ้ารัฐเนปาลฉลาดหน่อย คือ บริหารปัจจัยพื้นฐานให้ ประชาชนกินอิ่มได้ทั่วถึง ครบสามมื้อ ก็อาจจะไม่เกิดความรุนแรงแบบนี้ครับ
คือ ประชาชนคนรุ่นเจนซี เปรียบเหมือนไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าอยู่แบบนั้นไม่นานก็อดตายกัน เขาเลยต้องเปลี่ยน ประมาณนั้นครับ เท่าที่ดูนะครับ
ความอดอยากของประชาชน นี่น่ากลัวจริงครับ มันเหมือนระเบิดเวลาประเทศ
คือผมจะยกตัวอย่าง ประเทศที่ฉลาดในการปกครอง เพื่อนๆ จำยุคล่าอาณานิคมได้ไหมครับ ประเทศที่มีปกครองเมืองขึ้นได้เกือบค่อนโลกตอนนั้นคือ อังกฤษ
สิ่งที่อังกฤษทำ ปกครองกับพวกเมืองขึ้น คือ เขาจะไม่กดขี่ซะทีเดียว จะใช้วิธีการยึดหยุ่นมากกว่า ฝรั่งเศสที่ไปปกครองเมืองขึ้น
เพื่อนๆ สังเกตสิครับ ประเทศที่เคยเมืองขึ้นของอังกฤษ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีกลุ่มต่อต้าน และหลายประเทศพออังกฤษคืนอำนาจ อย่างบางประเทศเจริญเลยด้วยซ้ำ ต่างจากฝรั่งเศสตอนปกครองเมืองขึ้นจะหักดิบเห็นแก่ตัวสูบทรัพยากรประเทศเมืองขึ้นเต็มสูบแข็งกระด้างกดขี่ ซึ่งบทเรียนที่เห็นได้ชัด ก็เวียดนามไงครับ ไม่เห็นหัวประชาชนเวียดนามเลย จนมีที่มาของกลุ่มต่อต้านเวียดกง ของลุงโฮจิมินห์ ไปฝรั่งเศสส่งจดหมายขออิสรภาพก็แล้ว ฝรั่งเศสไม่สนใจใยดีเลย ไปขอเมกาก็ไม่ช่วย ลุงโฮจิมินห์แกเลยตัดสินใจเออกูไปหาสหายสตาลิน เลนินคอมมี่ก็ได้เออ เลยเป็นที่มาของ ฝรั่งเศสพ่ายยับทีเดียนเบียนฟู วิ่งจุกตูดกลับฝรั่งเศสแทบไม่ทัน
ซึ่งจะเห็นความต่างกับการปกครองของอังกฤษจะมีความยึดหยุ่นกว่าครับ ประเทศที่เป็นเมืองขึ้นอังกฤษก็ไม่ได้บีบให้ประชาชนเมืองขึ้นเขาจนตรอกมากเหมือนฝรั่งเศส การจะฮึดสู้แบบหมาจนตรอกเลยไม่ค่อยแรงเท่าประมาณนั้นครับ
ประเด็นที่จะสื่อ คือ อังกฤษ มีความฉลาดแยบยลในการปกครองตรงที่ว่า เขาจะไม่ให้ประชาชนประเทศนั้นอดอยากจนตรอกมากเกินไปครับ เพราะเค้ารู้ว่า ความหิวโหยของประชาชนหมู่มาก มันน่ากลัว เพราะพวกเขาจะยอมแลกไม่มีอะไรจะเสียประมาณนั้นครับ เหมือนที่เนปาลเป็นในตอนนี้ครับ
เพื่อนๆ มีมุมมองวิเคราะห์เนปาลอย่างไร แขร์มุมมองได้ครับ