ผมใช้รถเก่ง C-Segment สันดาบล้วน เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ซื้อป้ายแดง วันที่ 8 ก.ค. 66
แบตเตอรี่ติดรถใช้ได้ 9 เดือน เสื่อม รถมีอาการปลดเบรคมือไฟฟ้า (ออโต้) หลังจากสตาร์ทเครื่องไม่ได้ (เลขไมล์ตอนนี้ 27,213 กม.)
จึงนำรถเข้าศูนย์ฯ (วันที่ 23 เม.ย. 67) ช่างตรวจเช็คแจ้งว่าแบตเตอรี่เสื่อม (ประสิทธิภาพแบตลดต่ำกว่ามาตรฐาน)
เลยขอเคลมเบตเตอรี่กับศูนย์ฯ (ศูนย์ฯ ที่เข้าเช็คคือศูนย์ที่ออกรถคันนี้ด้วย) ศูนย์ฯ แจ้งว่าแบตรับประกัน 6 เดือน ไม่สามารถเคลมได้
ผมบอกว่าผมซื้อรถใช้มาเยอะ (มากกว่า 10 คัน) ทั้งเก๋ง, กระบะ และPPV) ไม่เคยเจอแบตอายุสั้นแค่ 9 เดือนเสื่อม
เร็วสุดที่เคยเจอก็ต้องมีเกิน 1 ปี หรือ 1.5 ปี ผมจึงต่อรองว่าถ้าอาการแบบนี้เป็นปกติ ขอให้ศูนย์ฯทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร
ถึงสาเหตุของปัญหานี้ ซึ่งศูนย์ฯ ไม่ทำให้ ศูนย์จึงต่อรองว่าจะช่วยออกค่าแบตให้ 50/50 กับผม
ผมจึงยอมเปลี่ยนแบตเตอรี่กับศูนย์ (ยี่ห้อแบตเป็นยี่ห้อเดียวกับรถ)
หลังจากเปลี่ยนแบตลูกที่ 2 ใช้มาถึงวันที่ 11 เม.ย. 68 นำรถเข้าเช็คระยะ 60,000 กม. ก่อนเข้าศูนย์ฯ พบอาการเบรคมือไฟฟ้าไม่ปลดอีก
จึงเช็คประสิทธิภาพแบตเตอรี่ เช่นเคย ช่างแจ้งว่าแบตเตอรี่เสื่อม ผมแจ้งจนท.รับรถว่าแบตลูกนี้ซื้อเปลี่ยนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งศูนย์ออกให้ 50/50 ด้วย
แต่คราวนี้อายุแบตเกือบๆ ปี ผมคิดว่าเคลมไม่ได้แน่ๆ และพนง.รับรถแนะนำให้เปลี่ยนแบตร้านนอกศูนย์ฯ จะได้แบตที่คุณภาพดีกว่า
ผมจึงไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ร้านนอกศูนย์ฯ
พอใช้แบตเตอรี่ลูกที่ 3 ตั้งแต่เดือนเม.ย. 68 ถึงวันที่ 6 ส.ค. 68 ซึ่งนำรถเข้าเช็คระยะ 70,000 กม. ช่างตรวจพบว่า แบตเริ่มเสื่อม (ค่าต่ำกว่า 80%)
แต่ยังไม่เจออาการเบรกมือไฟฟ้าไม่ปลด หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์
แต่ผมสงสัย เพราะจนท.รับรถของศูนย์ฯ เคยถามผมว่า "พี่ชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถบ่อยไหม เพราะถ้าชาร์จบ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว"
ซึ่งผมไม่เคยเจอแบบนี้ และคิดว่าการชาร์จมือถือในรถมันไม่น่าจะเกี่ยวกับอายุแบตเตอรี่ของรถที่สั้นลงเร็วกว่าปกติ
จึงอยากถามว่า การชาร์จมือถือในรถเป็นประจำบ่อยๆ ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเร็วกว่าปกติจริงหรือไม่?
การชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถยนต์บ่อยๆ (เกือบทุกวัน) มีผลทำให้อายุแบตเตอรี่รถยนต์สั้นลง จริงหรือไม่?
แบตเตอรี่ติดรถใช้ได้ 9 เดือน เสื่อม รถมีอาการปลดเบรคมือไฟฟ้า (ออโต้) หลังจากสตาร์ทเครื่องไม่ได้ (เลขไมล์ตอนนี้ 27,213 กม.)
จึงนำรถเข้าศูนย์ฯ (วันที่ 23 เม.ย. 67) ช่างตรวจเช็คแจ้งว่าแบตเตอรี่เสื่อม (ประสิทธิภาพแบตลดต่ำกว่ามาตรฐาน)
เลยขอเคลมเบตเตอรี่กับศูนย์ฯ (ศูนย์ฯ ที่เข้าเช็คคือศูนย์ที่ออกรถคันนี้ด้วย) ศูนย์ฯ แจ้งว่าแบตรับประกัน 6 เดือน ไม่สามารถเคลมได้
ผมบอกว่าผมซื้อรถใช้มาเยอะ (มากกว่า 10 คัน) ทั้งเก๋ง, กระบะ และPPV) ไม่เคยเจอแบตอายุสั้นแค่ 9 เดือนเสื่อม
เร็วสุดที่เคยเจอก็ต้องมีเกิน 1 ปี หรือ 1.5 ปี ผมจึงต่อรองว่าถ้าอาการแบบนี้เป็นปกติ ขอให้ศูนย์ฯทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร
ถึงสาเหตุของปัญหานี้ ซึ่งศูนย์ฯ ไม่ทำให้ ศูนย์จึงต่อรองว่าจะช่วยออกค่าแบตให้ 50/50 กับผม
ผมจึงยอมเปลี่ยนแบตเตอรี่กับศูนย์ (ยี่ห้อแบตเป็นยี่ห้อเดียวกับรถ)
หลังจากเปลี่ยนแบตลูกที่ 2 ใช้มาถึงวันที่ 11 เม.ย. 68 นำรถเข้าเช็คระยะ 60,000 กม. ก่อนเข้าศูนย์ฯ พบอาการเบรคมือไฟฟ้าไม่ปลดอีก
จึงเช็คประสิทธิภาพแบตเตอรี่ เช่นเคย ช่างแจ้งว่าแบตเตอรี่เสื่อม ผมแจ้งจนท.รับรถว่าแบตลูกนี้ซื้อเปลี่ยนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งศูนย์ออกให้ 50/50 ด้วย
แต่คราวนี้อายุแบตเกือบๆ ปี ผมคิดว่าเคลมไม่ได้แน่ๆ และพนง.รับรถแนะนำให้เปลี่ยนแบตร้านนอกศูนย์ฯ จะได้แบตที่คุณภาพดีกว่า
ผมจึงไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ร้านนอกศูนย์ฯ
พอใช้แบตเตอรี่ลูกที่ 3 ตั้งแต่เดือนเม.ย. 68 ถึงวันที่ 6 ส.ค. 68 ซึ่งนำรถเข้าเช็คระยะ 70,000 กม. ช่างตรวจพบว่า แบตเริ่มเสื่อม (ค่าต่ำกว่า 80%)
แต่ยังไม่เจออาการเบรกมือไฟฟ้าไม่ปลด หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์
แต่ผมสงสัย เพราะจนท.รับรถของศูนย์ฯ เคยถามผมว่า "พี่ชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถบ่อยไหม เพราะถ้าชาร์จบ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว"
ซึ่งผมไม่เคยเจอแบบนี้ และคิดว่าการชาร์จมือถือในรถมันไม่น่าจะเกี่ยวกับอายุแบตเตอรี่ของรถที่สั้นลงเร็วกว่าปกติ
จึงอยากถามว่า การชาร์จมือถือในรถเป็นประจำบ่อยๆ ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเร็วกว่าปกติจริงหรือไม่?