ยางรถยนต์เรืองแสงของ Goodyear




Goodyear/ยางลัอรถยนต์ 1960
@ Getty Images



Otto Bayer สาธิต
การค้นพบ Polyurethan 1952



ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 
นักเคมีชาวเยอรมันชื่อ Otto Bayer 
ได้สังเคราะห์  Organic Polymer ชนิดใหม่ที่เรียกว่า  Polyurethane
ซึ่งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
Polyurethane  มีการใช้งานกันมากมาย
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์
ที่ใช้ Polymer  ที่ยืดหยุ่น/อ่อนนุ่ม
ในการผลิตเบาะโฟมที่มีความยืดหยุ่นสูง
ทำที่นั่ง พนักพิง ที่วางแขน รวมถึงใต้หลังคา
แผงหน้าปัด ด้านในของแผงหน้าปัด
แต่ Otto Bayer ไปไกลกว่านั้นอีก
คือ  จัดแสดงรถทดลองซึ่งตัวถัง
ทำจาก Polyurethane ทั้งหมด







แต่ผู้ผลิตยางในตำนาน Goodyear
ได้หันมาผลิตสิ่งใหม่กว่าจากวัสดุใหม่
คือ ยางรถยนต์เรืองแสง Polyurethane

ยางรถยนต์รุ่นนี้แตกต่างจากยางล้อแบบเดิม
ที่มีเส้นลวด+เส้นด้ายเหนียวถักทอกัน
ก่อนเทน้ำยางเหลวเข้าไปผสานให้ติดกัน
นำเข้าเครื่องจักรปั้มขึ้นเป็นล้อพร้อมกับดอกยาง
ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่ยาวนาน
ต้องใช้ความร้อน และต้องใช้เวลานาน


แต่การผลิตยางรถยนต์จาก Polyurethane
Goodyear ทำได้ง่ายกว่าเดิมมากเลย  
เพราะเพียงแค่ผสมสารเคมี Polyurethane
เข้าด้วยกัน แล้วเทลงในแม่พิมพ์สำเร็จรูป
เทสีย้อมที่มีถึง 16 เฉดสีเป็นส่วนผสมจำนวนเล็กน้อย
ก่อนจะนำไปอบในเตาอบให้แห้ง/แข็งตัว




ยางรถยนต์เรืองแสงของ Goodyear
ผู้หญิงคนหนึ่งปรับถุงน่องของเธอ
โดยใช้แสงที่ปล่อยออกมาจากยางรถยนต์
Neothane Goodyear ในคืนเดือนตุลาคม 1961

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

CAR TYRES | How It's Made



การมีเฉดสี 16 สีสามารถจับคู่กับสีรถยนต์
และยังอาจจะเข้ากับชุดของสตรี/ภรรยาด้วย

“ สักวันหนึ่งภรรยาอาจบอกสามีว่า
Charlie ช่วยไปเปลี่ยนยางรถยนต์ด้วย
คืนนี้ ฉันจะใส่ชุดสีน้ำเงิน”
John J. Hartz  ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา Goodyear
กล่าวเมื่อปี 1962


เท่านั้นยังไม่พอเพราะ Goodyear 
ได้ตั้งชื่อยางล้อรถยนต์รุ่นนี้ว่า Neothane
มีเอกลักษณ์ คือ ความสามารถในการส่งผ่านแสง
และยังได้ติดตั้งหลอดไฟเล็ก ๆ 18 หลอดไว้ภายใน
ทำให้เกิดแสงที่สดใสในเวลากลางคืน
โดยหวังว่า ยางล้อรถยนต์ที่มีไฟส่องสว่าง
จะทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
เมื่อมีหมอกหรือสีสันล้อยางรถยนต์
จะทำงานเป็นสัญญาณไฟเลี้ยวและไฟเบรก


ทาง Goodyear วาดฝันในอนาคต
ในการแถลงข่าวในปี 1961
ทั้งยังได้ทำนายยุคใหม่ของรถยนต์ที่ทันสมัย
“  เมื่อยางล้อรถยนต์ออกสู่ท้องตลาด
และอาจเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่ปี
การออกแบบรถยนต์จะใช้ล้อยางเหล่านี้
ที่มีสีตัวถังรถยนต์จับคู่กับสียางล้อรถยนต์
และเป็นไปได้มากเลย
ที่คนสวยจะต้องการยางล้อรถยนต์
ที่ช่วยเสริมแต่งสี เสื้อผ้า สีเส้นผม
หรือแม้แต่ดวงตาของเธอคนสวย

ลองนึกภาพว่า ถ้าคุณสามารถทำให้
ผู้หญิงคนหนึ่งบอกกับอีกคนหนึ่งว่า
แต่ยางล้อรถยนต์สีเขียวของแฟนฉัน
ไม่ได้ทำอะไรกับสึผิว/สีเสื้อผ้าของคุณ 
(ยุคนั้น ยังไม่มีประเด็นการเหยียดสีผิว
การแต่งตัวไม่สอดคล้องกัน แบบกาคาบพริก)
เมื่อถึงวันนั้นจะหมายถึงพรมแดนใหม่
สำหรับนักออกแบบยางลัอรถยนต์
(ที่ต้องพัฒนาสีสันแปลก ๆ ใหม่ ๆ)"



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Golden Sahara II by Jim Street



โชคดีหรือน่าเสียดาย
ที่ยางล้อรถยนต์รุ่นนี้ไปไม่ถึงดวงดาว
เพราะผลการทดสอบในสนามรถยนต์จริง ๆ
ยางล้อรถยนต์  Neothane ทำงานไม่ดีเลย
ในสภาพอากาศที่เปียกแฉะ 
ยิ่งถ้าวิ่งเกิน 100 กม/ชม
และหลอมละลายได้ถ้าเบรคอย่างแรง ๆ


คนขับรถยนต์คันอื่น ๆ ที่ตามมาและพบว่า
พวกเขาเสียสมาธิในการขับรถยนต์
นิตยสาร Life รายงานว่า
“ ผู้ขับขี่รถยนต์ต่างหลงใหลในสีสันที่สวยงาม
ของยางลัอรถยนต์รุ่นนี้มาก
จนต้องฝ่าไฟแดงหรือหยุดจ้องมองดู ”
ในที่สุด Goodyear ก็ตระหนักดีว่า
การผลิตยางล้อรถยนต์  Neothane
ในเชิงพาณิชย์ จะมีราคาแพงเกินไป
และแล้วแนวคิดดังกล่าวก็มอดดับลง


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Unveiling the restored Golden Sahara II
ในปี 1958 ที่ได้รับการบูรณะ พร้อมกับยาง
 Neothane เรืองแสงของ Goodyear




เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/3hDL9L0
https://bit.ly/2QA6DgX
https://bit.ly/3v4c1YC
https://bit.ly/2RpcqXb













เรื่องเล่าไร้สาระ


ยางล้อรถยนต์ ยางลัอเครื่องบิน
ยังมีส่วนผสมยางพาราจากธรรมชาติ
มากกว่าส่วนผสมยางเทียมจากปิโตรเลียม
เพราะต้นทุนผลิตโดยรวมถูกกว่ามาก
ส่วนค่าความยืดหยุ่น ความทนถึก ความเหนียว
ในการผลิตยางลัออยู่ที่ใส่สารเคมีบางตัว
ซึ่งเป็นความลับทางการค้าของผู้ผลิต
ยังไง ๆ ก็ยังถูกกว่าใช้ยางเทียม
ที่ผลิตส่งมาสำเร็จรูปให้ใช้ได้เลย
แม้ว่ายางเทียมบางตัวดีกว่ายางธรรมชาติ
แต่เพราะเป็นการใช้ต้นทุนจม/งานวิจัยเดิม
แทนการไปซื้อของใหม่ ทำการผลิตแบบใหม่
เพราะการผลิตยางล้อรถยนต์ เครื่องบิน
แทบจะไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ มาแทนที่เลย
เพราะยางรถยนต์ในทัองตลาด
ขายถูกขายได้มากมีคนซื้อประจำ
ขายแพงขายได้น้อยตัองรอคนมาซื้อ


ราคายางพาราในไทยขึ้นกับ
ปริมาณรถยนต์ที่ซื้อขายกันรอบโลก
ถ้าคนใช้รถยนต์มากในปีไหน
ราคายางพาราในไทยก็จะสูงขึ้น
เพราะยางรถยนต์ใช้ไปหมดไป
นำมา Recycle Reuse Reproduct
คิดต้นทุนรวมแทบจะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย
เพราะเสียเวลาคัดแยกเศษโลหะ เศษด้าย
เว้นแต่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ
คำสัมภาษณ์ผู้ส่งออกยางพารา


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Wasteless Tyre Recycle 3 tons/hour



ในไทยส่งออกยางพาราในรูปวัตถุดิบ
มากกว่าการแปรรูปอุตสาหกรรม
เพราะเกี่ยวกับต้นทุนการผลิต ราคาขาย
Brand Name สินค้า และการทำตลาด


ยางพาราทึ่ส่งออกมีทั้งน้ำยางพารา
ใช้ผลิตถุงมือยางแพทย์ ของใช้ทางการแพทย์
สินค้านึ้ดีอย่างเพิ่ม Supply ทางอ้อม
เพราะใช้เสร็จมักจะต้องทำลายด้วยการเผาทิ้ง
ไม่ค่อยมีคนกล้านำมา Reuse Recycle อีกครั้ง


ยางแผ่นรมควัน แต่ละก้อนที่ส่งออก
ถ้าเป็นยางแผ่นรมควัน ยางก้อนลูกขุน
ตอนนี้ใช้เครื่องจักรอัดบีบเป็นก้อน
แต่ก่อนต้องใช้แรงคนผสมเครื่องบีบรัด
ขนาดนิยมส่งออกมีน้ำหนักมาตรฐานคือ
111.11 กิโลกรัม +/- ไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม
1 กิโลกรัมหลังคือ แป้ง+น้ำยาง+น้ำมันก๊าด
ทารอบยางก้อนลูกขุน กันชื้น กันติด กันรา
การทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ


คนนอกวงการที่ไม่รู้เรื่อง/มโนเอาเอง
มักจะคิดว่าเป็นการฉ้อโกงน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
ชอบซี้ซั้วพูดว่าเอาแป้งมาผสมกับยางพารา
เพื่อเพิ่มน้ำหนักยางแผ่นก็มี  แบบคนโง่ขึ้โม้


แต่นึ่เป็นวิธีปฏิบัติทางการค้า
ทำกันมานานนับร้อยปีแล้ว
เป็นการถนอมรักษายางแผ่นรมควันด้านใน
การทำแบบนี้จะช่วยรักษาคุณภาพยาง
ในเวลาส่งออกและสามารถเก็บไว้ในโกดัง
เพื่อรอการผลิตได้นานถึง 5 ปี
เวลาจะใช้ก็นำเข้าเครื่องจักรสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น
แล้วนำมาหลอมละลาย ผสมสารเคมี
เข้ากระบวนผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแบบเก่า
ทึ่ใช้ยางแผ่นรมควันเป็นสารตั้งต้นการผลิต


เรื่องแปลกแต่จริง ยางพาราจะแพ้ทางแป้ง
ยางวง ถุงมือยาง แฮนด์จับรถ
ถ้าเริ่มหนืด ๆ ติดมือ ให้นำแป้งมาโรย
ไม่จำกัดว่าแป้งโรยตัว แป้งทำอาหาร
นำมาถูถู สักพักก็ใช้งานได้ดังเดิม
เวลาเก็บพวกสินค้าทำจากยางพารา
ให้โรยแป้งลงไปด้วย จะเก็บได้นาน

ถ้าซื้อของใช้ทำจากยางพารา
มักจะมีคราบฝุ่นขาว ๆ ปะปนอยู่ ล้างออกได้
มันคือ แป้ง มันคือ แป้ง

แต่จริง ๆ คือ แป้งทัลคัม (Talcum Powder)
ละเอียด ลื่นไหลดี ขาวเหมือนแป้ง

ขัอมูลเพิ่มเติม

@ ยางแผ่นรมควัน RSS

@ ยางแผ่นรมควัน มาตรฐาน GMP



ยางแผ่นรมควันถูกใช้อย่างแพร่หลาย
ในหลากหลายอุตสาหกรรม
โดยแตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไข
ความบริสุทธิ์และความยืดหยุ่นของยาง
โดยแบ่งออกเป็น 5 เกรด ตั้งแต่ RSS 1 ถึง RSS 5
ความแตกต่างของยางแผ่นแต่ละเกรด
ได้มาจากคุณสมบัติของน้ำยาง
ที่นำมาผลิตเป็นยางแผ่นดิบ

ยางแผ่นที่ผ่านการคัดสรร/รมควันแปรรูป
ภายใต้เงื่อนไขเวลาและอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
เพื่อเป็นการรับรองว่า ยางแผ่นรมควัน
ที่ได้ออกมาจะมีมาตรฐานที่ดี
ไม่มีข้อบกพร่องทึ่ทางผู้ซื้อจะปฏิเสธได้

การแบ่งเกรดยางแผ่น หลัก ๆ
จะใช้การจำแนกด้วย สายตา
จึงอาจมีความเป็นไปได้ที่ผลิตภัณฑ์
อาจมีมาตรฐานที่แตกต่าง
จากหลักเกณฑ์ที่วางเอาไว้บ้าง
จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมาก
ต่อการจัดฝึกอบรมพนักงาน
ที่ทำหน้าที่คัดเกรดอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อเป็นการการันตีว่ามาตรฐานยางแผ่น
ให้มีมาตรฐานอันเดียวกัน

คุณภาพ

RSS 1, RSS 2, RSS 3, RSS 4, RSS 5

บรรจุภัณฑ์

ปริมาณ 30 ก.ก. 33.33 ก.ก. 35 ก.ก. 
บรรจุในถุงโพลีเอตเทอร์ลีน
บนพาลเล็ตไม้ /ลูสเบลล์
หรือ 60 ก.ก. 90 ก.ก. 111.11 ก.ก. 
ห่อและทาเคลือบด้วยแป้ง (ยางลูกขุน)
Cr ยางแผ่นรมควัน RSS





@ ไทยรัฐ


ยางแผ่นที่ชาวบ้านนำมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
เก็บในที่ร่มได้ราว 7-14 วัน แต่มักจะรีบขายกัน
ยิ่งไว้นาน อากาศยิ่งร้อน จะไล่ความชื้นแผ่นยาง
น้ำหนักโดยรวมของยางแผ่นจะลดลง
กับเสี่ยงต่อ เชื้อราบนยางแผ่น
เพราะราคาซื้อขายคิดตามน้ำหนักยางแผ่น
ความสะอาด ไร้เชื้อรา ความชื้นน้อย
กอปรกับร้อนเบี้ย(เฮิน/เงิน)กันส่วนใหญ่
มักจะรีบขายให้กับพ่อค้าคนกลาง
ที่รวบรวมส่งโรงงานรมควันยางพารา

บางคนไม่รู้/มองจากที่ไกล  ๆ
มักจะคิดเอง/บอกเองว่า  บ้านนี้ลูกดกจัง
เพราะคิดว่าตากผ้าอ้อมลูกน้อย



แต่ปัจจุบันชาวสวนแปลงย่อย
มักจะกรีดยางพาราขายเป็นน้ำยางสด
เพราะขายเสร็จหยบเริน(กลับบ้าน)เลย
ไม่ต้องเสียเวลาทำยางแผ่น
มีพ่อค้าเร่มารับซื้อตามจุดต่าง ๆ
หรือขนไปขายทึ่กลุ่มยางพาราของชาวบ้าน

แต่สวนแปลงใหญ่มักจะทำยางแผ่น
เพราะมีอุปกรณ์เครื่องจักรทึ่ทันสมัย
ราคา/กิโลกรัม จะสูงกว่าการขายน้ำยางสด
ราคามักจะแกว่งอยู่ทึ่ราว 1 บาทขึ้นไป
คิดเป็นปริมาณขายจะได้เงินมากกว่า



ธุรกิจยางพารา คือ หลักการคอมมิวนิสต์
มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมกัน ร่วมกันแบ่งปัน
อัตราส่วนแบ่งเจ้าของ/คนกรีด 6/4 5/5
ราคายางพาราจะถูกจะแพงก็แบ่งกันตามนี้
ยิ่งสวนแปลงใหญ่ ๆ ต้องมีกงสี(บ้านพักคนงาน)
โรงเรือนทำยางแผ่น ไฟฟ้า น้ำ ให้คนงาน
จ่ายค่าปุ๋ย ค่าน้ำกรดทำยางแผ่น ฯลฯ
หรือ คนกรีดยางบางคนมาแบบมือเปล่า
ทุกอย่างเจ้าของต้องจัดหาให้
จนเป็นคำด่าคำเหยียดบางคนว่า
มาแต่ดo คือ ม่ายไหร (ไม่มีอะไรเลย)

ธุรกิจปาล์มน้ำมัน คือ หลักการทุนนิยม
ค่าตัด ค่าแทงใบ ค่าขนส่งไปโรงงาน
คิดเหมากันเป็นกิโลกรัม ตั้งแต่ 0.5-1.50 บาท
แล้วแต่ขนาดพื้นที่สวน/ระยะทางขนส่ง
ราคาปาล์มจะขึ้นจะลงไม่เกี่ยว
เจ้าของตัองจ่ายเงินให้คนตัด
คิดตามน้ำหนักปาล์ม
แถมไม่ตัองมีกงสึ จ่ายแต่ ค่าปุ๋ย ค่าแรงลงปุ๋ย
ค่าตัดหญ้าบ้าง ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด





ยางแผ่นรมควัน เกรดชั้นหนึ่ง




ยางลูกขุน ทาแป้งโดยรอบแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่