จาก ‘ไต้หวัน’ หันมอง ‘ไทย’ ถึงเวลา? ที่ประเทศต้องมี ‘คู่มือเอาตัวรอด’ จากวิกฤต

KEY POINTS
ไต้หวันเตรียมแจก "คู่มือป้องกันพลเรือน" ฉบับใหม่ เพื่อให้ประชาชนพร้อมรับมือวิกฤตหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ภัยธรรมชาติไปจนถึงภัยคุกคามจากการรุกรานของจีน

หลายประเทศทั่วโลก เช่น สวีเดนและฝรั่งเศส ได้จัดทำคู่มือลักษณะเดียวกันเพื่อเตรียมความพร้อมให้ประชาชนรับมือกับภัยคุกคามยุคใหม่ ทั้งสงคราม ภัยไซเบอร์ และข่าวปลอม

สะท้อนกลับมายังประเทศไทย ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ควรมีคู่มือเอาตัวรอดสำหรับประชาชน 

จากข่าวล่าสุดที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานวันนี้ตามเวลาประเทศไทย (12 กันยายน 2568) ว่า ไต้หวันเตรียมแจกคู่มือเอาตัวรอด หรือ คู่มือป้องกันพลเรือนฉบับใหม่ในสัปดาห์หน้า โดยคู่มือเล่มนี้พิมพ์ด้วยปกสีส้มแดง มีคาแรคเตอร์การ์ตูนบนหน้าปก พร้อมข้อความที่ระบุว่า ‘เมื่อวิกฤตมาถึง - คู่มือความปลอดภัยสำหรับประชาชนไต้หวัน’ ซึ่งออกโดยกระทรวงกลาโหม
 

สำหรับเนื้อหาด้านในมีความยาวกว่า 29 หน้า ระบุถึงวิธีการป้องกันและเอาชีวิตรอดเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ โรคระบาด สภาพอากาศที่รุนแรง ทั้งข้อมูลการใช้แอปมือถือเพื่อตามหาที่พักพิง หรือเคล็ดลับจัดเตรียมชุดฉุกเฉินสำหรับครอบครัวและสัตว์เลี้ยง ฯลฯ
 

โดยเฉพาะในเนื้อหาเล่มใหม่นี้ยังเน้นย้ำถึงการเอาตัวรอดจาก ‘ภัยรุกรานจากจีน’ ท่ามกลางการกล่าวอ้างของไต้หวันว่ากำลังเผชิญแกรงกดดันจากทหารจีนอย่างหนัก  โดยประโยคเด็ดในเล่มคือ
 

หากมีการอ้างว่าไต้หวัน ยอมจำนน หรือ พ่ายแพ้แล้ว ให้ถือว่าเป็นข่าวเท็จทั้งหมด!
 

หลิน เฟ่ยฝาน (Lin Fei-fan) รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลการจัดทำคู่มือครั้งนี้ บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ไต้หวันได้แรงบันดาลใจจากคู่มือเอาตัวรอดของประเทศอื่น ๆ เช่น สาธารณรัฐเช็ก ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น โดยเรียนรู้จากระบอบประชาธิปไตยอื่นๆ ว่าจะบูรณาการผู้คนจากทุกภาคส่วนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งได้อย่างไร
 

เขายังระบุอีกว่าจีนพยายามที่จะขยายลัทธิอำนาจนิยมไปในหลายประเทศทั่วโลก และสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียก็ยิ่งทำให้เรื่องนี้มีความเร่งด่วนมากขึ้น
 

“สถานการณ์โลก ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปหรือภูมิภาคอินโด–แปซิฟิก ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่มันอยู่ตรงหน้าประตูบ้านเรา” 
 

ภายในคู่มือฉบับนี้จึงมีการระบุสถานการณ์ต่างๆ ที่ไต้หวันอาจเผชิญ เช่น การก่อวินาศกรรมสายเคเบิลใต้น้ำ การโจมตีทางไซเบอร์จนระบบเป็นอัมพาต การตรวจสอบเรือของไต้หวันโดยไปจนถึงการประกาศห้ามเดินเรือหรือห้ามบินฝ่ายเดียวโดยอ้างว่าเป็นการซ้อมรบ และสถานการณ์การรุกรานเต็มรูปแบบ โดยมีการระบุว่ายามสงคราม หากมีการปรากฎตัวของศัตรูให้ประชาชนรีบออกจากพื้นที่หรือหาที่กำบังที่ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพหรือวิดิโอเพื่อนำไปเผยแพร่ ซึ่งจะทำให้ความเคลื่อนไหวของทหารรั่วไหล และเป็นผลเสียต่อปฏิบัติการ
 

ทั้งนี้ คู่มือดังกล่าวยังถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับทุกวัย เนื่องจากมีภาพการ์ตูนประกอบจำนวนมาก และยังแนะนำวิธีพูดคุยกับเด็ก เกี่ยวกับวิกฤตที่เกิดขึ้น เพื่อลดความวิตกกังวล เนื่องจากมีผู้ปกครองจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรกับลูกหากเกิดวิกฤตขึ้น
 


 

คู่มือเอาตัวรอดจากวิกฤตในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
 

ต้องยอมรับว่าหลังจากเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 ความแปรปรวนของสภาพอากาศ และการแข่งขันของมหาอำนาจในหลายเหตุการณ์ทั่วโลก เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงปีหลังๆ
 

หลายประเทศจึงมองว่า 'คู่มือเอาตัวรอด' เปรียบเหมือนบทเรียนฉบับกระเป๋า ที่ประชาชนทุกคนจะเก็บไว้เป็นภูมิคุ้มกันอย่างดีต่อตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อออกมาจากหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้ดูระบบภาพรวมและการสั่งการทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การเผยแพร่ข้อมูลชัดเจนไม่กระจัดกระจาย
 

ยกตัวอย่างเช่น ประเทศสวีเดน ได้มีการออกคู่มือชื่อ In case of crisis or war แจกจ่ายถึงครัวเรือนทุกหลัง โดยเนื้อหาครอบคลุมภัยสมัยใหม่ เช่น ข่าวปลอม สงคราม ภัยไซเบอร์ต่างๆ ภัยจากธรรมชาติ กรณีที่ระบบพื้นฐานของประเทศล้ม รวมไปถึงโรคระบาด  ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดได้ถูกแจกจ่ายในปี 2024 มีความยาวทั้งสิ้น 30 หน้า โดยแจกจ่ายครอบคลุม 4.7 ล้านครัวเรือน ทั้งฉบับภาษาสวีเดนและอังกฤษรวมไปถึงภาษาอื่นๆ ในกรณีที่บางคนไม่สามารถพูดภาษาสวีเดนได้
 

เนื้อหาในเล่มนอกจากคำแนะนำปฏิบัติแล้ว ยังมีข้อความเชิงให้กำลังใจ หรือปฏิเสธข่าวปลอม ซึ่งไปในทิศทางเดียวกันกับไต้หวันคือ หากมีข่าวว่าสวีเดนถูกโจมตี เราจะไม่ยอมแพ้ การยอมแพ้ของประเทศจะเป็นข่าวปลอมทั้งหมด
 

ในขณะที่ ประเทศฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรี ฟรองซัว บายคูร์ ก็ได้จัดทำ ‘คู่มือเอาชีวิตรอด’ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนของประเทศตัวเองเช่นกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและวิกฤตต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ภัยธรรมชาติ วิกฤตด้านสุขภาพ เหตุการณ์ด้านเทคโนโลยีและไซเบอร์ ภัยคุกคามด้านความมั่นคงและสงคราม
 

เนื้อหาสำคัญที่หากไม่ระบุในคู่มือเล่มนี้ ประชาชนอาจจะไม่คาดคิดและไม่มีความรู้ ยกตัวอย่างเช่น การปิดประตูและหน้าต่างในกรณีเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์  การแนะนำช่องวิทยุที่ควรเปิดฟังในช่วงเวลาฉุกเฉิน  การเตรียมสิ่งของจำเป็น สำหรับ 72 ชั่วโมงแรกของเหตุฉุกเฉิน เช่น วิทยุ, ไฟฉาย, แบตเตอรี่, ชุดยา, อาหารที่ไม่เน่าเสียง่าย, น้ำดื่ม (อย่างน้อย 6 ลิตรต่อคน), เสื้อผ้าที่จำเป็น, เอกสารสำคัญ และกิจกรรมสำหรับฆ่าเวลา
 

โดยคู่มือฉบับนี้คาดว่าจะเริ่มแจกจ่ายในปีนี้ มีความยาวทั้งหมด 20 หน้า โดยจะแจกจ่ายผ่านการส่งทางไปรษณีย์ และการดาวน์โหลดออนไลน์ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงคู่มือได้ทั้งในรูปแบบดิจิทัลและสิ่งพิมพ์
  

 

หันกลับมามองประเทศไทย เมื่อเกิดวิกฤตแต่ละครั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องรอความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ หรือภายนอกอย่างเดียว ซึ่งบางครั้งกว่าจะเข้าถึงได้ก็สายเกินไป รวมไปถึงความตื่นตระหนกต่อการรับมือกับสถานการณ์ใหม่ๆ ที่ยังเห็นได้แทบจะทุกครั้งที่เกิดวิกฤต
 

การเตรียมความพร้อมในยุคที่วิกฤตต่างๆ จ่อหน้าปากประตูบ้าน จึงเป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจ ซึ่งประเทศต่างๆ ที่เห็นความสำคัญก็เริ่มขยับแล้ว ณ วันนี้.


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่