5 อาหารที่เป็น “ไม้กวาดลำไส้” ตัวช่วยกำจัดสิ่งตกค้างในระบบขับถ่าย ดีท็อกซ์ง่ายๆ เริ่มตั้งแต่ต้นทางคือการกิน
การดูแลสุขภาพลำไส้เริ่มง่ายๆ จากการเลือกอาหารที่เหมาะสม “ไม้กวาดลำไส้” คืออาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เส้นใยหยาบ ช่วยกวาดของเสียในลำไส้ ทำให้ขับถ่ายคล่อง ลดความเสี่ยงท้องผูก และส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างสมดุล การเพิ่มผัก ผลไม้ ธัญพืช และเมล็ดพืช ลงในมื้ออาหารทุกวัน จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีดีท็อกซ์ร่างกายแบบง่ายๆ ที่เริ่มได้จากจานอาหารของคุณ
อาหาร 5 ประเภท ไม้กวาดลำไส้
1.ผักใบเขียว
ผักเคล : ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารในลำไส้ เส้นใยในผักเคลช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่าย ลดอาการท้องผูก และช่วยให้ลำไส้สะอาด นอกจากช่วยลำไส้แล้ว ผักเคลยังอุดมด้วยวิตามิน K, วิตามิน C, แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงกระดูก เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคเรื้อรัง
คะน้า : ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น เส้นใยในคะน้าจะช่วยดันเศษอาหารออกจากลำไส้ ทำให้การขับถ่ายสม่ำเสมอ และลดอาการท้องผูก การกินคะน้าเป็นประจำช่วยเคลียร์ของเสียและสารพิษตกค้างในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
ขึ้นฉ่าย : เส้นใยในก้านขึ้นฉ่ายมีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้และขับถ่ายง่ายขึ้น อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน C, K และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยล้างพิษตับและลดการอักเสบ
ปวยเล้ง : เส้นใยในปวยเล้งช่วยกวาดคราบตกค้างที่เกาะผนังลำไส้ ผักชนิดนี้ยังอุดมด้วยธาตุเหล็กและโฟเลต บำรุงเลือดและการไหลเวียน
ผักโขม : ใยอาหารมีเนื้อละเอียด เมื่อนำมาปรุงสุกจะเกิดความเหนียวนุ่มเล็กน้อย ช่วยให้อุจจาระเคลื่อนตัวสะดวก อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมสูง ช่วยขับเกลือส่วนเกิน รักษาสมดุลน้ำ ลดโอกาสท้องผูก
กุยช่าย : กุยช่ายมีใยอาหารหยาบ ช่วยเร่งการเคลื่อนตัวของอาหารผ่านลำไส้ ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนถือว่ามีฤทธิ์อุ่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ควรกินประมาณ 50–70 กรัมต่อวัน เพื่อเลี่ยงการระคายเคืองกระเพาะ
2.ผักที่มีเส้นใยหยาบ (ส่วนที่ไม่ใช่ใบ)
บรอกโคลี : บรอกโคลีมีใยอาหารชนิดพรีไบโอติก เป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ช่วยสร้างสมดุล อีกทั้งยังอุดมด้วย sulforaphane สารที่ช่วยล้างพิษตับและปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ
กระเจี๊ยบเขียว : เมือกจากกระเจี๊ยบคือ mucilage ใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ช่วยหล่อลื่นระบบย่อยอาหาร ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายง่าย พร้อมทั้งให้วิตามิน A, C และโฟเลต ดีต่อดวงตา ผิวพรรณ และหัวใจ
ฟักทอง : มีทั้งไฟเบอร์ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ โดยเฉพาะเส้นใยหยาบ (insoluble fiber) ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายสะดวก ลดปัญหาท้องผูก อุดมด้วยวิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตาและเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
แครอท : มีเส้นใยหยาบสูง ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ ช่วย “กวาดลำไส้” ทำให้ลำไส้สะอาด ป้องกันท้องผูกและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
หน่อไม้ฝรั่ง : อุดมไปด้วยไฟเบอร์หยาบและไฟเบอร์ละลายน้ำ ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่าย และช่วยลดปัญหาอาการท้องผูก เป็นอาหารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย และสนับสนุนระบบย่อยอาหาร
3.ผลไม้ที่มีกากใยสูง
แอปเปิล : ผิวและเนื้อมีเส้นใยหยาบ กินทั้งเปลือกช่วยเพิ่มกากอาหาร ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น กระตุ้นระบบย่อย
ลูกแพร์ : ผิวผลไม้มีเส้นใยหยาบสูง กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ป้องกันท้องผูก ช่วยระบบย่อยทำงานดีขึ้น
สตรอว์เบอร์รี / ราสเบอร์รี : เนื้อและเมล็ดมีเส้นใย ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และเพิ่มกากอาหาร
กีวี : เส้นใยสูง ช่วยลำไส้เคลื่อนไหว ลดท้องผูก และสนับสนุนระบบย่อย
มะละกอ : มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร พร้อมเส้นใยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
ส้ม : ผิวและเยื่อใยภายในมีเส้นใยหยาบ ช่วยระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น
4.ธัญพืช
ข้าวโอ๊ต : มีเส้นใยไม่ละลายน้ำสูง ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น
ข้าวกล้อง : เส้นใยหยาบในรำข้าวช่วยให้ขับถ่ายง่าย ป้องกันท้องผูก
บาร์เลย์ : มีเส้นใยทั้งละลายและไม่ละลายน้ำ กระตุ้นระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก
ควินัว : มีเส้นใยสูงและโปรตีนดี ช่วยระบบย่อยและเพิ่มปริมาณอุจจาระ
ข้าวสาลีเต็มเมล็ด : มีรำและจมูกข้าวเต็มไปด้วยเส้นใย ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ
5.ถั่วและเมล็ดพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย
เมล็ดเจีย : เมื่อเจอน้ำจะพองตัวเป็นเจล ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น ป้องกันท้องผูก และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานราบรื่น
ถั่วแดง : มีเส้นใยสูง กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยป้องกันท้องผูก
ถั่วดำ : เส้นใยสูง ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยและขับถ่ายดีขึ้น
เมล็ดแฟลกซ์ : มีเส้นใยละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวดี ป้องกันท้องผูก
อัลมอนด์ : อุดมด้วยเส้นใยทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ทำให้ขับถ่ายคล่องและป้องกันท้องผูก มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง กระตุ้นการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหาร ช่วยสร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายสมดุล
วอลนัท : เส้นใยสูง ช่วยกวาดล้างลำไส้และส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้ มีกรดไขมันโอเมกา-3 และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบในลำไส้ ช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ดี ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น
ไฟเบอร์ในอาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ดูดซับน้ำ และทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ จึงเปรียบเสมือนการใช้ “ไม้กวาด” ทำความสะอาดลำไส้นั่นเอง
ที่มา:
https://www.sanook.com/news/9841590/
5 อาหารที่เป็น “ไม้กวาดลำไส้” ตัวช่วยขับถ่าย ดีท็อกซ์ง่ายๆ เริ่มตั้งแต่ตอนกิน
5 อาหารที่เป็น “ไม้กวาดลำไส้” ตัวช่วยกำจัดสิ่งตกค้างในระบบขับถ่าย ดีท็อกซ์ง่ายๆ เริ่มตั้งแต่ต้นทางคือการกิน
การดูแลสุขภาพลำไส้เริ่มง่ายๆ จากการเลือกอาหารที่เหมาะสม “ไม้กวาดลำไส้” คืออาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เส้นใยหยาบ ช่วยกวาดของเสียในลำไส้ ทำให้ขับถ่ายคล่อง ลดความเสี่ยงท้องผูก และส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างสมดุล การเพิ่มผัก ผลไม้ ธัญพืช และเมล็ดพืช ลงในมื้ออาหารทุกวัน จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีดีท็อกซ์ร่างกายแบบง่ายๆ ที่เริ่มได้จากจานอาหารของคุณ
อาหาร 5 ประเภท ไม้กวาดลำไส้
1.ผักใบเขียว
ผักเคล : ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารในลำไส้ เส้นใยในผักเคลช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่าย ลดอาการท้องผูก และช่วยให้ลำไส้สะอาด นอกจากช่วยลำไส้แล้ว ผักเคลยังอุดมด้วยวิตามิน K, วิตามิน C, แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงกระดูก เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคเรื้อรัง
คะน้า : ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น เส้นใยในคะน้าจะช่วยดันเศษอาหารออกจากลำไส้ ทำให้การขับถ่ายสม่ำเสมอ และลดอาการท้องผูก การกินคะน้าเป็นประจำช่วยเคลียร์ของเสียและสารพิษตกค้างในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
ขึ้นฉ่าย : เส้นใยในก้านขึ้นฉ่ายมีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้และขับถ่ายง่ายขึ้น อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน C, K และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยล้างพิษตับและลดการอักเสบ
ปวยเล้ง : เส้นใยในปวยเล้งช่วยกวาดคราบตกค้างที่เกาะผนังลำไส้ ผักชนิดนี้ยังอุดมด้วยธาตุเหล็กและโฟเลต บำรุงเลือดและการไหลเวียน
ผักโขม : ใยอาหารมีเนื้อละเอียด เมื่อนำมาปรุงสุกจะเกิดความเหนียวนุ่มเล็กน้อย ช่วยให้อุจจาระเคลื่อนตัวสะดวก อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมสูง ช่วยขับเกลือส่วนเกิน รักษาสมดุลน้ำ ลดโอกาสท้องผูก
กุยช่าย : กุยช่ายมีใยอาหารหยาบ ช่วยเร่งการเคลื่อนตัวของอาหารผ่านลำไส้ ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนถือว่ามีฤทธิ์อุ่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ควรกินประมาณ 50–70 กรัมต่อวัน เพื่อเลี่ยงการระคายเคืองกระเพาะ
2.ผักที่มีเส้นใยหยาบ (ส่วนที่ไม่ใช่ใบ)
บรอกโคลี : บรอกโคลีมีใยอาหารชนิดพรีไบโอติก เป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ช่วยสร้างสมดุล อีกทั้งยังอุดมด้วย sulforaphane สารที่ช่วยล้างพิษตับและปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ
กระเจี๊ยบเขียว : เมือกจากกระเจี๊ยบคือ mucilage ใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ช่วยหล่อลื่นระบบย่อยอาหาร ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายง่าย พร้อมทั้งให้วิตามิน A, C และโฟเลต ดีต่อดวงตา ผิวพรรณ และหัวใจ
ฟักทอง : มีทั้งไฟเบอร์ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ โดยเฉพาะเส้นใยหยาบ (insoluble fiber) ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายสะดวก ลดปัญหาท้องผูก อุดมด้วยวิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตาและเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
แครอท : มีเส้นใยหยาบสูง ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ ช่วย “กวาดลำไส้” ทำให้ลำไส้สะอาด ป้องกันท้องผูกและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
หน่อไม้ฝรั่ง : อุดมไปด้วยไฟเบอร์หยาบและไฟเบอร์ละลายน้ำ ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่าย และช่วยลดปัญหาอาการท้องผูก เป็นอาหารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย และสนับสนุนระบบย่อยอาหาร
3.ผลไม้ที่มีกากใยสูง
แอปเปิล : ผิวและเนื้อมีเส้นใยหยาบ กินทั้งเปลือกช่วยเพิ่มกากอาหาร ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น กระตุ้นระบบย่อย
ลูกแพร์ : ผิวผลไม้มีเส้นใยหยาบสูง กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ป้องกันท้องผูก ช่วยระบบย่อยทำงานดีขึ้น
สตรอว์เบอร์รี / ราสเบอร์รี : เนื้อและเมล็ดมีเส้นใย ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และเพิ่มกากอาหาร
กีวี : เส้นใยสูง ช่วยลำไส้เคลื่อนไหว ลดท้องผูก และสนับสนุนระบบย่อย
มะละกอ : มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร พร้อมเส้นใยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
ส้ม : ผิวและเยื่อใยภายในมีเส้นใยหยาบ ช่วยระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น
4.ธัญพืช
ข้าวโอ๊ต : มีเส้นใยไม่ละลายน้ำสูง ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น
ข้าวกล้อง : เส้นใยหยาบในรำข้าวช่วยให้ขับถ่ายง่าย ป้องกันท้องผูก
บาร์เลย์ : มีเส้นใยทั้งละลายและไม่ละลายน้ำ กระตุ้นระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก
ควินัว : มีเส้นใยสูงและโปรตีนดี ช่วยระบบย่อยและเพิ่มปริมาณอุจจาระ
ข้าวสาลีเต็มเมล็ด : มีรำและจมูกข้าวเต็มไปด้วยเส้นใย ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ
5.ถั่วและเมล็ดพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย
เมล็ดเจีย : เมื่อเจอน้ำจะพองตัวเป็นเจล ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น ป้องกันท้องผูก และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานราบรื่น
ถั่วแดง : มีเส้นใยสูง กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยป้องกันท้องผูก
ถั่วดำ : เส้นใยสูง ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยและขับถ่ายดีขึ้น
เมล็ดแฟลกซ์ : มีเส้นใยละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวดี ป้องกันท้องผูก
อัลมอนด์ : อุดมด้วยเส้นใยทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ทำให้ขับถ่ายคล่องและป้องกันท้องผูก มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง กระตุ้นการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหาร ช่วยสร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายสมดุล
วอลนัท : เส้นใยสูง ช่วยกวาดล้างลำไส้และส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้ มีกรดไขมันโอเมกา-3 และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบในลำไส้ ช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ดี ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น
ไฟเบอร์ในอาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ดูดซับน้ำ และทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ จึงเปรียบเสมือนการใช้ “ไม้กวาด” ทำความสะอาดลำไส้นั่นเอง
ที่มา:https://www.sanook.com/news/9841590/