สว.เทวฤทธิ์ ไล่ไทม์ไลน์ยัน ทำได้ ถ้ารบ.ไม่เบี้ยว MOA ยุบสภา แล้วประชามติพร้อมเลือกตั้ง
.
.
สว.เทวฤทธิ์ ไล่ไทม์ไลน์ยัน ทำได้ ถ้ารบ.ไม่เบี้ยว MOA ยุบสภา แล้วประชามติพร้อมเลือกตั้ง แนะวิธีเลือกสสร.โดยอ้อม
.
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 นาย
เทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ทำประชามติ 3 ครั้งสำหรับการจัดทำร่างรัฐธรมนูญฉบับใหม่ ว่า
.
ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำประชามติครั้งที่ 1 กับ 2 พร้อมกันได้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เราก็ให้มาโดยอ้อมเพื่อให้ยังยึดโยงกับประชาชน ประธานรัฐสภาเปิดประชุมพิจารณาแก้หมวด 15 ได้ทันที
.
จากเงื่อนไข MOA (ถ้ารัฐบาลไม่เบี้ยว) และผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยเรื่องจะทำประชามติกี่ครั้งในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรัฐสภาริเริ่มจัดทำได้ไหม
.
1.รัฐสภาริเริ่มจัดทำได้ เท่ากับรัฐสภาไปแก้ มาตรา 256 หรือรัฐธรรมนูญหมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อ 60 เปิดทางจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ‘ได้’ อันนี้คำวินิจฉัยเดิมก็บอกเช่นนั้น
.
2.แต่ทำประชามติ 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 กับ 2 ทำพร้อมกันได้ ดังนั้น
.
2.1 ตอนนี้รัฐสภาสามารถพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และหมวด 15 โดยอาจนำร่างที่คาไว้มาพิจารณา (แต่อาจต้องปรับปรุงนิดหน่อย เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ดันให้ความเห็นว่าด้วย ส.ส.ร. มาด้วย) ปลายเดือนกันยายนนี้ ประธานรัฐสภาเปิดประชุมรัฐสภาเริ่มกระบวนการได้เลย ซึ่งคาดว่า จะให้เวลาหลังรับวาระแรก และตั้ง กมธ.พิจารณา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขดังกล่าว ใช้เวลา 60 วันแล้วเสร็จ
.
2.2 เมื่อแล้วเสร็จเข้ารัฐสภาวาระ 2 ตกเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีที่ 2 วันที่ 12 ธันวาคม 68 ได้เลย เมื่อรัฐสภา ผ่านวาระ 2 เว้นไว้ 15 วัน ปลายเดือนธันวาคมพิจารณาวาระ 3 เป็นอันแล้วเสร็จ
.
2.3 จากนั้นคณะรัฐมนตรีประกาศจัดทำประชามติ ซึ่งสามารถจัดพร้อมเลือกตั้งได้ เท่ากับเป็นสัญญาณชัดว่ายุบสภาเพื่อจัดเลือกตั้งพร้อมทำประชามติได้เลย เพราะเวลาประชามติให้จัดทำหลัง ครม.มติยืดหยุ่นขึ้นคือ 60-150 วัน ส่วนหากยุบสภาต้องจัดเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน หากเป็นเช่นนี้ หากปลายมกราคม-ต้นกุมภาพันธ์ 69 รัฐบาลยุบสภา ก็จะจัดเลือกตั้งพร้อมประชามติราวกลางมีนาคม-ต้นเมษายน 69 ได้พอดี
.
2.4 โดยคำถามประชามติที่ศาลว่า สามารถทำพร้อมกันทั้งครั้งที่ 1 และ 2 นั้น
.
คำถามแรก ท่านเห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
.
คำถามที่สอง ท่านเห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามวิธีการที่รัฐสภาเสนอหรือไม่ (รับรองแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15)
.
3.อย่างไรก็ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดกลับมีของแถมคือ กำหนดว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง” หรือ บอกว่า ไม่ให้รัฐสภาแก้ไขหมวด 15 ให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกโดยตรงของประชาชน ผมเห็นว่าเพื่อให้ ส.ส.ร. ยังคงมีความยึดโยงกับประชาชน ควรมีกระบวนการให้มาโดยอ้อมได้ดังนี้
.
3.1 กำหนดในการแก้ไขหมวด 15 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกของประชาชนโดยอ้อม
.
3.2 โดยให้คณะบุคคลเสนอบัญชีรายชื่อบุคคลผู้เป็นแคนดิเดต ส.ส.ร. เพื่อให้ประชาชนเลือก โดยใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือก
.
3.3 เกณฑ์ผู้ได้รับเลือกใช้ระบบเดียวกับบัญชีรายชื่อ ส.ส. เลย เพราะจะทำให้ประชาชนสามารถคาดการณ์หน้าตา ส.ส.ร. ได้
.
3.4 โดยรัฐสภาจะนำรายชื่อแคนดิเดท ส.ส.ร. นั้นมาพิจารณาให้ความเห็นชอบ จำนวน 100 คน ทั้งนี้บัญชีนั้นจะต้องมาเสียงประชาชนให้ความเห็นชอบไม่น้อยกว่า 5% ของผู้มาใช้สิทธิเลือก
.
3.5 อาจกำหนดเกณฑ์ให้ผู้ได้รับเลือกนอกจากได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเกินครึ่งหนึ่งแล้ว จะต้องมีเสียงของ ส.ส. ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลเกิน 50% ด้วย ทั้งนี้เพื่อเปิดให้มีการพิจารณาร่วมกันของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมทั้งส.ว.
.
.
.
"สมชัย" จี้ "ประชาชน - ภูมิใจไทย" ตั้งทีมร่วมแก้รัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยศาล
https://siamrath.co.th/n/650510
.
“สมชัย” จี้พรรค “ ประชาชน-ภูมิใจไทย” ตั้งทีมร่วมหาแนวทางแก้ไข รธน. ตามคำวินิจฉัยศาล เพื่อเสนอ ครม.ทำประชามติ และหาแนวทางให้ประชาชนมีส่วนร่วม
.
วันที่ 11 ก.ย.68 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการและอดีต กกต.กล่าวถึงคำวินิจฉัยฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า สตั๊นท์ไปหลายนาที หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่าทำประชามติ 3 ครั้ง หรือ 2 ครั้งก็ได้ หากจะรวมครั้งที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกัน บวกของแถมที่ไม่ได้ถามคือ รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ทางออกต่อไปจึงต้องเป็นทางออกที่ต้องใช้ปัญญา ว่าจะไปต่ออย่างไร ให้เกิดผลดีที่สุดต่อบ้านเมือง
.
นายสมชัย กล่าวว่า อย่ามัวหลงกับการร่างใหม่ทั้งฉบับ การแก้รายมาตราต้องทำคู่ขนานไปด้วย โดยเฉพาะมาตรา 90 ที่เป็นปัญหาบัตรเลือกตั้งแบบเขตและบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเป็นคนละเบอร์ การแก้รายมาตราทำได้โดยรัฐสภา ไม่ต้องทำประชามติ และไม่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ หากไม่รู้จักแก้ การเลือกตั้งครั้งหน้า ก็วุ่นวายเหมือนเดิม
.
ทั้งนี้พรรคประชาชน ควรตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการออกเสียงประชามติ และ ทำงานร่วมกันกับคณะทำงานที่พรรคภูมิใจไทยจัดตั้งมาแล้ว เพื่อหาแนวทางร่วมกันให้เกิดความสำเร็จ ส่วนเพื่อไทยเขาจะคอยแซะอย่างไรเรื่องของเขา
.
คณะทำงานร่วม 2 พรรค ควรเป็นผู้หาข้อยุติเกี่ยวกับคำถามประชามติข้อ 1 และ ข้อ 2 ที่ไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเสนอเข้า ครม. เพื่อมีมติให้จัดทำประชามติได้เลย เพราะกฎหมายประชามติ ระบุว่าสุดท้ายอยู่ที่ มติ ครม. อยู่แล้ว
.
ส่วนคำว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง แต่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดนั้น นายสมชัย กล่าวว่า “ทำได้อยู่แล้วครับ แต่ต้องใช้ปัญญาช่วยกันคิด อย่ามัวชี้นิ้วใส่กันว่า เธอน่ะแหละไปคิดมา”
.
.
กกร. ต้งข้อสังเกต ไทยส่งทองคำไปกัมพูชามากผิดปกติ กระทบบาทแข็ง ห่วงเอี่ยวธุรกิจใต้ดิน
.
กกร. ต้งข้อสังเกต ไทยส่งทองคำไปกัมพูชามากผิดปกติ กระทบบาทแข็ง ห่วงเอี่ยวธุรกิจใต้ดิน
.
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทไทยที่ค่อนข้างแข็งค่าอยู่ขณะนี้ ว่า เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 31.70 บาท และมาอยู่ที่ 31.60 บาท ซึ่งหลายคนมองว่ามีโอกาสจะไปแตะที่ 31.50 บาท โดยเรื่องนี้ทาง กกร. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมส่งสัญญาณเรียบร้อยแล้วว่าเงินบาทเข้าสู่สภาวะแข็งเกินความจำเป็นแล้ว
.
นายเกรียงไกรระบุว่า ค่าเงินบาทที่แข็งขนาดนี้ไม่สะท้อนกับสภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่ดี กำลังการซื้อไม่ดี ซึ่งปกติแล้วสถานการณ์แบบนี้ค่าเงินบาทควรจะอ่อน แต่ตามที่หลายคนบอกว่าปัญหาตอนนี้คือค่าเงินสหรัฐอ่อนตัวทำให้เงินในภูมิภาคนี้แข็งค่าขึ้นซึ่งก็เป็นเรื่องจริง โดยตั้งแต่ครึ่งปีมาจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้วกว่า 7% เป็นอันดับที่สองในภูมิภาครองจากไต้หวันเท่านั้น เพราะฉะนั้นปัญหาที่จะกระทบผู้ส่งออก มีทั้งปัญหาที่โดนภาษีนำเข้าของสหรัฐ 19% และต้องเผชิญกับปัญหาค่าเงินซ้ำอีก
.
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ที่สำคัญกว่านั้นไม่ใช่เฉพาะภาคส่งออก แต่รวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วยที่จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากไทยพยายามจะเร่งฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถ้าหากค่าเงินของไทยแข็ง หมายความว่านักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวไทย อาจจะลังเลและเบี่ยงเบนไปเที่ยวประเทศอื่นมากกว่า เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น
.
นายเกรียงไกร ระบุว่า กกร. ได้เห็นความผิดปกติบางอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของการส่งออกทองคำ ซึ่งอาจจะมีผลที่ทำให้ค่าเงินของไทยแข็ง โดย กกร. กำลังลงรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง และจะมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ในการลงรายละเอียดที่ชัดเจนและหาแนวทางแก้ไขต่อไป
.
พร้อมยกตัวอย่างการส่งออกไปกัมพูชา หมวดที่สูงมากคืออัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งทำให้ต้องตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็กๆแต่ทำไมไทยถึงมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าประเภทนี้ไปค่อนข้างเยอะ แต่หลังจากที่ กกร.ไปดูในรายละเอียดกลับพบว่าเป็นทองคำส่วนใหญ่ ในสัดส่วนการส่งออกสินค้าหมวดหมู่นี้
.
จากที่ทราบกันดีว่าประเทศกัมพูชามีปัญหาในเรื่องของสแกมเมอร์ที่ค่อนข้างเยอะจึงทำให้ กกร. จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมประเทศไทยส่งออกทองคำที่กัมพูชาค่อนข้างเยอะและมากผิดปกติ และมีความกังวลว่า เรื่องนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินหรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและจับตาดูต่อไป เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด
.
การตั้งข้อสังเกตในปัจจัยดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กกร.ยังไม่ได้ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องนี้อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่คาดไม่ถึงเพราะเป็นเศรษฐกิจนอกระบบ
.
ทั้งนี้ การส่งออกทองคำไปกัมพูชาอาจจะมีทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายซึ่งก็ต้องดูที่รายละเอียดกันอีกครั้งหลังการหารือร่วมกับรัฐบาล
สำหรับตัวเลขการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชานั้น อยู่ที่หลักหมื่นล้านบาท ส่วนสัดส่วนที่แน่ชัดจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่ปกติที่ผ่านมาตัวเลขจะไม่เยอะเท่านี้ ซึ่งนอกจากปัญหาอื่นก็แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งหากมองในความเป็นจริงเศรษฐกิจไทยไม่ดี และ ขณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ลดดอกเบี้ยไป 0.25% แล้ว เงินบาทต้องอ่อนค่าแต่กลับแข็งขึ้น ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มันถือว่าผิดปกติ
JJNY : ทำได้ ถ้ารบ.ไม่เบี้ยว MOA│"สมชัย"จี้"ปชน.- ภท."ตั้งทีมแก้รธน.│ไทยส่งทองคำไปกัมพูชามากผิดปกติ│เตือนภาคเหนือฝนหนัก
.
.