ปัจจุบัน ในช่วง 1 ตุลาคม 2567 – กลางเดือนกรกฎาคม 2568 ใน กรุงเทพฯ มีดำเนินคดีกับผู้ขอทานทั้งหมด 221 ราย ซึ่งเป็นคนไทย 150 ราย และต่างด้าว 70 ราย โดย “ต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา” ประมาณ 90%
วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์สถานการณ์ขอทานในปัจจุบันช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลงหรือไม่ ว่า ในช่วง 1 ตุลาคม 2567 ปีที่แล้ว จนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับขอทาน 221 ราย เป็นรายเดิมเกือบ 100 ราย เป็นขอทานคนไทย 150 ราย และต่างด้าว 70 ราย ซึ่งต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชาถึง 90% แต่ตอนนี้ตัวเลขหลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่ามีตัวเลขลดลง ซึ่ง พม. เรามีมาตรการในการที่จะดำเนินคดีกับขอทาน และมักได้ยินพี่น้องประชาชนถามอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่ขอทานจะหมดไป วันนี้ด้วยกฎหมายที่กระทรวง พม. มีอยู่ในมือหรือตำรวจมีการปรับ จำคุก กักขัง ต่าง ๆ เหล่านี้ ด้วยเป็นกฎหมายค่อนข้างเก่าและใช้มานานแล้วจำนวนโทษปรับจึงน้อยกว่ารายได้ที่ทำการขอทานมาได้ ฉะนั้น วิธีที่ยั่งยืนที่สุดและด้วยกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือ ขอให้หยุดการให้ทาน ถ้าอยากบริจาคเงินหรืออยากทำบุญให้มาทำบุญกับกองทุนของกระทรวง พม.ได้ โดยเราจะนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอีกมากมายที่ประสบปัญหาเดือดร้อน ทั้งปัญหาอุทกภัย หรือในพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้ง ซึ่ง
ขอฝากไว้ว่าหยุดการให้เงินขอทาน เพราะถ้าไม่มีรายได้ก็จะไม่มีการขอทาน ตราบใดที่ยังมีคนให้เงิน
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/99422
สัดส่วนขอทาน "ต่างด้าว" ที่พบมากที่สุด
ในกลุ่มขอทานต่างด้าว (ประมาณ 30-40% ของทั้งหมด) สามารถเรียงลำดับสัญชาติที่พบมากที่สุดได้ดังนี้
อันดับ 1. กัมพูชา
เป็นกลุ่มที่พบมากที่สุดมาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่มักมาในลักษณะของ "การค้ามนุษย์" คือมีขบวนการนำพาเข้ามา บังคับให้ขอทานตามเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว มักพบเห็นเป็นแม่และเด็ก หรือเด็กที่มากันเป็นกลุ่ม
อันดับ 2. เมียนมา
เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่พบได้บ่อย มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มจากกัมพูชา
อันดับ 3. จีน (กลุ่มใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ)
ในช่วงปี 2566 มีการจับกุมขอทานชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีลักษณะเป็น "ขบวนการ" ที่ชัดเจน โดยบุคคลเหล่านี้มักมีลักษณะใบหน้าผิดรูปจากอุบัติเหตุ (ซึ่งบางกรณีอาจเป็นการจงใจทำให้เสียโฉม) เดินทางเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวแล้วมานั่งขอทานตามย่านธุรกิจ เช่น สยาม, อโศก, พระราม 9 มีรายได้สูงถึงวันละหลายพันบาท และมีเครือข่ายคอยรับส่ง
มีเหตุอันควรกังวล ปีที่แล้ว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (MSDHS) รายงานว่าประเทศไทยมีขอทานประมาณ 3,221 คน อย่างไรก็ตาม มูลนิธิมิเรอร์ ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ประเมินว่าจำนวนขอทานน่าจะสูงกว่านี้มาก คือมากกว่า 6,000 คน และการว่างงานเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวของการขอทาน การค้ามนุษย์แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับปัญหานี้ เมื่อสองปีก่อน รายงานการค้ามนุษย์ประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา จัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเทียร์ 3 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมองว่าล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำในการเฝ้าระวังและปราบปรามการค้ามนุษย์ ปัญหาอยู่ที่สภาพแรงงานในอุตสาหกรรมประมงและการค้าประเวณีในท้องถิ่น แต่รายงานยังระบุถึงปัญหาการบังคับเด็กขอทานที่ยังคงดำเนินอยู่
มูลนิธิกระจกเงาประมาณการว่าปัจจุบันมีเด็กขอทานมากกว่า 1,000 คนในต่างจังหวัดและแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยมากถึง 500 คนในจำนวนนี้อยู่ในกรุงเทพฯ มีรายงานว่าประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวกัมพูชา ซึ่งหลายคนถูกจับกุมและส่งตัวกลับบ้านก่อนจะกลับประเทศไทยในภายหลัง ด้วยโอกาสทางเศรษฐกิจที่จำกัดในประเทศบ้านเกิด พวกเขาจึงแทบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการกลับมาขอทานครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมูลนิธิกระจกเงาอ้างว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระบวนการนี้ได้รับการอำนวยความสะดวกโดยแก๊งค้ามนุษย์ข้ามพรมแดนที่มีการจัดการอย่างดี เมื่อเห็นผู้หญิงอุ้มเด็กเล็กขอทานบนทางเท้า ชาวกรุงเทพฯ หลายคนคิดมานานแล้วว่าอย่างน้อยก็มีเด็กบางส่วนเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ความจริงอาจเลวร้ายกว่านั้น นั่นคือ แม่และเด็กถูกค้ามนุษย์ด้วยกัน
ข้อมูลจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)
Mirror Foundation
รายงานในอดีตว่า มี
เด็กขอทานกว่า 1,000 คนต่อวัน ในประเทศไทย โดย ราว 80–90% เป็นชาวกัมพูชา
อีกรายงานระบุว่าสมมติว่า ขอทานทั้งหมดในไทยมีประมาณ 3,000–6,000 คน และกว่า 80% เ
ป็นเด็กขอทานชาวกัมพูชา
เครดิตภาพ https://prachataienglish.com
จำนวนขอทานเขมร ในประเทศไทย เรื่องการค้าแรงงานเด็ก สะท้อนเศรษฐกิจ สังคม
วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์สถานการณ์ขอทานในปัจจุบันช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลงหรือไม่ ว่า ในช่วง 1 ตุลาคม 2567 ปีที่แล้ว จนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับขอทาน 221 ราย เป็นรายเดิมเกือบ 100 ราย เป็นขอทานคนไทย 150 ราย และต่างด้าว 70 ราย ซึ่งต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชาถึง 90% แต่ตอนนี้ตัวเลขหลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่ามีตัวเลขลดลง ซึ่ง พม. เรามีมาตรการในการที่จะดำเนินคดีกับขอทาน และมักได้ยินพี่น้องประชาชนถามอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่ขอทานจะหมดไป วันนี้ด้วยกฎหมายที่กระทรวง พม. มีอยู่ในมือหรือตำรวจมีการปรับ จำคุก กักขัง ต่าง ๆ เหล่านี้ ด้วยเป็นกฎหมายค่อนข้างเก่าและใช้มานานแล้วจำนวนโทษปรับจึงน้อยกว่ารายได้ที่ทำการขอทานมาได้ ฉะนั้น วิธีที่ยั่งยืนที่สุดและด้วยกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือ ขอให้หยุดการให้ทาน ถ้าอยากบริจาคเงินหรืออยากทำบุญให้มาทำบุญกับกองทุนของกระทรวง พม.ได้ โดยเราจะนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอีกมากมายที่ประสบปัญหาเดือดร้อน ทั้งปัญหาอุทกภัย หรือในพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งขอฝากไว้ว่าหยุดการให้เงินขอทาน เพราะถ้าไม่มีรายได้ก็จะไม่มีการขอทาน ตราบใดที่ยังมีคนให้เงิน
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/99422
ข้อมูลจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)
Mirror Foundation รายงานในอดีตว่า มี เด็กขอทานกว่า 1,000 คนต่อวัน ในประเทศไทย โดย ราว 80–90% เป็นชาวกัมพูชา
อีกรายงานระบุว่าสมมติว่า ขอทานทั้งหมดในไทยมีประมาณ 3,000–6,000 คน และกว่า 80% เป็นเด็กขอทานชาวกัมพูชา