ประเทศไทยก็เหมือนประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่ใช้ระบบภาษีแบบก้าวหน้า (Progressive Tax) หมายความว่ายิ่งมีรายได้สูง อัตราภาษีก็จะยิ่งสูงขึ้น ประเทศที่มีอัตราภาษีสูง เช่น ประทศแถบยุโรป มักจะเป็นประเทศที่มีรัฐสวัสดิการเข้มแข็ง โดยภาษีเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระบบสาธารณสุข การศึกษา และเงินบำนาญที่มีคุณภาพสูง อย่างไรก็ตามแต่ละประเทศมีบริบทและความจำเป็นทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ดังนั้นนโยบายด้านภาษีจึงแตกต่างกัน ซึ่งตัวเลขภาษีของแต่ละประเทศทำให้วิเคราะห์ข้อมูลได้หลายประเด็นเลยครับ
ผมไปส่องข้อมูลภาษีของประเทศต่างๆ 2 กลุ่ม คือยุโรปและเอเชีย กลุ่มละ 10 ประเทศ แล้วนำมาสรุปเรียงลำดับตามอัตราภาษีจากมากไปน้อย เริ่มจากกลุ่มยุโรปก่อนดังนี้
ตามด้วยกลุ่มเอเชียดังนี้
ข้อสรุปที่ได้จากข้อมูล
- ความแตกต่างของ GDP และภาษี
ขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ไม่ได้แปรผันตรงกับอัตราภาษีเสมอไป ตัวอย่างเช่น เยอรมนีมี GDP สูงสุดแต่มีอัตราภาษีต่ำกว่าฝรั่งเศสหรือเบลเยียม
- ประเทศเอเชียตะวันออก
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน มีระบบภาษีคล้ายคลึงกับยุโรป คือเน้นการเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากจากผู้มีรายได้สูงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและรองรับสังคมผู้สูงอายุ
-
ภาษีเป็นศูนย์
กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางอย่าง
ซาอุดีอาระเบีย และ UAE มีความโดดเด่นมากเนื่องจากมีรายได้หลักจากน้ำมัน จึงแทบไม่มีการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเลย
- สิงคโปร์
แม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมี GDP สูง แต่ยังคงรักษาอัตราภาษีไว้ในระดับต่ำ (เมื่อเทียบกับโลก) เพื่อจูงใจให้กลุ่ม Talent และบริษัทข้ามชาติเข้ามาตั้งฐานที่มั่น
ในประเทศกลุ่มเอเชีย GDP สูง 10 ประเทศ จะเห็นได้ว่าในเอเชีย "ยิ่งรวย (GDP สูง) ไม่ได้แปลว่าภาษีต้องสูงเสมอไป" เหมือนฝั่งยุโรป และประเทศไทยก็ไม่ได้มีภาษีต่ำสุด ถ้าไม่นับประเทศเศรษฐีน้ำมันที่ไม่ต้องเสียภาษีแล้ว สิงคโปร์ยังต่ำกว่าไทยอีกเพราะเป็นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจที่ชาญฉลาดของรัฐบาลสิงคโปร์ครับ
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือประเทศแถบยุโรปที่เป็นรัฐสวัสดิการจะเก็บภาษีโหดมาก เพื่อนำเงินภาษีมาอุดหนุนสวัสดิการของประชาชน เช่น เรียนฟรี รักษาพยาบาลฟรี ฯลฯ และด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ผิดกับประเทศไทยที่เก็บภาษีที่อัตราที่ต่ำกว่ามาก รวมทั้งมีธุรกิจนอกระบบภาษีมากมายที่ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ เมื่อมีรายได้จากภาษีน้อย งบประมาณที่รัฐบาลจะไปทำเรื่องสวัสดิการประชาชนได้ดีเท่ายุโรปยังเป็นเรื่องที่ห่างไกล นอกจากนี้ไทยยังประสบปัญหาสังคมสูงวัยที่คนวัยแรงงานน้อยลง การจัดเก็บภาษีจากกลุ่มมนุษย์เงินเดือนยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ ในอนาคตครับ
ผมเอาข้อมูลมาให้ดูเฉยๆ ครับ เพราะปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษี ประชาชนคนธรรดาอย่างเราคงแก้ไขอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะเข้าบริหารจัดการ ซึ่งคงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่มาแก้ไข อย่าลืมอ่านนโยบายตอนหาเสียงด้วยนะครับว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจเลือกพรรคที่คิดว่าจะช่วยเข้ามาจัดการเรื่องนี้ได้ครับ
แหล่งข้อมูลครับ
ข้อมูลอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Tax Rates)
ข้อมูลอัตราภาษีสูงสุด (Top Marginal Tax Rate) อ้างอิงจากฐานข้อมูลภาษีโลกของ
PwC และ
Trading Economics ซึ่งอัปเดตตามกฎหมายภาษีล่าสุดของแต่ละประเทศ
PwC Worldwide Tax Summaries: (สำหรับรายละเอียดรายประเทศที่แม่นยำที่สุด)
https://taxsummaries.pwc.com/
Trading Economics - Personal Income Tax Rate by Country
https://tradingeconomics.com/country-list/personal-income-tax-rate?continent=asia
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นแล้วเป็นอย่างไร
ผมไปส่องข้อมูลภาษีของประเทศต่างๆ 2 กลุ่ม คือยุโรปและเอเชีย กลุ่มละ 10 ประเทศ แล้วนำมาสรุปเรียงลำดับตามอัตราภาษีจากมากไปน้อย เริ่มจากกลุ่มยุโรปก่อนดังนี้
- ความแตกต่างของ GDP และภาษี
ขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ไม่ได้แปรผันตรงกับอัตราภาษีเสมอไป ตัวอย่างเช่น เยอรมนีมี GDP สูงสุดแต่มีอัตราภาษีต่ำกว่าฝรั่งเศสหรือเบลเยียม
- ประเทศเอเชียตะวันออก
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน มีระบบภาษีคล้ายคลึงกับยุโรป คือเน้นการเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากจากผู้มีรายได้สูงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและรองรับสังคมผู้สูงอายุ
- ภาษีเป็นศูนย์
กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางอย่าง ซาอุดีอาระเบีย และ UAE มีความโดดเด่นมากเนื่องจากมีรายได้หลักจากน้ำมัน จึงแทบไม่มีการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเลย
- สิงคโปร์
แม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมี GDP สูง แต่ยังคงรักษาอัตราภาษีไว้ในระดับต่ำ (เมื่อเทียบกับโลก) เพื่อจูงใจให้กลุ่ม Talent และบริษัทข้ามชาติเข้ามาตั้งฐานที่มั่น
ในประเทศกลุ่มเอเชีย GDP สูง 10 ประเทศ จะเห็นได้ว่าในเอเชีย "ยิ่งรวย (GDP สูง) ไม่ได้แปลว่าภาษีต้องสูงเสมอไป" เหมือนฝั่งยุโรป และประเทศไทยก็ไม่ได้มีภาษีต่ำสุด ถ้าไม่นับประเทศเศรษฐีน้ำมันที่ไม่ต้องเสียภาษีแล้ว สิงคโปร์ยังต่ำกว่าไทยอีกเพราะเป็นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจที่ชาญฉลาดของรัฐบาลสิงคโปร์ครับ
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือประเทศแถบยุโรปที่เป็นรัฐสวัสดิการจะเก็บภาษีโหดมาก เพื่อนำเงินภาษีมาอุดหนุนสวัสดิการของประชาชน เช่น เรียนฟรี รักษาพยาบาลฟรี ฯลฯ และด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ผิดกับประเทศไทยที่เก็บภาษีที่อัตราที่ต่ำกว่ามาก รวมทั้งมีธุรกิจนอกระบบภาษีมากมายที่ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ เมื่อมีรายได้จากภาษีน้อย งบประมาณที่รัฐบาลจะไปทำเรื่องสวัสดิการประชาชนได้ดีเท่ายุโรปยังเป็นเรื่องที่ห่างไกล นอกจากนี้ไทยยังประสบปัญหาสังคมสูงวัยที่คนวัยแรงงานน้อยลง การจัดเก็บภาษีจากกลุ่มมนุษย์เงินเดือนยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ ในอนาคตครับ
ผมเอาข้อมูลมาให้ดูเฉยๆ ครับ เพราะปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษี ประชาชนคนธรรดาอย่างเราคงแก้ไขอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะเข้าบริหารจัดการ ซึ่งคงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่มาแก้ไข อย่าลืมอ่านนโยบายตอนหาเสียงด้วยนะครับว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจเลือกพรรคที่คิดว่าจะช่วยเข้ามาจัดการเรื่องนี้ได้ครับ
แหล่งข้อมูลครับ
ข้อมูลอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Tax Rates)
ข้อมูลอัตราภาษีสูงสุด (Top Marginal Tax Rate) อ้างอิงจากฐานข้อมูลภาษีโลกของ PwC และ Trading Economics ซึ่งอัปเดตตามกฎหมายภาษีล่าสุดของแต่ละประเทศ
PwC Worldwide Tax Summaries: (สำหรับรายละเอียดรายประเทศที่แม่นยำที่สุด)
https://taxsummaries.pwc.com/
Trading Economics - Personal Income Tax Rate by Country
https://tradingeconomics.com/country-list/personal-income-tax-rate?continent=asia