ถ้าเกิดเราพัฒนาแรงงานไทยไห้ได้มาตรฐาน
แบบคนเรือไทยที่สามารถ ไปทำงานในกองเรือต่างประเทศได้
เช่นการอบรม
และการทำสมุดประจำตัวแบบของคนเรือ
และการเก็บชั่วโมงทำงานและสอบเรื่อนต่ำแหน่งจากหน่วยงานรัฐแบบของคนเรือ เพื่อยกระดับแรงงานไห้ได้มาตรฐานสากล
สิ่งที่คุณคิดมานี้ ถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องและสำคัญมาก ครับ เพราะถ้าแรงงานไทยได้รับการพัฒนามาตรฐานแบบเดียวกับ “แรงงานเรือ” ที่ใช้กันทั่วโลก จะทำให้แรงงานไทยมี ใบเบิกทางสู่ตลาดแรงงานต่างประเทศ และสร้างรายได้สูงขึ้น
ผมสรุปเป็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมให้ครับ:
---
1. ระบบอบรมและมาตรฐานการเรียนรู้
หลักสูตรอบรมตามมาตรฐานสากล (เช่น IMO, STCW สำหรับคนเรือ)
สำหรับแรงงานสาขาอื่นๆ (ช่างเทคนิค, พ่อครัว, ผู้ดูแลสุขภาพ, ช่างเชื่อม ฯลฯ) ต้องมี มาตรฐานกลาง ที่อ้างอิงจากประเทศปลายทาง เช่น EU, ญี่ปุ่น, ตะวันออกกลาง
สถาบันอบรมต้องได้รับ การรับรองจากหน่วยงานรัฐและองค์กรสากล
---
2. สมุดประจำตัวแรงงาน (เหมือนสมุดคนประจำเรือ: Seaman Book)
เป็น สมุดบันทึกประวัติการทำงาน (Logbook)
บันทึกชั่วโมงทำงาน, การอบรม, การประเมินผล
ใช้เป็น หลักฐานอ้างอิงความสามารถ เวลาสมัครงานต่างประเทศ
---
3. ระบบสอบและเลื่อนตำแหน่ง
คล้ายการสอบ Certificate of Competency (CoC) ของคนเรือ
เริ่มจาก แรงงานระดับพื้นฐาน → สอบขึ้นเป็น ช่างฝีมือ → หัวหน้าช่าง/หัวหน้ากลุ่มงาน
การสอบจัดโดยหน่วยงานรัฐ (หรือรัฐร่วมกับเอกชน/สมาคมวิชาชีพ) เพื่อให้ได้ ใบประกาศนียบัตรสากล
---
4. การรับรองและการเทียบโอนมาตรฐาน
ต้องมีการ ทำ MOU ระหว่างประเทศ เพื่อรับรองใบประกาศของแรงงานไทย
เช่นเดียวกับคนเรือไทยที่มีใบรับรอง STCW จึงทำงานกับกองเรือต่างชาติได้
---
5. ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
✅ ยกระดับคุณภาพแรงงานไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลก
✅ รายได้แรงงานสูงขึ้น ส่งเงินกลับประเทศมากขึ้น
✅ ลดการถูกเอาเปรียบจากนายจ้างต่างชาติ (เพราะมีมาตรฐานรับรองชัดเจน)
✅ ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านแรงงานคุณภาพ ไม่ใช่แรงงานราคาถูก
---
ถ้าจะทำจริง รัฐควรร่วมกับภาคเอกชน เช่น สมาคมการเดินเรือ, อุตสาหกรรมอาหาร, การแพทย์, ช่างฝีมือ ฯลฯ เพื่อสร้าง ศูนย์ทดสอบและออกใบรับรองมาตรฐานแรงงาน แบบเดียวกับที่กรมเจ้าท่าออกให้กับคนเรือ
---
*ตั่วอย่างที่Gptสร้างไห้*
ดีเลยครับ 🙏 ผมจะออกแบบ ต้นแบบ “สมุดประจำตัวแรงงานสากล” ให้เห็นภาพครับ โดยจะยึดแนวคิดจาก Seaman Book ของคนเรือ แต่ปรับให้ใช้ได้กับแรงงานทั่วไป เช่น ช่างฝีมือ, เชฟ, ผู้ดูแลผู้สูงอายุ, ช่างเทคนิค ฯลฯ
---
📘 สมุดประจำตัวแรงงานสากล (International Worker Logbook)
1. ข้อมูลประจำตัวแรงงาน
ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทย/อังกฤษ)
วันเดือนปีเกิด
เลขบัตรประชาชน / Passport
รูปถ่าย
สาขาอาชีพ (เช่น เชฟ, ช่างเชื่อม, พนักงานดูแลสุขภาพ)
รหัสแรงงานสากล (ถ้ามีระบบกลางเหมือน IMO Number ของคนเรือ)
---
2. ใบอนุญาตและใบรับรอง (Certificates & Licenses)
รายชื่อใบประกาศที่ได้รับ
ตัวอย่าง:
Certificate in Welding (ISO 9606)
Food Safety Standard (HACCP)
Caregiver Certificate (Japan Certified)
วันที่ออก / วันที่หมดอายุ
หน่วยงานผู้ออก
---
3. ประวัติการอบรม (Training Record)
วันที่หลักสูตรชั่วโมงเรียนสถานที่/หน่วยงานผู้รับรอง
12/03/2025Basic Food Safety20 ชั่วโมงกรมพัฒนาฝีมือแรงงานInstructor A
---
4. ประวัติการทำงาน (Work Experience Log)
วันที่เริ่มวันที่สิ้นสุดบริษัท/นายจ้างประเทศตำแหน่งชั่วโมงทำงานสะสมผู้ประเมิน
01/05/202531/10/2025Ocean Cruise LineSingaporeCook Assistant1,200Chef Supervisor
---
5. การเลื่อนตำแหน่ง (Promotion Record)
วันที่สอบเลื่อน: …………
ระดับที่เลื่อนได้: จาก ผู้ช่วย → หัวหน้าช่าง/หัวหน้าแผนก
ผู้รับรอง: ………… (รัฐ/สมาคมวิชาชีพ)
---
6. หมายเหตุ/การรับรองจากรัฐ
หน่วยงานรัฐ (เช่น กรมแรงงาน, กรมเจ้าท่า, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) เซ็นรับรอง
มี QR Code ตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ (เพื่อป้องกันปลอมแปลง)
---
👉 พูดง่ายๆ สมุดนี้จะเป็นทั้ง “ประวัติส่วนตัว + ใบผ่านการอบรม + ใบบันทึกชั่วโมงงานจริง” เวลาไปสมัครงานต่างประเทศ บริษัทก็มั่นใจว่าแรงงานไทย มีมาตรฐานจริง ไม่ใช่เขียนใบสมัครสวยๆ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน
*และควรจัดไห้ทางกรมแรงงาน ทำแอปเก็บข้อมูลทุกอย่าง แบบe285ของคนเรือ*
ถูกต้องเลยครับ 👍
แนวคิดของคุณตรงกับสิ่งที่ทั่วโลกกำลังทำอยู่ นั่นคือ Digital ID + Digital Logbook ของแรงงาน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเอกสารหาย ปลอมแปลง หรือการตรวจสอบที่ล่าช้า
---
📱 แนวทางการทำแอปแรงงานสากล (เทียบกับ e-Seafarer Book / e285 ของคนเรือ)
1. ระบบบัญชีและยืนยันตัวตน
ใช้ Digital ID + บัตรประชาชน/Passport
มี Face recognition ป้องกันการสวมสิทธิ์
ข้อมูลเชื่อมกับกรมแรงงาน, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกรมการกงสุล
---
2. โปรไฟล์แรงงาน
ชื่อ-นามสกุล (ไทย/อังกฤษ)
หมายเลขแรงงานสากล (International Worker ID)
รูปถ่าย
QR Code ใช้ตรวจสอบข้อมูลเวลาไปทำงาน/ตรวจคนเข้าเมือง
---
3. การเก็บข้อมูลใบรับรอง (Certificate Management)
แสดงใบอบรม/ประกาศนียบัตร (เช่น Welding, HACCP, Caregiver)
วันหมดอายุ / เตือนต่ออายุอัตโนมัติ
สามารถดาวน์โหลดเป็น e-Certificate ใช้ยื่นต่างประเทศ
---
4. บันทึกประวัติการทำงาน (Digital Logbook)
บันทึกอัตโนมัติจากนายจ้าง (ผ่านระบบยืนยัน)
ระบุ บริษัท, ประเทศ, ตำแหน่ง, ชั่วโมงทำงานสะสม
นายจ้างสามารถ “ยืนยัน” ผ่านแอป → ลดการเขียนปลอม
---
5. ระบบสอบและเลื่อนตำแหน่ง
เชื่อมกับ ศูนย์สอบของกรมแรงงาน
ผลสอบอัปโหลดเข้าระบบอัตโนมัติ
เมื่อผ่าน สามารถเลื่อนระดับในโปรไฟล์ได้ เช่น Helper → Skilled Worker → Supervisor
---
6. ความปลอดภัยและการตรวจสอบ
ทุกข้อมูลมี Blockchain Log (แก้ไขไม่ได้)
ตรวจสอบได้ด้วย QR Code / Online Verification
นายจ้างต่างชาติสแกน QR Code ก็เห็นประวัติจริงทันที
---
7. ประโยชน์
✅ แรงงานไทยมี “สมุดดิจิทัล” ใช้ได้ทั่วโลก
✅ ลดการพกเอกสารหนาๆ หรือเสี่ยงปลอม
✅ นายจ้างมั่นใจว่าแรงงานมีมาตรฐานจริง
✅ ภาครัฐสามารถ เก็บสถิติแรงงานไทยในต่างประเทศแบบ Real-time
---
ถ้าทำจริง ผมแนะนำว่า กรมแรงงานควรพัฒนาแอปกลางเอง แล้วเปิด API ให้ภาคเอกชน (เช่น สถาบันอบรม, สมาคมวิชาชีพ, นายจ้าง) เข้ามาบันทึกและยืนยันข้อมูล
---
แรงงานไทย
แบบคนเรือไทยที่สามารถ ไปทำงานในกองเรือต่างประเทศได้
เช่นการอบรม
และการทำสมุดประจำตัวแบบของคนเรือ
และการเก็บชั่วโมงทำงานและสอบเรื่อนต่ำแหน่งจากหน่วยงานรัฐแบบของคนเรือ เพื่อยกระดับแรงงานไห้ได้มาตรฐานสากล
สิ่งที่คุณคิดมานี้ ถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องและสำคัญมาก ครับ เพราะถ้าแรงงานไทยได้รับการพัฒนามาตรฐานแบบเดียวกับ “แรงงานเรือ” ที่ใช้กันทั่วโลก จะทำให้แรงงานไทยมี ใบเบิกทางสู่ตลาดแรงงานต่างประเทศ และสร้างรายได้สูงขึ้น
ผมสรุปเป็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมให้ครับ:
---
1. ระบบอบรมและมาตรฐานการเรียนรู้
หลักสูตรอบรมตามมาตรฐานสากล (เช่น IMO, STCW สำหรับคนเรือ)
สำหรับแรงงานสาขาอื่นๆ (ช่างเทคนิค, พ่อครัว, ผู้ดูแลสุขภาพ, ช่างเชื่อม ฯลฯ) ต้องมี มาตรฐานกลาง ที่อ้างอิงจากประเทศปลายทาง เช่น EU, ญี่ปุ่น, ตะวันออกกลาง
สถาบันอบรมต้องได้รับ การรับรองจากหน่วยงานรัฐและองค์กรสากล
---
2. สมุดประจำตัวแรงงาน (เหมือนสมุดคนประจำเรือ: Seaman Book)
เป็น สมุดบันทึกประวัติการทำงาน (Logbook)
บันทึกชั่วโมงทำงาน, การอบรม, การประเมินผล
ใช้เป็น หลักฐานอ้างอิงความสามารถ เวลาสมัครงานต่างประเทศ
---
3. ระบบสอบและเลื่อนตำแหน่ง
คล้ายการสอบ Certificate of Competency (CoC) ของคนเรือ
เริ่มจาก แรงงานระดับพื้นฐาน → สอบขึ้นเป็น ช่างฝีมือ → หัวหน้าช่าง/หัวหน้ากลุ่มงาน
การสอบจัดโดยหน่วยงานรัฐ (หรือรัฐร่วมกับเอกชน/สมาคมวิชาชีพ) เพื่อให้ได้ ใบประกาศนียบัตรสากล
---
4. การรับรองและการเทียบโอนมาตรฐาน
ต้องมีการ ทำ MOU ระหว่างประเทศ เพื่อรับรองใบประกาศของแรงงานไทย
เช่นเดียวกับคนเรือไทยที่มีใบรับรอง STCW จึงทำงานกับกองเรือต่างชาติได้
---
5. ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
✅ ยกระดับคุณภาพแรงงานไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลก
✅ รายได้แรงงานสูงขึ้น ส่งเงินกลับประเทศมากขึ้น
✅ ลดการถูกเอาเปรียบจากนายจ้างต่างชาติ (เพราะมีมาตรฐานรับรองชัดเจน)
✅ ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านแรงงานคุณภาพ ไม่ใช่แรงงานราคาถูก
---
ถ้าจะทำจริง รัฐควรร่วมกับภาคเอกชน เช่น สมาคมการเดินเรือ, อุตสาหกรรมอาหาร, การแพทย์, ช่างฝีมือ ฯลฯ เพื่อสร้าง ศูนย์ทดสอบและออกใบรับรองมาตรฐานแรงงาน แบบเดียวกับที่กรมเจ้าท่าออกให้กับคนเรือ
---
*ตั่วอย่างที่Gptสร้างไห้*
ดีเลยครับ 🙏 ผมจะออกแบบ ต้นแบบ “สมุดประจำตัวแรงงานสากล” ให้เห็นภาพครับ โดยจะยึดแนวคิดจาก Seaman Book ของคนเรือ แต่ปรับให้ใช้ได้กับแรงงานทั่วไป เช่น ช่างฝีมือ, เชฟ, ผู้ดูแลผู้สูงอายุ, ช่างเทคนิค ฯลฯ
---
📘 สมุดประจำตัวแรงงานสากล (International Worker Logbook)
1. ข้อมูลประจำตัวแรงงาน
ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทย/อังกฤษ)
วันเดือนปีเกิด
เลขบัตรประชาชน / Passport
รูปถ่าย
สาขาอาชีพ (เช่น เชฟ, ช่างเชื่อม, พนักงานดูแลสุขภาพ)
รหัสแรงงานสากล (ถ้ามีระบบกลางเหมือน IMO Number ของคนเรือ)
---
2. ใบอนุญาตและใบรับรอง (Certificates & Licenses)
รายชื่อใบประกาศที่ได้รับ
ตัวอย่าง:
Certificate in Welding (ISO 9606)
Food Safety Standard (HACCP)
Caregiver Certificate (Japan Certified)
วันที่ออก / วันที่หมดอายุ
หน่วยงานผู้ออก
---
3. ประวัติการอบรม (Training Record)
วันที่หลักสูตรชั่วโมงเรียนสถานที่/หน่วยงานผู้รับรอง
12/03/2025Basic Food Safety20 ชั่วโมงกรมพัฒนาฝีมือแรงงานInstructor A
---
4. ประวัติการทำงาน (Work Experience Log)
วันที่เริ่มวันที่สิ้นสุดบริษัท/นายจ้างประเทศตำแหน่งชั่วโมงทำงานสะสมผู้ประเมิน
01/05/202531/10/2025Ocean Cruise LineSingaporeCook Assistant1,200Chef Supervisor
---
5. การเลื่อนตำแหน่ง (Promotion Record)
วันที่สอบเลื่อน: …………
ระดับที่เลื่อนได้: จาก ผู้ช่วย → หัวหน้าช่าง/หัวหน้าแผนก
ผู้รับรอง: ………… (รัฐ/สมาคมวิชาชีพ)
---
6. หมายเหตุ/การรับรองจากรัฐ
หน่วยงานรัฐ (เช่น กรมแรงงาน, กรมเจ้าท่า, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) เซ็นรับรอง
มี QR Code ตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ (เพื่อป้องกันปลอมแปลง)
---
👉 พูดง่ายๆ สมุดนี้จะเป็นทั้ง “ประวัติส่วนตัว + ใบผ่านการอบรม + ใบบันทึกชั่วโมงงานจริง” เวลาไปสมัครงานต่างประเทศ บริษัทก็มั่นใจว่าแรงงานไทย มีมาตรฐานจริง ไม่ใช่เขียนใบสมัครสวยๆ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน
*และควรจัดไห้ทางกรมแรงงาน ทำแอปเก็บข้อมูลทุกอย่าง แบบe285ของคนเรือ*
ถูกต้องเลยครับ 👍
แนวคิดของคุณตรงกับสิ่งที่ทั่วโลกกำลังทำอยู่ นั่นคือ Digital ID + Digital Logbook ของแรงงาน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเอกสารหาย ปลอมแปลง หรือการตรวจสอบที่ล่าช้า
---
📱 แนวทางการทำแอปแรงงานสากล (เทียบกับ e-Seafarer Book / e285 ของคนเรือ)
1. ระบบบัญชีและยืนยันตัวตน
ใช้ Digital ID + บัตรประชาชน/Passport
มี Face recognition ป้องกันการสวมสิทธิ์
ข้อมูลเชื่อมกับกรมแรงงาน, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกรมการกงสุล
---
2. โปรไฟล์แรงงาน
ชื่อ-นามสกุล (ไทย/อังกฤษ)
หมายเลขแรงงานสากล (International Worker ID)
รูปถ่าย
QR Code ใช้ตรวจสอบข้อมูลเวลาไปทำงาน/ตรวจคนเข้าเมือง
---
3. การเก็บข้อมูลใบรับรอง (Certificate Management)
แสดงใบอบรม/ประกาศนียบัตร (เช่น Welding, HACCP, Caregiver)
วันหมดอายุ / เตือนต่ออายุอัตโนมัติ
สามารถดาวน์โหลดเป็น e-Certificate ใช้ยื่นต่างประเทศ
---
4. บันทึกประวัติการทำงาน (Digital Logbook)
บันทึกอัตโนมัติจากนายจ้าง (ผ่านระบบยืนยัน)
ระบุ บริษัท, ประเทศ, ตำแหน่ง, ชั่วโมงทำงานสะสม
นายจ้างสามารถ “ยืนยัน” ผ่านแอป → ลดการเขียนปลอม
---
5. ระบบสอบและเลื่อนตำแหน่ง
เชื่อมกับ ศูนย์สอบของกรมแรงงาน
ผลสอบอัปโหลดเข้าระบบอัตโนมัติ
เมื่อผ่าน สามารถเลื่อนระดับในโปรไฟล์ได้ เช่น Helper → Skilled Worker → Supervisor
---
6. ความปลอดภัยและการตรวจสอบ
ทุกข้อมูลมี Blockchain Log (แก้ไขไม่ได้)
ตรวจสอบได้ด้วย QR Code / Online Verification
นายจ้างต่างชาติสแกน QR Code ก็เห็นประวัติจริงทันที
---
7. ประโยชน์
✅ แรงงานไทยมี “สมุดดิจิทัล” ใช้ได้ทั่วโลก
✅ ลดการพกเอกสารหนาๆ หรือเสี่ยงปลอม
✅ นายจ้างมั่นใจว่าแรงงานมีมาตรฐานจริง
✅ ภาครัฐสามารถ เก็บสถิติแรงงานไทยในต่างประเทศแบบ Real-time
---
ถ้าทำจริง ผมแนะนำว่า กรมแรงงานควรพัฒนาแอปกลางเอง แล้วเปิด API ให้ภาคเอกชน (เช่น สถาบันอบรม, สมาคมวิชาชีพ, นายจ้าง) เข้ามาบันทึกและยืนยันข้อมูล
---