JJNY : ปกรณ์วุฒิ ยันยังไม่แบ่งงานฝ่ายค้าน│ด่วน! ทักษิณ ไม่รอด│หอค้าไทย โอดบาทแข็งค่ารุนแรง│สหรัฐแสดงความยินดีกับอนุทิน

ปกรณ์วุฒิ ยันยังไม่แบ่งงานฝ่ายค้าน ชวนเพื่อไทยร่วมผลักดันกม.ที่เห็นพ้องกัน ชี้เป็นโอกาสเหตุคุมเสียงข้างมาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5360717
.

.
ปกรณ์วุฒิ ยันยังไม่แบ่งงานฝ่ายค้าน ชวนเพื่อไทยร่วมผลักดันกม.ที่เห็นพ้องกัน ชี้เป็นโอกาสเหตุคุมเสียงข้างมาก ส่วนอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิแต่ละพรรค แต่ต้องคุยก่อน หากมีข้อมูลชัดเจนก็พร้อมไม่ไว้วางใจ
.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 กันยายน ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า มีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการบ้างแล้ว รวมถึงวันนี้ได้มีการเชิญตัวแทนจากพรรค พท. เข้าร่วมประชุมวิปฝ่ายค้านด้วย แม้จะยังไม่ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนวิปฝ่ายค้านจากพรรค พท.อย่างเป็นทางการ ต้องรอพูดคุยกันก่อน ซึ่งตนขอเชิญชวนพรรค พท.ว่า 4 เดือนที่เหลือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีเวลาไม่มาก ครม.คงไม่ยื่นร่างกฎหมายเข้ามา ดังนั้น 4 เดือนที่เหลือจะเป็นเวลาที่สำคัญ นับถอยหลังจากวันแถลงนโยบาย คาดว่าอาจจะเป็นปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกฎหมายของส.ส.จะได้รับการพิจารณา จึงขอเชิญชวน พรรค พท.ว่าอยากจะให้ร่วมกันผลักดันร่างกฎหมายใหม่ให้จบภายใน 4 เดือนนี้ และอยากให้พูดคุยกันให้ชัดเจน
.
ยังมีหลายนโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเห็นตรงกัน และขณะนี้ฝ่ายค้านคุมเสียงข้างมากในสภา ดังนั้น ร่างกฎหมายใดที่พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยเห็นตรงกัน รัฐบาลก็ไม่สามารถคัดค้านได้ เพราะเสียงข้างมากในสภาฯ จะเห็นชอบกับกฎหมายนั้น ถึงเชิญชวนให้มาผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์และกฎหมายที่เป็นนโยบายที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ให้สำเร็จ” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
.
เมื่อถามถึง กรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าองค์ประชุมขณะนี้ ฝ่ายค้านอาจจะต้องเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล ว่า ที่ผ่านมาเวลาเรานับองค์ประชุม ต้องดูว่าวาระนั้นเป็นวาระอะไร ไม่ว่าพรรคไหนจะมาเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะมีพรรคร่วมฝ่ายค้านสลับสับเปลี่ยนหน้ากันมาเยอะ หลักการที่ตนพูดกับพรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงเดิม หากร่างกฎหมายใด หรือวาระใดที่พรรคปชน.เห็นด้วย พรรคปชน.พร้อมเป็นองค์ประชุมให้เสมอ แต่หากเรื่องใดที่ทางครม. เสนอมาแล้วเราไม่ได้เห็นด้วย เช่น ร่างกฎหมายบางร่างที่เสนอมาอย่างเร่งรีบ หรือร่างกฎหมายบางร่างที่เสนอมาอย่างไม่รอบคอบ ตนมองว่านั่นเป็นหน้าที่ของฝั่งรัฐบาลที่เสนอกฎหมายมา ที่จะต้องรักษาองค์ประชุม
.
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า หากเป็นร่างของพรรคปชน.เราไม่นับองค์ประชุมแน่นอน และหลังจากนี้คงจะมีการพิจารณาร่างกฎหมายที่ส.ส.เสนอเข้ามาเท่านั้น โดยก่อนที่จะเสนอร่างเข้ามาในระเบียบวาระก็คงมีการพูดคุยกันมาในระดับหนึ่ง ดังนั้น ร่างของพรรค พท.เราพร้อมที่จะพูดคุยให้สภาฯ บรรจุระเบียบวาระ และคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์ที่พรรค พท.ขอนับองค์ประชุมในขณะที่พิจารณาร่างของพรรค พท.อยู่
.
การแบกองค์ประชุมต้องดูว่าวาระอะไร และหลังจากนี้คงไม่มีร่างของครม.เข้ามาอีก ดังนั้น เรื่องหน้าที่องค์ประชุมของเจ้าของวาระ คงจะไม่เกิดขึ้น ที่เหลือร่างของสส. ที่เสนอเข้ามาก็เป็นหน้าที่ของสส. ทั้งสภาฯ อย่างน้อยๆ ก็พรรคที่เห็นด้วยกับวาระนั้นๆ ก็ควรจะต้องอยู่เป็นองค์ประชุม” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
.
เมื่อถามว่า หากอีก 1 เดือนข้างหน้าพรรค พท. จะขอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พรรค ปชน. มองอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิของสมาชิก แต่ก็อยากให้มีการพูดคุยกันก่อน และอยากให้พิจารณาดีๆ อย่างน้อยพรรค พท.เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากช่วงเวลา 1 เดือนหลังจากที่รัฐบาลได้ทำงานแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีการขยับไปข้างหน้าก็ต้องมาคุยกันว่า ควรจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จดีหรือไม่ แต่ก็ถือเป็นสิทธิ์ของพรรค พท.
.
ส่วนของพรรคประชาชนเองเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงที่ทำกับพรรคภูมิใจไทยว่า เราจำเป็นจะต้องประคอง หากหลักฐานข้อมูลที่มีการอภิปรายมีความหนักแน่นและมีความชัดเจน เราก็พร้อมลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ไม่ว่าคนใดก็ตาม ถ้าถึงเวลาที่สุกงอมแล้วเหมาะสมจริงๆ พรรคประชาชนก็พร้อมที่จะยื่นบางรายชื่อที่เราไม่ไว้วางใจ ในครม.ชุดนี้เช่นกัน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
.

.
ด่วน! ทักษิณ ไม่รอด ศาลฎีกาฯ สั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปี คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9929319
.
ด่วน! “ทักษิณ” ไม่รอด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปี คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ก.ย.2568 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดหมายเลขดำที่ บค. 1/2568 เรื่องการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.4 หมายเลขแดงที่ อม.10 /2552, คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551
.
คดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านสรุปคำพิพากษาใน 3 คดี ต่อหน้านายทักษิณ ชินวัตร รวมแล้ว จำคุก 3 คดี เป็นระยะเวลา 8 ปี หลังจากนั้นมีการออกหมายขัง และให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มารับตัว เพื่อส่งไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร
.
โดยช่วงกลางดึกของวันเดียวกัน นายทักษิณ เกิดอาการป่วยวิกฤตจนต้องนำตัวส่งที่ห้องพักชั้นที่ 14 โรงพยาบาลตำรวจ จากนั้นก็ไม่ได้กลับมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีกเลย หลังจากที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี และต่อมาได้รับการพักโทษตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2567
.
ต่อมาวันที่ 10 ม.ค.2568 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อขอให้ศาลไต่สวนกรณีที่กรมราชาทัณฑ์อนุญาตให้ตัวนายทักษิณ ที่เดิมถูกตัดสินจำคุก 8 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือ 1 ปี เข้ารับการรักษายังห้องพักชั้น 14 ที่โรงพยาบาลตำรวจ
.
โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 25 ก.ย. 2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
.
โดยศาลฎีกาฯ ได้นัดฟังคำสั่งคำร้องของนายชาญชัยในครั้งนี้ วันที่ 30 เม.ย. ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งยกคำร้องของนายชาญชัย เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้เป็นคู่ความและผู้เสียหายของคดีนี้ โดยศาลฎีกาจะเป็นผู้ไต่สวนเอง ก่อนนัดไต่สวนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษคนปัจจุบันอย่างนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษคนปัจจุบัน ในวันที่ 13 มิ.ย. เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของขั้นตอนการส่งตัวผู้ป่วยไปรักษานอกเรือนจำ ก่อนออกหมายเรียกพยานมาไต่สวนหลังจากนั้นทั้งหมด 20 ปาก
.
หลังจาก ศาลฎีกาฯ ไต่สวนพยานทุกปากเสร็จสิ้น ศาลได้นัดวันฟังคำสั่งบังคับโทษ นายทักษิณ คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยออกหมายเรียก นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษคนปัจจุบัน รวมถึงตัวนายทักษิณ เข้ามาฟังคำสั่งด้วยเป็นวันนี้(9 ก.ย.)
.
วันนี้ (9 ก.ย.) เวลา 09.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาถึงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมด้วยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร และสามี น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ และสามี รวมถึงนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลฎีกา
.
นายวิญญัติ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า จะให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลฎีกาฯ อ่านคำสั่งเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารศาลฎีกาทันที
.
ล่าสุด ศาลฎีกาฯ สั่งบังคับโทษนายทักษิณ ชินวัตร จำคุก 1 ปี นับตั้งแต่วันนี้ เนื่องจากการรักษาตัวและการส่งตัวไม่ถูกต้องตามระเบียบราชทัณฑ์
.

.
หอค้าไทย โอดบาทแข็งค่ารุนแรง สวนทางเศรษฐกิจจริง กระทบหนักต่อภาคธุรกิจ จี้รัฐเร่งแก้ไข
https://www.matichon.co.th/economy/eco-report/news_5360625
.
หอค้าไทย โอดบาทแข็งค่ารุนแรง สวนทางเศรษฐกิจจริง กระทบหนักต่อภาคธุรกิจ จี้รัฐเร่งแก้ไข
.
เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องจนแตะระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการแข็งค่าที่รวดเร็วและรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี และสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจจริงของประเทศ ซึ่งการแข็งค่าดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
.
“ภาคการส่งออก ต้องเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบาก เนื่องจากราคาสินค้าไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อยอดขายและรายได้จากต่างประเทศ ขณะที่ ภาคการท่องเที่ยว ความแข็งค่าของเงินบาททำให้ประเทศไทยมีต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดแรงจูงใจในการเดินทางมาไทย ส่วน ภาคเกษตรกรรม เกษตรกรไทยที่พึ่งพาการส่งออกได้รับผลกระทบหนักจากต้นทุนและรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับค่าเงิน โดยเฉพาะข้าวนาปี และพืชไร่ที่กำลังจะออกมา”
.
นายพจน์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งรุนแรงกว่าประเทศอื่นนั้น นอกจากปัจจัยในประเทศแล้ว แต่เป็นผลมาจาก 1. เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระยะต่อไป ทำให้ค่าเงินของหลายประเทศในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นโดยอัตโนมัติ 2.ปัจจัยด้านทองคำ ประเทศไทยมีการถือครองทองคำจำนวนมาก และราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขายทองคำออกมาเป็นเงินตราต่างประเทศ และแปลงกลับเป็นเงินบาท ส่งผลให้มีความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่ค้าอย่างผิดปกติ รวมถึงมี fund flow ที่เข้ามาประเทศด้วย ซึ่งอาจจะมาจากพวก Crypto ด้วย
.
ขณะที่ ปัจจัยภายนอกที่ซ้ำเติมความเปราะบาง ได้แก่ 1.มาตรการภาษีตอบโต้ (tariff) ที่หลายประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป กำลังทบทวนหรือพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งจะกระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยและยิ่งซ้ำเติมผลกระทบจากเงินบาทแข็ง 2.ข้อจำกัดด้านการแทรกแซงค่าเงิน การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปดูแลค่าเงินบาทอย่างเข้มข้นอาจทำให้ไทยถูกเพ่งเล็งว่า “บิดเบือนค่าเงิน” โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเชื่อมโยงกับ การเจรจาภาษีการค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย–สหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องวางนโยบายอย่างรอบคอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่