3 ของใช้ในบ้านที่ทุกคนมี แต่กำลังทำร้ายตับ ไต และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง หลายคนยังใช้โดยไม่รู้ตัว
ผู้เชี่ยวชาญเตือน ของใช้บางอย่างในบ้านอาจเป็นแหล่งสะสมสารพิษและเชื้อโรค ทำร้ายลำไส้ ตับ และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
เมื่อพูดถึงปัจจัยที่บั่นทอนสุขภาพ หลายคนมักนึกถึงพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อร่างกาย แต่ความจริงแล้ว ต้นตอของโรคภัยอาจแฝงอยู่ในของใช้ใกล้ตัวภายในบ้านของคุณเอง
3 ของใช้ทำร้ายตับ เสี่ยงนำทางสู่มะเร็ง
1. กระทะเคลือบกันติดที่ชำรุด
ตามรายงานของ Jimu News ประเทศจีน เผยว่า กระทะเคลือบกันติดถือเป็นอุปกรณ์คู่ครัวของหลายบ้าน แต่เมื่อกระทะเกิดการชำรุดหรือหลุดลอก อาจกลายเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
กระทะเหล่านี้เคลือบด้วยสาร Polytetrafluoroethylene (PTFE) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เทฟลอน ซึ่งทนความร้อนได้ดีและปลอดภัยหากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทว่าเมื่อผิวเคลือบเกิดรอยขีดข่วน อาจปล่อยสารเคมีอันตรายและไมโครพลาสติกจำนวนมากปนเปื้อนลงในอาหาร
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมีเหล่านี้ อาจก่อให้เกิดการอักเสบ ทำร้ายตับ กระทบปอด ระบบเผาผลาญ และฮอร์โมนในร่างกาย ดังนั้นหากกระทะกันติดเริ่มมีรอยถลอกหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
2. ตะเกียบไม้ที่แตกร้าวหรือขึ้นรา
ตะเกียบไม้เป็นของใช้คู่โต๊ะอาหารที่หลายบ้านคุ้นเคย แต่หากดูแลไม่ถูกวิธี อาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้โดยไม่รู้ตัว
เมื่อใช้ไปนาน ๆ ตะเกียบไม้อาจเกิดรอยแตก ทำให้เศษอาหารติดค้างอยู่ในร่องเหล่านั้น และกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา หนึ่งในนั้นคือ อะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารพิษที่หากรับเข้าสู่ร่างกายต่อเนื่อง อาจทำลายตับและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังจัดให้สารชนิดนี้อยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหารของจีน แนะว่า หลังใช้งานควรล้างและตากตะเกียบไม้ให้แห้งเสมอ เพื่อลดโอกาสเกิดเชื้อรา และควรเปลี่ยนตะเกียบใหม่ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
3. ฟองน้ำล้างจานที่ใช้มานาน
ฟองน้ำล้างจานที่ผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน มักชื้นอยู่ตลอดเวลา จึงกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยกีสเซนและสถาบันเฮล์มโฮลซ์ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี พบว่า ในฟองน้ำและแผ่นใยขัดล้างจานมีแบคทีเรียก่อโรคมากถึง 362 ชนิด โดยในพื้นที่เพียง 1 ตารางเซนติเมตร อาจมีแบคทีเรียมากถึง 5.4 หมื่นล้านตัว ซึ่งมากกว่าที่พบในโถส้วมถึง 200,000 เท่า
เชื้อโรคที่มักพบ ได้แก่ E.coli, ซาลโมเนลลา และแบคทีเรียอันตรายอีกหลายชนิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในลำไส้และปัญหาระบบทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ การศึกษาในปี 2017 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ยังพบว่า ฟองน้ำล้างจานที่ใช้ซ้ำบ่อยครั้งมีเชื้อแบคทีเรีย Moraxella osloensis ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
นพ.ฉู่ ถู๋เซี่ยว แพทย์ประจำแผนกโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลซีหัว มหาวิทยาลัยเสฉวน ประเทศจีน แนะนำว่า เพื่อความปลอดภัย ควรล้างฟองน้ำล้างจานด้วยสบู่ทุกวัน บีบน้ำออกให้แห้ง และเก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเท รวมทั้งควรเปลี่ยนฟองน้ำใหม่อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือทันทีที่เริ่มมีกลิ่นอับหรือเสื่อมสภาพ
ที่มา :
https://www.sanook.com/news/9841378/
3 สิ่งที่ทุกบ้านมี ทำลายตับ-ไตอย่างเงียบๆ "นำไปสู่" โรคมะเร็ง แต่หลายคนยังใช้อยู่!
3 ของใช้ในบ้านที่ทุกคนมี แต่กำลังทำร้ายตับ ไต และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง หลายคนยังใช้โดยไม่รู้ตัว
ผู้เชี่ยวชาญเตือน ของใช้บางอย่างในบ้านอาจเป็นแหล่งสะสมสารพิษและเชื้อโรค ทำร้ายลำไส้ ตับ และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
เมื่อพูดถึงปัจจัยที่บั่นทอนสุขภาพ หลายคนมักนึกถึงพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อร่างกาย แต่ความจริงแล้ว ต้นตอของโรคภัยอาจแฝงอยู่ในของใช้ใกล้ตัวภายในบ้านของคุณเอง
3 ของใช้ทำร้ายตับ เสี่ยงนำทางสู่มะเร็ง
1. กระทะเคลือบกันติดที่ชำรุด
ตามรายงานของ Jimu News ประเทศจีน เผยว่า กระทะเคลือบกันติดถือเป็นอุปกรณ์คู่ครัวของหลายบ้าน แต่เมื่อกระทะเกิดการชำรุดหรือหลุดลอก อาจกลายเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
กระทะเหล่านี้เคลือบด้วยสาร Polytetrafluoroethylene (PTFE) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เทฟลอน ซึ่งทนความร้อนได้ดีและปลอดภัยหากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทว่าเมื่อผิวเคลือบเกิดรอยขีดข่วน อาจปล่อยสารเคมีอันตรายและไมโครพลาสติกจำนวนมากปนเปื้อนลงในอาหาร
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมีเหล่านี้ อาจก่อให้เกิดการอักเสบ ทำร้ายตับ กระทบปอด ระบบเผาผลาญ และฮอร์โมนในร่างกาย ดังนั้นหากกระทะกันติดเริ่มมีรอยถลอกหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
2. ตะเกียบไม้ที่แตกร้าวหรือขึ้นรา
ตะเกียบไม้เป็นของใช้คู่โต๊ะอาหารที่หลายบ้านคุ้นเคย แต่หากดูแลไม่ถูกวิธี อาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้โดยไม่รู้ตัว
เมื่อใช้ไปนาน ๆ ตะเกียบไม้อาจเกิดรอยแตก ทำให้เศษอาหารติดค้างอยู่ในร่องเหล่านั้น และกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา หนึ่งในนั้นคือ อะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารพิษที่หากรับเข้าสู่ร่างกายต่อเนื่อง อาจทำลายตับและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังจัดให้สารชนิดนี้อยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหารของจีน แนะว่า หลังใช้งานควรล้างและตากตะเกียบไม้ให้แห้งเสมอ เพื่อลดโอกาสเกิดเชื้อรา และควรเปลี่ยนตะเกียบใหม่ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
3. ฟองน้ำล้างจานที่ใช้มานาน
ฟองน้ำล้างจานที่ผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน มักชื้นอยู่ตลอดเวลา จึงกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยกีสเซนและสถาบันเฮล์มโฮลซ์ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี พบว่า ในฟองน้ำและแผ่นใยขัดล้างจานมีแบคทีเรียก่อโรคมากถึง 362 ชนิด โดยในพื้นที่เพียง 1 ตารางเซนติเมตร อาจมีแบคทีเรียมากถึง 5.4 หมื่นล้านตัว ซึ่งมากกว่าที่พบในโถส้วมถึง 200,000 เท่า
เชื้อโรคที่มักพบ ได้แก่ E.coli, ซาลโมเนลลา และแบคทีเรียอันตรายอีกหลายชนิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในลำไส้และปัญหาระบบทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ การศึกษาในปี 2017 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ยังพบว่า ฟองน้ำล้างจานที่ใช้ซ้ำบ่อยครั้งมีเชื้อแบคทีเรีย Moraxella osloensis ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
นพ.ฉู่ ถู๋เซี่ยว แพทย์ประจำแผนกโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลซีหัว มหาวิทยาลัยเสฉวน ประเทศจีน แนะนำว่า เพื่อความปลอดภัย ควรล้างฟองน้ำล้างจานด้วยสบู่ทุกวัน บีบน้ำออกให้แห้ง และเก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเท รวมทั้งควรเปลี่ยนฟองน้ำใหม่อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือทันทีที่เริ่มมีกลิ่นอับหรือเสื่อมสภาพ
ที่มา : https://www.sanook.com/news/9841378/