โพลชี้ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ปกติ- เขมร เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ควรคบด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5336930
.

.
โพลชี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ปกติ- ‘เขมร’ เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ควรคบ
.
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุการณ์ปกติ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-19 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา การสำรวจอาศัย
.
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเหตุการณ์ที่ดำเนินไปตามปกติ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.96 ระบุว่า เหตุการณ์ไม่ปกติเลย และน่ากังวล รองลงมา ร้อยละ 29.16 ระบุว่า เหตุการณ์ปกติ แต่ยังไม่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 23.74 ระบุว่า เหตุการณ์ยังคงไม่ปกติเท่าไรนัก และร้อยละ 2.14 ระบุว่า เหตุการณ์ปกติจริง ไม่มีอะไรน่ากังวล
.
ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแทรกแซงของประเทศมหาอำนาจในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 64.73 ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง เพราะต้องการผลประโยชน์รองลงมา ร้อยละ 17.10 ระบุว่า ไทยควรปฏิเสธการเข้ามาแทรกแซงของประเทศมหาอำนาจ ร้อยละ 8.85 ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง เพราะต้องการให้เกิดสันติภาพจริง ๆ ร้อยละ 6.11 ระบุว่า ไม่เชื่อว่าประเทศมหาอำนาจจะเข้ามาแทรกแซงอย่างจริงจัง และร้อยละ 3.21 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อประเทศกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านของไทยจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.12 ระบุว่า เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ควรคบด้วย รองลงมา ร้อยละ 29.39 ระบุว่า เป็นเพื่อนบ้านที่คบกันได้ แต่ไม่ควรไว้วางใจ ร้อยละ 14.20 ระบุว่า เป็นฝั่งตรงข้าม ร้อยละ 1.91 ระบุว่า ยังคงเป็นเพื่อบ้านที่คบกันได้เหมือนเดิม และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
.
ทสท. ออกแถลงการณ์ แนะสภาฯ ยกเลิก MOU 43 และ 44
.
พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ เรื่องเขตแดยไทย-กัมพูชา MOU 43 และ 44 แนะ สภาใช้อำนาจตาม รธน. ม. 178 พิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจทั้ง 2 ฉบับ
.
ตามที่ได้เกิดสถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ในประเด็นการอ้างการรุกล้ำอธิปไตย จนส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของประชาชนและทหาร ตลอดจนทรัพย์สิน บ้านเรือน สถานประกอบการธุรกิจ สถานที่ราชการหลายแห่ง รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
.
พรรคไทยสร้างไทย ได้พิจารณาสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ฉบับที่ 43 ว่าด้วยแนวเขตทางบก และฉบับที่ 44 ว่าด้วยแนวเขตทางทะเล ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ทั้ง 2 ฉบับแล้ว เห็นว่า ประเด็นข้อถกเถียง และความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับผลประโยชน์ และอาณาเขตอธิปไตยของชาติทั้งทางบกและทางทะเลนั้น ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ควรให้รัฐสภาใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 พิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาทั้ง 2 ฉบับ ที่กล่าวมาข้างต้น แล้วเปิดการเจรจาในรูปแบบทวิภาคี (Bilateral Negotiations)
.
โดยให้การดำเนินการที่เกี่ยวกับการกำหนดอาณาเขตอธิปไตยของไทยทางบกเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ประเทศไทยใช้อยู่ คือใช้แผนที่มาตราส่วน 1: 50,000 ซึ่งจะให้รายละเอียดของสภาพภูมิประเทศที่ชัดเจน สอดคล้องกับความเป็นจริง
.
ในส่วนของพื้นที่ทางทะเลนั้น ให้ยึดพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย ตามราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2516 ซึ่งออกโดยยึดหลักกฎหมายสากล อ้างอิงอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยทะเลอาณาเขต และเขตต่อเนื่อง ซึ่งจัดทำขึ้น ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2501
.
พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าการจะแก้ไขปัญหาแนวเขตแดนระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านต้องยึดมาตรฐานสากล โดยมีหลักกฎหมายระหว่างประเทศรองรับ และสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เพื่อให้นานาชาติตระหนักว่าไทยเป็นประเทศที่รักสงบ เคารพกติกา แต่ก็พร้อมตอบโต้ในรูปแบบที่เหมาะสมหากอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยึดมั่นในสิ่งที่กล่าวมา
.
.
เกาหลีเหนือออกอากาศคลิปทหารสู้กับยูเครน
.
เปียงยาง 23 ส.ค.- สื่อทางการเกาหลีเหนือออกอากาศคลิปทหารเกาหลีเหนือสู้รบกับทหารยูเครน ในแคว้นคุสค์ของรัสเซียที่มีพรมแดนติดกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน
.
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์เคอาร์ที (KRT) ของทางการเกาหลีเหนือได้ออกอากาศคลิปภาพเห็นทหารเกาหลีเหนือในหลายสถานที่ มีทั้งรุกคืบในสมรภูมิที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุม เคลื่อนกำลังพลผ่านอาคารที่พังเสียหายและยวดยานที่ถูกพลิกหงาย ยิงปืนใหญ่และจรวด คลิปเหล่านี้ถูกฉายในวันเดียวกันในพิธีที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ให้แก่ทหารเกาหลีเหนือที่กลับจากการรบในต่างแดน และไว้อาลัยให้แก่ทหารที่พลีชีพในการรบ
.
สำนักข่าวกลางเกาหลีของเกาหลีเหนือหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) รายงานอ้างสุนทรพจน์ของนายคิมในพิธีดังกล่าวว่า การสู้รบของกองกำลังปฏิบัติการในต่างประเทศได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงพลังของกองทัพวีรบุรุษ และการปลดแอกแคว้นคุสค์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงจิตวิญญาณการรบของวีรบุรุษ
ความเป็นพันธมิตรทางการทหารระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซียถูกจับตามองตั้งแต่ผู้นำของสองประเทศประชุมสุดยอดที่รัสเซียในเดือนกันยายน 2566 และยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อรัสเซียใช้กำลังพล อาวุธ และเครื่องกระสุนจากเกาหลีเหนือ ผลักดันกองกำลังยูเครนที่ข้ามพรมแดนเข้ามายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคุสค์ของรัสเซีย สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้แถลงเมื่อเดือนเมษายนโดยอ้างหน่วยข่าวกรองของประเทศว่า ทหารเกาหลีเหนือประมาณ 600 นาย จากทั้งหมด 15,000 นายถูกสังหารในการรบกับยูเครน.-814.-สำนักข่าวไทย
JJNY : โพลชี้เขมรไม่ควรคบด้วย│ทสท.แนะยกเลิก MOU43 และ44│เกาหลีเหนือออกอากาศคลิปสู้กับยูเครน │เตือนฝนตกหนัก 24 – 27 ส.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5336930
.
โพลชี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ปกติ- ‘เขมร’ เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ควรคบ
.
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุการณ์ปกติ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-19 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา การสำรวจอาศัย
.
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเหตุการณ์ที่ดำเนินไปตามปกติ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.96 ระบุว่า เหตุการณ์ไม่ปกติเลย และน่ากังวล รองลงมา ร้อยละ 29.16 ระบุว่า เหตุการณ์ปกติ แต่ยังไม่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 23.74 ระบุว่า เหตุการณ์ยังคงไม่ปกติเท่าไรนัก และร้อยละ 2.14 ระบุว่า เหตุการณ์ปกติจริง ไม่มีอะไรน่ากังวล
.
ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแทรกแซงของประเทศมหาอำนาจในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 64.73 ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง เพราะต้องการผลประโยชน์รองลงมา ร้อยละ 17.10 ระบุว่า ไทยควรปฏิเสธการเข้ามาแทรกแซงของประเทศมหาอำนาจ ร้อยละ 8.85 ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง เพราะต้องการให้เกิดสันติภาพจริง ๆ ร้อยละ 6.11 ระบุว่า ไม่เชื่อว่าประเทศมหาอำนาจจะเข้ามาแทรกแซงอย่างจริงจัง และร้อยละ 3.21 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อประเทศกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านของไทยจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.12 ระบุว่า เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ควรคบด้วย รองลงมา ร้อยละ 29.39 ระบุว่า เป็นเพื่อนบ้านที่คบกันได้ แต่ไม่ควรไว้วางใจ ร้อยละ 14.20 ระบุว่า เป็นฝั่งตรงข้าม ร้อยละ 1.91 ระบุว่า ยังคงเป็นเพื่อบ้านที่คบกันได้เหมือนเดิม และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
.
.