อดีต ณ โรงงานยางพาราทึ่บ้านทุ่งหาดใหญ่
เพื่อนที่รู้จักเล่าว่า คนซิงลี่(สิงคโปร์)
ที่ฝากเงินกับธนาคารเอเชียทรัสท์(เจ๊งไปแล้ว)
เพื่อนทำงานที่ธนาคารแห่งนั้น
ก่อนเปลี่ยนเป็นธนาคารสยาม
และธนาคารกรุงไทย ในที่สุด
คนซิงลี่รักเพื่อนเหมือนลูกสาว
เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวที่ซิงลี่
แถมเธอพูดอ่านเขียนภาษาจีนได้ดีมาก
เวลาคนซิงลี่มาฝากเงินมักจะพูดคุยสนทนา
ชวนไปกินเลี้ยงถ้าเธอพอมีเวลาว่างเสมอ
แบบกึ่ง ๆ ล่ามภาษาไทยจีน
ในงานเลี้ยง/งานสนทนาไม่เป็นทางการ
ต่อมา ภายในโรงงานมีปัญหาทุจริตเช่น
การขี่ช้าง(โกง) จะเริ่มกันที่จุดแรกรับ
ยิ่งร่วมมือยิ่งกินกันได้มากทีเดียว
จุดแรกรับคือ คัดยางแผ่น
คนคัดยางแผ่นกับคนตีค่าน้ำมักจะ 2 in 1
ทำหน้าทึ่ดูแผ่นยางว่าสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน
ไม่ติดเชื้อรา ความชื้นในแผ่นยางน้อยมาก
(ไม่ผสมแป้ง/สารฟอกขาว ทำให้แผ่นยางสวย)
ถ้ามีองค์ประกอบด้อยข้อใดข้อหนึ่ง
จะคัดเป็นยางตกเกรด กดราคาซื้อลงไปอีก
ราคารับซื้อเข้าโรงงานจะต่ำลงมากทีเดียว
เพราะรมควันออกมามักจะได้เกรดยาง
ต่ำกว่ายางแผ่นรมควันชั้น 3 - 5 ลงไป
ต่อมา คือ โกงตาชั่ง ด้วยลูกตุ้ม
ลูกตุ้มพิเศษจะเบากว่าของมาตรฐาน
การแอบเหยียบที่ชั่งน้ำหนัก
ด้วยเท้าหรือกระเดื่องกลไกพิเศษ
(ยุคนั้นไม่มีตาชั่งพร้อมรถบรรทุก)
ถ้าพรรคพวกก็น้ำหนักดี มีราคา
ถ้าชาวบ้านก็น้ำหนักน้อย ด้อยราคา
จุดต่อมาคือ การตีค่าน้ำแผ่นยางพารา
ถ้าพรรคพวกจะตึค่าน้ำต่ำกว่าของชาวบ้าน
ยางแผ่นดิบที่ชาวบ้านรีดแล้วนำมาขาย
จะมีความชื้น(น้ำ)สะสมในแผ่นยาง
ในอัตราราว 5-10 % ของน้ำหนักแผ่นยาง
เพราะเมื่อผ่านกระบวนความร้อนไล่ความชื้น
ยางแผ่นที่เข้าเตาโรงรมควันยางพารา
น้ำหนักเข้า 20 ตัน ราว 20,000 กิโลกรัม
น้ำหนักออกมาหายไปเกือบ 200 กิโลกรัมก็มี
ถ้าตีค่าน้ำผิด โรงงานยิ่งขาดทุนหนักมาก
เพราะการผลิตแต่ละเตามากกว่า 20 ตันขึ้นไป
(โรงงานไม่ถึงกับขาดทุนกำไรมากนัก
ได้ชดเชยจากราคายางแผ่นรมควันที่เพิ่มขึ้น
ในอัตราหนึ่งกิโลกรัมที่ 0.50 - 2.00 บาท
แล้วแต่ฮั่งเช้งในแต่ละเวลา/สถานะการณ์
และการทำยางลูกขุน 111.1 กิโลกรัม
ยอมให้ทาแป้งผสมกับยางพารา
ผสมน้ำมันก๊าดราว 1 กิโลกรัมเศษ
ใช้กันความชื้นและเชื้อราบางชนิด
เป็นของแถม/น้ำจิ้มฟรี ๆ เกือบ 1 กิโลกรัม
1 ตัน ก็ได้เกือบ 10 กิโลกรัม
10 ตัน ก็ได้เกือบ 100 กิโลกรัม เป็นต้น
การซื้อขายยางพารา กำไรน้อย กำไรมาก
เพราะซื้อขายกันในปริมาณสูงมาก
ว่ากันเป็นจำนวนหลักพันหลักหมื่นตันขึ้นไป)
ในยุคอดีต
คนตีค่าน้ำแผ่นยางเก่ง ๆ
ค่าตัวจะสูงมาก โรงงานมักแย่งชิงตัวกัน
เพราะใช้ประสบการณ์ความชำนาญสูงมาก
ยังไม่มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ตรวจวัดความชื้น
ถ้าตีค่าน้ำเก่งจะกดราคาซื้อเข้าโรงงานได้
ผลผลิตออกมาน้ำหนักสุทธิจะแกว่งน้อยมาก
ผลของการขี่ช้างภายในโรงงาน
คือ โรงงานยิ่งทำ ยิ่งขาดทุนกำไร
แต่คนโกงยิ่งทำ ยิ่งมีรายได้สูง
คนซิงลี่กับคนไทยเลยมีปัญหากันภายใน
ทะเลาะกันกล่าวโทษกันในเรื่องกำไรหาย
ต้นทุนการผลิตสูงกว่าปกติมากกว่าโรงงานอื่น
ในที่สุด เย็นวันหนึ่งในลิ้นชักโต๊ะทำงานคนซิงลี่
มีงูเห่าขนาดเขื่องอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน
ทำให้คนซิงลี่กลัวมากต้องรีบกลับซิงลี่ไปเลย
ก่อนกลับได้บอกอำลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย
ยุคนั้นโทรศัพท์มือถือราคายังแพงมาก
Facebook Line ก็ยังไม่มี
แค่โทรศัพท์บ้านยังมีกันไม่ทั่วถึง
เรื่องนี้ ทำให้นายทุนใหญ่ที่ซิงลี่
ก็ใจเด็ดมาก สั่งปิดโรงงานทันที
เพื่อหยุดเลือดไหล หยุดขี่ช้าง หยุดขาดทุน
รอวันกลับมาฟื้นฟู เริ่มกิจการใหม่
แบบ Shane 'll come back.
.
.
วันผ่านพ้น เดือนผันผ่าน ปีเคลื่อนคล้อย
แต่โรงงานต้องทิ้งร้างจนทุกวันนึ้
พร้อมกับทิ้งปัญหาเรื่องเงินค่าเหล็กก่อสร้าง
มูลค่าราว 5 ล้านกว่าบาท ที่ยังติดหนี้อยู่
ในยุคทองบาทละสองพันกว่าบาท
ถ้าซื้อทองคำจะได้ราว 2,000 บาท
ราคาขายทองแค่บาทละ 30,000
จะได้ 60 ล้านบาท ประมาณค่าเงิน But now.
คนขายที่ปล่อยเครดิต จะรื้อเหล็กออกก็ไม่ได้
ทั้งโรงงานนี้ยังมีหนี้สินอื่น ๆ ค้างอีกมาก
แต่ไม่รู้จะเก็บกับใคร เพราะมียามที่บอกไม่รู้
เถ้าแก่ไม่อยู่ ผู้จัดการไม่อยู่
ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่อื่นไป ไปไกล ๆ
เหมือนตอนปี 40 ที่หลายคนที่ปล่อยเครดิต
โดนกันระนาว เช่น สู่โค้ยอาลัย จูนอำมหิต
สร้างออฟฟิต โอ่อ่า หรูหรา กระจกเพียบ
แต่ติดหนี้ค่าของเพียบ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
เห็นเงียบ ๆ หนี้เพียบนะจ๊ะ
คนปล่อยเครดิตจะรื้อข้าวของ
ที่ลูกหนี้ยังไม่จ่ายเงินออกมา
เพื่อหักหนี้/ลดความเสียหายไม่ได้เลย
ต้องฟ้องร้องดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นก่อน
แล้วกำกระดาษคำพิพากษาให้แน่น ๆ
จำเลยมักจะยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปแล้ว
ต้องรอสืบทรัพย์ รอฟ้องล้มละลาย
จำเลยมักจะหายหน้าหายตาไป
แล้วค่อยกลับมาเชิดหน้าชูตา
หลังจากคดีหมดอายุความแล้ว
บริษัทเจ๊ง แต่ผู้บริหารไม่เจ๊งตามไปด้วย
ตัวอย่าง เสี่ยเอก.. ที่ถูกฆ่าตายบนรถตู้
แล้วนำมาฝังศพอำพรางที่ป้าดตะลุง
มีชื่อเสียงทำแชร์ลูกโซ่ในอดีต
ก่อนหนีไปเสวยสุขที่อังกฤษ
คดีหมดอายุความก็กลับมาเจ๊าะแจ๊ะ
วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองแบบมันปาก
.
.
เรื่องปล่อยเครดิตเหล็กก่อสร้าง
ทำเอาร้านเหล็กไอ้หมี
อดีตคนขายไอศครีมตราหมี ก่อนมาขายเหล็ก
แล้วผันตัวเป็นนายทุนปล่อยกู้ เจ๊งตามไปด้วย
เพราะลูกชายอีกคนเป็นคนให้เครดิต
โรงงานยางพาราแห่งนี้มากกว่า 5 ล้านบาท
แล้วมาโม้ความเก่งที่ปล่อยเครดิตกับเพื่อน ๆ
ทั้ง ๆ ที่พ่อแกเตือนให้ระวังแล้ว
ลูกชายคนนี้มีชื่อเล่นเพื่อนตั้งให้ว่า หมี
ตามฉายาเดิมของพ่อแกว่า ไอ้หมี
รูปร่างสูงใหญ่กำยำแข็งแรง ได้ DNA จากพ่อ
สุดท้ายพ่อแกตรอมใจตายเพราะเรื่องหนี้เสีย
ต่อมาแม่ก็ตรอมใจตายตามไปอีกคน
ไอ้หมีเป็นนายทุนเงินกู้อีกราย
ที่วงการยอมรับว่า ใจถึง ใจดำ
(ภาษิตใต้ ใจดำมั่งมี ใจดึชิปหาย)
การกู้เงินในยุคก่อนมักจะตีเช็คแลกกัน
เช็คเด้งจะผิดอาญา แจ้งความตำรวจได้
รอติดคุกเว้นแต่มีเงินมาเคลียร์กัน
การปล่อยเงินกู้ในยุคนั้น
แค่หลักหมื่น หลักแสนบาท
ดอกเบี้ยหมื่นละ 7-10 บาท/วัน
(ถ้า 7 บาท 2.1% ต่อเดือน 25.55% ต่อปี)
เช่น กู้ 50,000บาท ดอกเบี้ยวันละ 35 บาท
ตกเดือนละ 1,150 บาท (คูณ 30 วัน)
แต่จะโดนหักค่าน้ำ ค่าปากถุง กันก่อน
มักจะได้รับเงินไม่เต็ม 50,000 บาท
แต่ต้องจ่ายหนี้เต็มจำนวน
ยุคนั้น เงินแพง ค่าแรงถูก ค่าครองชีพถูก
ไอ้หมีชอบพาทีมตำรวจที่ซี้กันไปจับลูกหนี้
ลูกหนี้ที่ตีเช็คเด้ง หรือไอ้หมีเข้าบัญชี
เพื่อให้ธนาคารตีเช็คเด้งออกมา
ในวันตรุษจีน วันเชงเม้ง วันสาร์ทจีน
สามวันนี้ คนเชื้อสายจีน ถือว่าเป็นวันมงคล
ไม่ทำการอัปมงคล/เรื่องเลวร้าย
เป็นวันครอบครัวตามธรรมเนียมจีน
คนในครอบครัวมักจะมาชุมนุมพบปะกัน
การจับลูกหนี้เย็นวันศุกร์เสาร์อาทิตย์
เพราะธนาคารปิดทำการ 15.30 น.
กับหยุดทำการวันเสาร์อาทิตย์
จะเบิกเงินยืมเงินมักจะไม่ทันการ
ในยุคนั้นยังไม่มีสาขาย่อยตามห้าง
ตู้ ATM ก็อีกหลายปีกว่าจะมา
ส่วนศาลเปิดทำการในวันจันทร์
ยกเว้นวันหยุดราชการจะยาวไป
จึงจะไปยื่นคำขอประกันตัวผู้ต้องหาได้
เรียกว่าติดคุกที่โรงพัก 2-3 วัน
คนถือเคล็ดมักจะบอกว่า ซวย
ตอนเย็นย่ำค่ำ
หลังจากจับตัวผู้ต้องหาคดีเช็คได้
ไอ้หมีจะพาทีมตำรวจและคนสนิท
ไปเลี้ยงฉลองชัยชนะกันในร้านอาหาร
ถ้าได้เงินคืนจากผู้ต้องหาบ้าง
ก็จะแบ่งค่าเสียเวลาตอบแทน
เลยทำให้ไอ้หมีตามหนี้ได้เร็วมาก
ตอนนี้ร้านค้าเหล็กไอ้หมีเลิกกิจการแล้ว
กลายเป็นที่รับฝากรถของลูกชายอีกคนหนึ่ง
ส่วนลูกชายชื่อเล่นว่า หมี คนก่อเรื่องนี้
หายหน้าหายตาไปจากบ้านทุ่งหาดใหญ่
ไม่เจอหน้าค่าตาหลายปีดีดักแล้ว
ไม่รู้ว่าไปหวัน(สวรรค์)ไหนแล้ว
.
.
นิยามศาสนายูดาย อิสลาม
การกินดอกเบี้ย ถือว่า เงินบาป
ไม่ควรทำ พระเจ้าสาปแช่ง
ขนาดพระเยซูยังเคยถือแส้
ไล่ฟาดคนปล่อยเงินกู้หลายคน
ที่มาออกันอยู่แถววิหารเยรูซาเล็ม
คนจีนรุ่นเก่าบางคน บางครอบครัว
มักจะอบรมสอนลูกหลานว่า
อย่าปล่อยกู้กินดอกเบี้ย
มันคือ เงินบาป เงินถูกสาปแช่ง
เงินกินเลือดกินเนื้อคนยากไร้
เวรกรรมมักตามมาในภายหลัง
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อย่าทดลอง
ขนาดนายแบ้งค์ใหญ่ ๆ ในอดีต
เจ้าสัว Yesterday ของไทย
ยังเจ๊งบ้งหมดท่าไปหลายตระกูล
กลายเป็นพวกคนเคยรวย
แถมบางคนติดคุกก็มี
ส่วนคนที่บุณย์มากล้นเกินพอ
เจ้ากรรมนายเวรยังตามไม่ทัน
เลยยังร้องเพลงป๋า Bird ได้
สบาย ๆ ถูกใจ ก็กู้(เงิน)กันไป
อย่ามาเสียดายกับเรื่องดอกเบี้ย
.
.
ภาคใต้ในอดีตมีความนิยม
ใช้ชื่อโรงงานยางพาราด้วยคำว่า เต็ก เช่น
เต็กบี้ฮั้ง เต็กเล่ย์ เต็กสุ่น เป็นต้น
คำว่า เต็ก (德) ภาษาจีนมีความหมายว่า
คุณธรรม หรือ ความดี (德/dé)
ซึ่งมักใช้ในบริบทที่เกี่ยวข้องกับ
จริยธรรมหรือความน่าเชื่อถือ
สำหรับโรงงานยางพาราในไทยที่ใช้คำว่า
เต็ก นำหน้าชื่อ เช่น เต็กเล่ย์ (德利)
เต็กบีหั้ง (德美兴) เต็กสุ่น (德顺) เป็นต้น
เต็ก (德/dé) หมายถึง คุณธรรม
หรือ ความดี (ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ)
เล่ย์ (利/lì) หมายถึง ผลประโยชน์ หรือ กำไร
บีหั้ง (美兴/měi xīng)
อาจแปลว่า ความงามและความเจริญ
เต็กสุ่น (德顺) ในภาษาจีนประกอบด้วย
เต็ก (德/dé) คุณธรรม หรือ ความดี
สุ่น (顺/shùn) ความราบรื่น ความสอดคล้อง
โดยรวมแล้ว ชื่อเหล่านี้มักเป็นกลยุทธ์
การตั้งชื่อธุรกิจแบบจีนที่นิยมใช้
เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล
และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
หมายเหตุ
เตารมควันยางพารา พัฒนามาจาก
เตียงเตา
ที่ภาคเหนือของจีน เกาหลี นิยมใช้กัน
ให้ความอบอุ่นในวัง/บ้านเรือนหน้าหนาว
การให้ความร้อนไล่ความชื้นแผ่นยางพารา
ทำให้ยางแผ่นรมควันแห้งสนิท
คุณภาพดีจะเก็บได้นานราว 5 ปี
จะใช้ค่อยซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ
หลอมละลายให้เหลว นำมาใช้ผลิตชิ้นงาน
ไม่ใช่การรมควันยางพาราแต่อย่างใด
ควันไม้เป็นของแถมในการรมควัน
ช่วยฆ่าเชื้อรา ไล่แมลง (แบบน้ำส้มควันไม้)
คนสร้างเตาโรงรมยางจะมีค่าวิชาสูงมาก
เทคนิคใคร เทคนิคมัน ไม่ค่อยบอกกัน
มักจะเป็นวิชาชีพเฉพาะกลุ่ม หวงกันมาก
รองลงมาคือ คนดูไฟ/ควันในเตาโรงรม
จะกะกับสายตา/ประสบการณ์
จะรู้ว่า ความร้อนในเตาเพียงพอหรือไม่
ไม่ร้อนเกินไป จนยางขาด ยางหล่น
ความร้อนไม่พอจนยางไม่สุกทั้งแผ่น
กลายเป็นยางดิบต้องตัดออกรมใหม่
หรือขายในราคาเศษยางรมไป
ทุกวันนี้มีเครื่องวัดอุณหภูมิในเตา
แต่ยังต้องอาศัยคนดูไฟในเตาประกอบ
ตำนานเรื่องราวโรงงานยางพาราแห่งหนึ่ง
จะไม่ยืนยันและระบุว่าชื่อใด อยู่ที่ไหน
เพราะหลายปีมากแล้ว ที่เลิกกิจการ
กับไม่อยากไปขึ้นศาลถ้าระบุชื่อ
ถ้าคนอ้างว่ามีส่วนได้เสียแจ้งความเอาเรื่อง
อาจจะเข้าข่ายหมื่นประมาท
เผยแพร่ข้อความเท็จทาง Online
เพราะระบบกฎหมายไทย
เป็นระบบกล่าวหา/ลงโทษ
เป็นหน้าที่ของผู้ต้องหา
ต้องดิ้นรนหาพยานหลักฐานมาสู้คดีเอง
ใครชิงลงมือก่อน ได้เปรียบกว่า
ใครแจ้งความก่อน มีชัยไปเกือบครึ่ง
การไปศาลไม่ใช่ไปสวนสนุก
เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนค่อย ๆ เลือนหายไป
เหมือนกลิ่นควันไม้โรงรมยางแผ่น
.
.
ตำนานโรงงานรมควันยางพาราร้าง
เพื่อนที่รู้จักเล่าว่า คนซิงลี่(สิงคโปร์)
ที่ฝากเงินกับธนาคารเอเชียทรัสท์(เจ๊งไปแล้ว)
เพื่อนทำงานที่ธนาคารแห่งนั้น
ก่อนเปลี่ยนเป็นธนาคารสยาม
และธนาคารกรุงไทย ในที่สุด
คนซิงลี่รักเพื่อนเหมือนลูกสาว
เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวที่ซิงลี่
แถมเธอพูดอ่านเขียนภาษาจีนได้ดีมาก
เวลาคนซิงลี่มาฝากเงินมักจะพูดคุยสนทนา
ชวนไปกินเลี้ยงถ้าเธอพอมีเวลาว่างเสมอ
แบบกึ่ง ๆ ล่ามภาษาไทยจีน
ในงานเลี้ยง/งานสนทนาไม่เป็นทางการ
ต่อมา ภายในโรงงานมีปัญหาทุจริตเช่น
การขี่ช้าง(โกง) จะเริ่มกันที่จุดแรกรับ
ยิ่งร่วมมือยิ่งกินกันได้มากทีเดียว
จุดแรกรับคือ คัดยางแผ่น
คนคัดยางแผ่นกับคนตีค่าน้ำมักจะ 2 in 1
ทำหน้าทึ่ดูแผ่นยางว่าสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน
ไม่ติดเชื้อรา ความชื้นในแผ่นยางน้อยมาก
(ไม่ผสมแป้ง/สารฟอกขาว ทำให้แผ่นยางสวย)
ถ้ามีองค์ประกอบด้อยข้อใดข้อหนึ่ง
จะคัดเป็นยางตกเกรด กดราคาซื้อลงไปอีก
ราคารับซื้อเข้าโรงงานจะต่ำลงมากทีเดียว
เพราะรมควันออกมามักจะได้เกรดยาง
ต่ำกว่ายางแผ่นรมควันชั้น 3 - 5 ลงไป
ต่อมา คือ โกงตาชั่ง ด้วยลูกตุ้ม
ลูกตุ้มพิเศษจะเบากว่าของมาตรฐาน
การแอบเหยียบที่ชั่งน้ำหนัก
ด้วยเท้าหรือกระเดื่องกลไกพิเศษ
(ยุคนั้นไม่มีตาชั่งพร้อมรถบรรทุก)
ถ้าพรรคพวกก็น้ำหนักดี มีราคา
ถ้าชาวบ้านก็น้ำหนักน้อย ด้อยราคา
จุดต่อมาคือ การตีค่าน้ำแผ่นยางพารา
ถ้าพรรคพวกจะตึค่าน้ำต่ำกว่าของชาวบ้าน
ยางแผ่นดิบที่ชาวบ้านรีดแล้วนำมาขาย
จะมีความชื้น(น้ำ)สะสมในแผ่นยาง
ในอัตราราว 5-10 % ของน้ำหนักแผ่นยาง
เพราะเมื่อผ่านกระบวนความร้อนไล่ความชื้น
ยางแผ่นที่เข้าเตาโรงรมควันยางพารา
น้ำหนักเข้า 20 ตัน ราว 20,000 กิโลกรัม
น้ำหนักออกมาหายไปเกือบ 200 กิโลกรัมก็มี
ถ้าตีค่าน้ำผิด โรงงานยิ่งขาดทุนหนักมาก
เพราะการผลิตแต่ละเตามากกว่า 20 ตันขึ้นไป
(โรงงานไม่ถึงกับขาดทุนกำไรมากนัก
ได้ชดเชยจากราคายางแผ่นรมควันที่เพิ่มขึ้น
ในอัตราหนึ่งกิโลกรัมที่ 0.50 - 2.00 บาท
แล้วแต่ฮั่งเช้งในแต่ละเวลา/สถานะการณ์
และการทำยางลูกขุน 111.1 กิโลกรัม
ยอมให้ทาแป้งผสมกับยางพารา
ผสมน้ำมันก๊าดราว 1 กิโลกรัมเศษ
ใช้กันความชื้นและเชื้อราบางชนิด
เป็นของแถม/น้ำจิ้มฟรี ๆ เกือบ 1 กิโลกรัม
1 ตัน ก็ได้เกือบ 10 กิโลกรัม
10 ตัน ก็ได้เกือบ 100 กิโลกรัม เป็นต้น
การซื้อขายยางพารา กำไรน้อย กำไรมาก
เพราะซื้อขายกันในปริมาณสูงมาก
ว่ากันเป็นจำนวนหลักพันหลักหมื่นตันขึ้นไป)
ในยุคอดีต
คนตีค่าน้ำแผ่นยางเก่ง ๆ
ค่าตัวจะสูงมาก โรงงานมักแย่งชิงตัวกัน
เพราะใช้ประสบการณ์ความชำนาญสูงมาก
ยังไม่มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ตรวจวัดความชื้น
ถ้าตีค่าน้ำเก่งจะกดราคาซื้อเข้าโรงงานได้
ผลผลิตออกมาน้ำหนักสุทธิจะแกว่งน้อยมาก
ผลของการขี่ช้างภายในโรงงาน
คือ โรงงานยิ่งทำ ยิ่งขาดทุนกำไร
แต่คนโกงยิ่งทำ ยิ่งมีรายได้สูง
คนซิงลี่กับคนไทยเลยมีปัญหากันภายใน
ทะเลาะกันกล่าวโทษกันในเรื่องกำไรหาย
ต้นทุนการผลิตสูงกว่าปกติมากกว่าโรงงานอื่น
ในที่สุด เย็นวันหนึ่งในลิ้นชักโต๊ะทำงานคนซิงลี่
มีงูเห่าขนาดเขื่องอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน
ทำให้คนซิงลี่กลัวมากต้องรีบกลับซิงลี่ไปเลย
ก่อนกลับได้บอกอำลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย
ยุคนั้นโทรศัพท์มือถือราคายังแพงมาก
Facebook Line ก็ยังไม่มี
แค่โทรศัพท์บ้านยังมีกันไม่ทั่วถึง
เรื่องนี้ ทำให้นายทุนใหญ่ที่ซิงลี่
ก็ใจเด็ดมาก สั่งปิดโรงงานทันที
เพื่อหยุดเลือดไหล หยุดขี่ช้าง หยุดขาดทุน
รอวันกลับมาฟื้นฟู เริ่มกิจการใหม่
แบบ Shane 'll come back.
.
.
วันผ่านพ้น เดือนผันผ่าน ปีเคลื่อนคล้อย
แต่โรงงานต้องทิ้งร้างจนทุกวันนึ้
พร้อมกับทิ้งปัญหาเรื่องเงินค่าเหล็กก่อสร้าง
มูลค่าราว 5 ล้านกว่าบาท ที่ยังติดหนี้อยู่
ในยุคทองบาทละสองพันกว่าบาท
ถ้าซื้อทองคำจะได้ราว 2,000 บาท
ราคาขายทองแค่บาทละ 30,000
จะได้ 60 ล้านบาท ประมาณค่าเงิน But now.
คนขายที่ปล่อยเครดิต จะรื้อเหล็กออกก็ไม่ได้
ทั้งโรงงานนี้ยังมีหนี้สินอื่น ๆ ค้างอีกมาก
แต่ไม่รู้จะเก็บกับใคร เพราะมียามที่บอกไม่รู้
เถ้าแก่ไม่อยู่ ผู้จัดการไม่อยู่
ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่อื่นไป ไปไกล ๆ
เหมือนตอนปี 40 ที่หลายคนที่ปล่อยเครดิต
โดนกันระนาว เช่น สู่โค้ยอาลัย จูนอำมหิต
สร้างออฟฟิต โอ่อ่า หรูหรา กระจกเพียบ
แต่ติดหนี้ค่าของเพียบ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
เห็นเงียบ ๆ หนี้เพียบนะจ๊ะ
คนปล่อยเครดิตจะรื้อข้าวของ
ที่ลูกหนี้ยังไม่จ่ายเงินออกมา
เพื่อหักหนี้/ลดความเสียหายไม่ได้เลย
ต้องฟ้องร้องดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นก่อน
แล้วกำกระดาษคำพิพากษาให้แน่น ๆ
จำเลยมักจะยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปแล้ว
ต้องรอสืบทรัพย์ รอฟ้องล้มละลาย
จำเลยมักจะหายหน้าหายตาไป
แล้วค่อยกลับมาเชิดหน้าชูตา
หลังจากคดีหมดอายุความแล้ว
บริษัทเจ๊ง แต่ผู้บริหารไม่เจ๊งตามไปด้วย
ตัวอย่าง เสี่ยเอก.. ที่ถูกฆ่าตายบนรถตู้
แล้วนำมาฝังศพอำพรางที่ป้าดตะลุง
มีชื่อเสียงทำแชร์ลูกโซ่ในอดีต
ก่อนหนีไปเสวยสุขที่อังกฤษ
คดีหมดอายุความก็กลับมาเจ๊าะแจ๊ะ
วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองแบบมันปาก
.
.
เรื่องปล่อยเครดิตเหล็กก่อสร้าง
ทำเอาร้านเหล็กไอ้หมี
อดีตคนขายไอศครีมตราหมี ก่อนมาขายเหล็ก
แล้วผันตัวเป็นนายทุนปล่อยกู้ เจ๊งตามไปด้วย
เพราะลูกชายอีกคนเป็นคนให้เครดิต
โรงงานยางพาราแห่งนี้มากกว่า 5 ล้านบาท
แล้วมาโม้ความเก่งที่ปล่อยเครดิตกับเพื่อน ๆ
ทั้ง ๆ ที่พ่อแกเตือนให้ระวังแล้ว
ลูกชายคนนี้มีชื่อเล่นเพื่อนตั้งให้ว่า หมี
ตามฉายาเดิมของพ่อแกว่า ไอ้หมี
รูปร่างสูงใหญ่กำยำแข็งแรง ได้ DNA จากพ่อ
สุดท้ายพ่อแกตรอมใจตายเพราะเรื่องหนี้เสีย
ต่อมาแม่ก็ตรอมใจตายตามไปอีกคน
ไอ้หมีเป็นนายทุนเงินกู้อีกราย
ที่วงการยอมรับว่า ใจถึง ใจดำ
(ภาษิตใต้ ใจดำมั่งมี ใจดึชิปหาย)
การกู้เงินในยุคก่อนมักจะตีเช็คแลกกัน
เช็คเด้งจะผิดอาญา แจ้งความตำรวจได้
รอติดคุกเว้นแต่มีเงินมาเคลียร์กัน
การปล่อยเงินกู้ในยุคนั้น
แค่หลักหมื่น หลักแสนบาท
ดอกเบี้ยหมื่นละ 7-10 บาท/วัน
(ถ้า 7 บาท 2.1% ต่อเดือน 25.55% ต่อปี)
เช่น กู้ 50,000บาท ดอกเบี้ยวันละ 35 บาท
ตกเดือนละ 1,150 บาท (คูณ 30 วัน)
แต่จะโดนหักค่าน้ำ ค่าปากถุง กันก่อน
มักจะได้รับเงินไม่เต็ม 50,000 บาท
แต่ต้องจ่ายหนี้เต็มจำนวน
ยุคนั้น เงินแพง ค่าแรงถูก ค่าครองชีพถูก
ไอ้หมีชอบพาทีมตำรวจที่ซี้กันไปจับลูกหนี้
ลูกหนี้ที่ตีเช็คเด้ง หรือไอ้หมีเข้าบัญชี
เพื่อให้ธนาคารตีเช็คเด้งออกมา
ในวันตรุษจีน วันเชงเม้ง วันสาร์ทจีน
สามวันนี้ คนเชื้อสายจีน ถือว่าเป็นวันมงคล
ไม่ทำการอัปมงคล/เรื่องเลวร้าย
เป็นวันครอบครัวตามธรรมเนียมจีน
คนในครอบครัวมักจะมาชุมนุมพบปะกัน
การจับลูกหนี้เย็นวันศุกร์เสาร์อาทิตย์
เพราะธนาคารปิดทำการ 15.30 น.
กับหยุดทำการวันเสาร์อาทิตย์
จะเบิกเงินยืมเงินมักจะไม่ทันการ
ในยุคนั้นยังไม่มีสาขาย่อยตามห้าง
ตู้ ATM ก็อีกหลายปีกว่าจะมา
ส่วนศาลเปิดทำการในวันจันทร์
ยกเว้นวันหยุดราชการจะยาวไป
จึงจะไปยื่นคำขอประกันตัวผู้ต้องหาได้
เรียกว่าติดคุกที่โรงพัก 2-3 วัน
คนถือเคล็ดมักจะบอกว่า ซวย
ตอนเย็นย่ำค่ำ
หลังจากจับตัวผู้ต้องหาคดีเช็คได้
ไอ้หมีจะพาทีมตำรวจและคนสนิท
ไปเลี้ยงฉลองชัยชนะกันในร้านอาหาร
ถ้าได้เงินคืนจากผู้ต้องหาบ้าง
ก็จะแบ่งค่าเสียเวลาตอบแทน
เลยทำให้ไอ้หมีตามหนี้ได้เร็วมาก
ตอนนี้ร้านค้าเหล็กไอ้หมีเลิกกิจการแล้ว
กลายเป็นที่รับฝากรถของลูกชายอีกคนหนึ่ง
ส่วนลูกชายชื่อเล่นว่า หมี คนก่อเรื่องนี้
หายหน้าหายตาไปจากบ้านทุ่งหาดใหญ่
ไม่เจอหน้าค่าตาหลายปีดีดักแล้ว
ไม่รู้ว่าไปหวัน(สวรรค์)ไหนแล้ว
.
.
นิยามศาสนายูดาย อิสลาม
การกินดอกเบี้ย ถือว่า เงินบาป
ไม่ควรทำ พระเจ้าสาปแช่ง
ขนาดพระเยซูยังเคยถือแส้
ไล่ฟาดคนปล่อยเงินกู้หลายคน
ที่มาออกันอยู่แถววิหารเยรูซาเล็ม
คนจีนรุ่นเก่าบางคน บางครอบครัว
มักจะอบรมสอนลูกหลานว่า
อย่าปล่อยกู้กินดอกเบี้ย
มันคือ เงินบาป เงินถูกสาปแช่ง
เงินกินเลือดกินเนื้อคนยากไร้
เวรกรรมมักตามมาในภายหลัง
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อย่าทดลอง
ขนาดนายแบ้งค์ใหญ่ ๆ ในอดีต
เจ้าสัว Yesterday ของไทย
ยังเจ๊งบ้งหมดท่าไปหลายตระกูล
กลายเป็นพวกคนเคยรวย
แถมบางคนติดคุกก็มี
ส่วนคนที่บุณย์มากล้นเกินพอ
เจ้ากรรมนายเวรยังตามไม่ทัน
เลยยังร้องเพลงป๋า Bird ได้
สบาย ๆ ถูกใจ ก็กู้(เงิน)กันไป
อย่ามาเสียดายกับเรื่องดอกเบี้ย
.
.
ภาคใต้ในอดีตมีความนิยม
ใช้ชื่อโรงงานยางพาราด้วยคำว่า เต็ก เช่น
เต็กบี้ฮั้ง เต็กเล่ย์ เต็กสุ่น เป็นต้น
คำว่า เต็ก (德) ภาษาจีนมีความหมายว่า
คุณธรรม หรือ ความดี (德/dé)
ซึ่งมักใช้ในบริบทที่เกี่ยวข้องกับ
จริยธรรมหรือความน่าเชื่อถือ
สำหรับโรงงานยางพาราในไทยที่ใช้คำว่า
เต็ก นำหน้าชื่อ เช่น เต็กเล่ย์ (德利)
เต็กบีหั้ง (德美兴) เต็กสุ่น (德顺) เป็นต้น
เต็ก (德/dé) หมายถึง คุณธรรม
หรือ ความดี (ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ)
เล่ย์ (利/lì) หมายถึง ผลประโยชน์ หรือ กำไร
บีหั้ง (美兴/měi xīng)
อาจแปลว่า ความงามและความเจริญ
เต็กสุ่น (德顺) ในภาษาจีนประกอบด้วย
เต็ก (德/dé) คุณธรรม หรือ ความดี
สุ่น (顺/shùn) ความราบรื่น ความสอดคล้อง
โดยรวมแล้ว ชื่อเหล่านี้มักเป็นกลยุทธ์
การตั้งชื่อธุรกิจแบบจีนที่นิยมใช้
เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล
และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
หมายเหตุ
เตารมควันยางพารา พัฒนามาจาก เตียงเตา
ที่ภาคเหนือของจีน เกาหลี นิยมใช้กัน
ให้ความอบอุ่นในวัง/บ้านเรือนหน้าหนาว
การให้ความร้อนไล่ความชื้นแผ่นยางพารา
ทำให้ยางแผ่นรมควันแห้งสนิท
คุณภาพดีจะเก็บได้นานราว 5 ปี
จะใช้ค่อยซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ
หลอมละลายให้เหลว นำมาใช้ผลิตชิ้นงาน
ไม่ใช่การรมควันยางพาราแต่อย่างใด
ควันไม้เป็นของแถมในการรมควัน
ช่วยฆ่าเชื้อรา ไล่แมลง (แบบน้ำส้มควันไม้)
คนสร้างเตาโรงรมยางจะมีค่าวิชาสูงมาก
เทคนิคใคร เทคนิคมัน ไม่ค่อยบอกกัน
มักจะเป็นวิชาชีพเฉพาะกลุ่ม หวงกันมาก
รองลงมาคือ คนดูไฟ/ควันในเตาโรงรม
จะกะกับสายตา/ประสบการณ์
จะรู้ว่า ความร้อนในเตาเพียงพอหรือไม่
ไม่ร้อนเกินไป จนยางขาด ยางหล่น
ความร้อนไม่พอจนยางไม่สุกทั้งแผ่น
กลายเป็นยางดิบต้องตัดออกรมใหม่
หรือขายในราคาเศษยางรมไป
ทุกวันนี้มีเครื่องวัดอุณหภูมิในเตา
แต่ยังต้องอาศัยคนดูไฟในเตาประกอบ
ตำนานเรื่องราวโรงงานยางพาราแห่งหนึ่ง
จะไม่ยืนยันและระบุว่าชื่อใด อยู่ที่ไหน
เพราะหลายปีมากแล้ว ที่เลิกกิจการ
กับไม่อยากไปขึ้นศาลถ้าระบุชื่อ
ถ้าคนอ้างว่ามีส่วนได้เสียแจ้งความเอาเรื่อง
อาจจะเข้าข่ายหมื่นประมาท
เผยแพร่ข้อความเท็จทาง Online
เพราะระบบกฎหมายไทย
เป็นระบบกล่าวหา/ลงโทษ
เป็นหน้าที่ของผู้ต้องหา
ต้องดิ้นรนหาพยานหลักฐานมาสู้คดีเอง
ใครชิงลงมือก่อน ได้เปรียบกว่า
ใครแจ้งความก่อน มีชัยไปเกือบครึ่ง
การไปศาลไม่ใช่ไปสวนสนุก
เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนค่อย ๆ เลือนหายไป
เหมือนกลิ่นควันไม้โรงรมยางแผ่น
.
.
เรื่องเดิม
.
ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ วงในยางพารา
.
.
ยางรถยนต์เรืองแสงของ GoodYear
.
.
Goodyear/ยางลัอรถยนต์ 1960
@ Getty Images
.
.
Otto Bayer สาธิต
การค้นพบ Polyurethan 1952
.