ไม่ได้แช่งนะ แต่เชื่อเหอะ เดี๋ยวก็เลิกกัน!!!
https://pantip.com/topic/32108707
.
ขอตัดวรรคสุดท้ายของบทความมาครับ เขียนไว้ดังนี้ ...................... ในบทนี้ผมจึงขอใช้ตัวอักษรเหล่านี้ผมเขียนถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอ ... ผมชอบเธอตรงไหน? รักเธอหรือเปล่า? และ ผมจะเก็บข้อความเหล่านี้ไว้ให้ลูกอ่าน ... เอาไว้ให้ลูกมันดูว่าพ่อมันบอกรักแม่มันได้เชยขนาดไหน
.
กระทู้นี้อาจจะเป็นกระทู้ จีบสาว หรือ อาจจะเป็นกระทู้บอกรักภรรยา ผมก็ไม่แน่ใจ ผมเขียนไว้มันนานมากเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่ลูกคนแรกผมพึ่งเกิด นานจนลืมว่าอะไรยังไง ..... แต่ ในบทความผมทิ้งท้ายว่าจะให้ลูกอ่าน ..... และแล้ววันนี้ก็มาถึง .... ผมนำกระทู้นี้ที่เขียนไว้เมือ 11 ปีก่อน ให้ลูกสาวในวัย 12 ปี อ่าน ... 55555555555555+
.
.
.
ท้าวความ คัดลอกมาจากบทความเก่า เนื้อหาข้อความมีดังนี้ครับ
.
.
.
ณ ร้านร่ำเมรัยแห่งหนึ่งริมชายหาด ... ผมกำลังนั่งมองฟองเบียร์ที่กำลังเอ่อล้นออกจากแก้วที่เพื่อนพึ่งรินเพิ่มให้ เสียงคลื่นซัดหาดเบาๆ ลมพัดเอื่อยๆ ผมเงยหน้าขึ้นกล่าวกับเพื่อนร่วมโต๊ะว่า
“กรูชอบน้องที่เรียน ป.โท ด้วยกันว่ะ น้องเค้าน่ารักดี”
“พูดถึงอีกล่ะ ... แต่น้องเค้ามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ได้แช่งนะ แต่เชื่อกรูเหอะ เดี๋ยวก็เลิกกัน!!!”
“เหรอออออ ... ไม่ได้แช่งเลยเนอะ”
ผมแอบชอบน้องที่เรียนปริญญาโทด้วยกันแต่อยู่ต่างสาขาคนหนึ่ง ... อืมมมม เรียกว่าชอบก็อาจจะไม่ถูกนัก เอาเป็นว่า
“แอบปลื้ม” จะดีกว่า เพราะ น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้ว เราก็ไม่ได้กะจะไปแย่งชิงเขามาอะไรเทือกนั้นอยู่แล้ว ...
ก็เลยได้แต่อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ (หล่อโคตร)
เธอนั้นมีแฟนแล้วแต่ดูเหมือนว่าพึ่งคบกันได้ไม่นานและความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่นเท่าใด(แอบไปสืบมา) ตอนผมรู้จักกับน้องเค้าแรกๆน้องเค้าเชิญผมไปงานเลี้ยงวันเกิดเค้า ใจจริงผมก็ไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก แต่วันนั้นพอดีผมมีนัดกับเพื่อนแถวนั้นพอดี เลยแวะไปซะหน่อย ไปส่งของขวัญให้และไปสังเกตการณ์แฟนน้องเขาสักนิด(เอ๊ะ ไหนเมื่อกี้บอกไม่อยากไป) ... นี่ไงคนนี้ล่ะแฟนเขา ... ให้ตายสิพับผ่า!! คนละขั้วกับผมเลย เขาดูดี ออกแนวเนี๊ยบๆ หน้าที่การงานก็เป็นระดับผู้จัดการใหญ่โต เง้อออออออออออออออ!!!
ในระหว่างที่เราภาวนารอให้เธอกับเขาเลิกกัน เรามาทำความรู้จักกับผมกันก่อน ... อันตัวผมนี้ ก็ เป็นชายหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่ง สูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ หน้าตาบ้านๆ ดั้งแหมบๆ ผิวคล้ำๆดำๆแดงๆ หุ่นก็ท้วมนิดๆ แต่พูดแล้วจะหาว่าคุยอย่าว่างี้งั้นโง้นเลยนะครับ ถึงจะแลดูดิบเถื่อนแต่เคยมีแฟนนะครับขอบอก (น่าดีใจมากเลยเนอะว่ามั้ย 555555+) แต่ตอนนั้นโสดสนิท ผมเรียนปริญญาตรีเรียนวิศวฯ แต่กว่าจะจบได้ก็เองมาแบบลุ่มๆดอนๆ ไถข้างคูออกมา ตอนนั้นมีหน้าที่การงานก็เป็นพนักงานขายของ (Sales Engineer)ให้ธุรกิจเล็กๆของครอบครัว ทำงานได้สักพักก็สมัครเรียนต่อ ป.โท บริหาร ภาควันเสาร์-อาทิตย์ และ แล้วผมก็มาเจอเธอ ...
เธอเรียนอยู่คนละสาขาแต่ในช่วงแรกๆได้เรียนร่วมกันบ้างแต่ก็ไม่เคยคุยกัน แต่เรื่องบังเอิญคือเพื่อนผมสมัยเรียนวิศวฯดันมาเรียนพร้อมกับผมและไปรู้จักมักคุ้นกับพี่คนหนึ่งในสาขาของน้องเขา ... คนกันเองทั้งนั้นเพื่อนผมไปเสนอหน้าที่สาขาของพี่เขาผมก็ไปกับมันด้วย เลยได้รู้จักน้องเค้า ปลื้มนะแต่ก็ไม่ได้จีบนะ เพราะ น้องเขามีแฟนอยู่แล้ว เขาก็เห็นเราเป็นพี่ชายร่วมก๊วนธรรมดาๆ ... เราเริ่มจากความสัมพันธ์แบบเพื่อน
ผมปลื้มเธอตรงไหน?
น่ารัก นิสัยดี พูดจาดี และที่สำคัญเธอออกงานสังสรรค์เป็น ... สังสรรค์เป็น? สังสรรค์เป็นคืออะไร เช่น ถ้าเราไปทานข้าวตามต่อด้วยแฮงค์เอ้าท์ยกก๊วนๆด้วยกัน แต่เธอก็ยังวางตัวดี สนุกสนาน ไม่ใช่ไม่ดื่มแต่ดื่มนิดๆแบบเนียนๆพอประมาณไม่เมามาย เต้นนิดนิดพอเป็นกระษัย ขยับเอวน้อยๆพอเป็นพิธี อะไรประมาณนี้ (ทำเป็นเล่นไปนะคุณ ผู้หญิงที่ออกสังสรรค์เป็น วางตัวดีแบบนี้มีเสน่ห์นะครับ เชื่อผม!!) ... ฮึ ส่วนผมนะรึ ต้องของตัวเองเป็นที่ สเต็ปมาเต็มต้องขอพื้นที่สักสามวาในการออกท่า … Let's Go To The Party!!!!!
สาวตาโต ผมยาว ปากนิดจมูกหน่อย เหมือนคนในรูปนี้เลย!!!! (ก็แน่ล่ะ นี่มันรูปน้องเค้า แอบไปเซฟมาจาก FB)
ผ่านไปนานจนลืมว่านานขนาดไหน แต่ละครั้งที่เจอใจเธอมันสั่นเร้าระรัว มันคันหัวใจยากที่จะเกา แต่แล้ว ฟ้าก็รับคำอ้อนวอนจากผม ... ข่าวล่ามาเร็วแจ้งผมว่า น้องเค้าเลิกกับแฟนแล้ว!!!
ทะเลาะอะไรกันก็ไม่รู้ไม่ได้ถามต่อ รู้แต่ว่าเลิกกันแล้วแต่แฟนเก่าพยายามตามง้อกันอยู่ ...
เฮ้ยยย ฮัดช้า!!!!! ไม่ชิงจังหวะตอนนี้แล้วจะรอตอนไหน เพราะ ตอนนี้เธอกำลังต้องการพี่ชายที่แสนดีที่จะคอยปลอบโยนเธออยู่!!!
ผมได้เปรียบนิดนึงตรงที่ว่า ความสัมพันธ์ผมกับน้องคนนี้ดำเนินมาแบบเพื่อน กินเที่ยวเฮฮาตามประสา เราก็เลยคุยกันรู้เรื่องถูกคอในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ผมจึงค่อยๆรุกคืบเข้าไปในจิตใจน้อง จะจีบสาวทั้งทีต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อน ผมรอคอยเวลาที่เหมาะสมค่อยๆแย็บไปเรื่อยๆ ไม่อยากบุ่มบ่ามมาก เดี๋ยวจะดริ๊ฟหน้าแหกเอาง่ายๆ ... ที่สำคัญผมไม่รู้ว่ามีคนมาขายขนมจีบน้องเค้าเยอะหรือเปล่าในตอนนั้น แต่ผมว่าน่าจะมีและเดาว่าน่าจะมีหลายคน!!!
ผมไม่ได้เปิดฉากจีบด้วยการได้โทรเข้าไปคุยตรงๆ กลัวว่าจะเงิบตั้งแต่ออกตัว เลยจีบอ้อมๆหน่อย ... ผมไปตามสืบว่าน้องจะไปไหนบ้าง อาศัยไปดักเจอบ่อยๆ ใช้มุขประมาณว่า
“บังเอิญจังเลยเนอะ” แล้วก็ใช้พลังภายในให้พี่ๆที่เรียน ป.โท ในสาขาของน้องเขาจัดสังสรรค์บ่อยๆ เราจะได้ไปเสนอหน้า แล้วส่งสายตาปิ้งๆๆๆๆ จนน้องเขาเริ่มรู้ตัวและบอกผมว่า
“ช่วงนี้เจอกันบ่อยนะคะ” แล้วก็ยิ้มๆ ... นั่นไงๆๆๆ แหล่ววววววๆๆๆๆ เธอไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจหรือรำคาญแบบนี้แสดงว่า .... การปฏิบัติตามแผนได้ผล!!!! ... หลังจากนั้นก็เริ่มโทรหาครับคุยกันสัพเพเหระ คุยกันนานขึ้นเรื่อยๆ ส่ง SMS หาบ้าง ฝากขนมต่อๆไปบ้าง ...
วันนั้นผมและเธอเรียนเลิกเร็ว ผมเลยชวนเธอไปทานข้าวห้างสรรพสินค้าใกล้ๆมหาวิทยาลัย ถ้าเธอตอบรับจะเป็นการเดทด้วยกันสองคนครั้งแรก ...
เธอตอบตกลง!!!!
เดทครั้งแรกแบบนี้เธอไม่เลือกร้านครับว่าเธอจะกินอะไร สงสัยอยากจะเห็นทักษะความเป็นผู้นำของผม ได้ครับ จัดให้!!! ...
ผมพาเธอไปร้านพิซซ่า!!!! … ผมถามว่าอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย?
“พี่สั่งเลยค่ะ” สงสัยอยากจะเห็นทักษะความเป็นผู้นำของผมเพิ่มเติม ได้ครับ จัดให้!!! ผมสั่งชุดใหญ่ พิซซ่าฮาวาเอี้ยนแป้งถาดกลางหนานุ่ม เบรดสติ๊ก ไก่บาร์บีคิว ปิดด้วยสลัดซิกเนเจอร์ด้วย ผมจัดแจงเสร็จสรรพ เป็นไงเรียบร้อย ... สรุป เธอและไม่ค่อยทานเลย เห็นตักสลัดไปนิดนึงกับเบรดสติ๊กอันสองอัน!!!!
เอาแล้วไงกรูงานเข้าแล้ว!!! เดทแรกก็หงอยซะแล้ว!!! ทำไมเธอไม่ทานเลยล่ะ? ไม่สนุกเหรอ? เบื่อเรา? รู้มั้ยครับว่าทำไม? สาวเอวบางร่างน้อย รักษาหุ่น แต่ผมพามาจัดหนักร้านพิซซ่า!!! ยังดีนะที่ไม่คึกพาไปเดทแรกร้านหมูกระทะ ไม่งั้นคงได้งามไส้กว่านี้แน่ 5555+
ผมเป็นคนอัธยาศัยดี พูดง่ายๆว่าขี้โม้ว่างั้นเหอะ ก็โทรหาคุยกันไปเรื่อยๆ แอบแวปไปหาเธอที่ทำงานเพื่อส่งน้ำบ้าง ส่งขนมบ้างเท่าที่ทำได้ และ แล้วมันก็มาถึงเมื่อผมชวนเธอไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรก ให้ทายว่าผมพาเธอไปสถานที่แบบไหน?
ผมพาเธอไปเที่ยวสวนสัตว์!!!!
ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ สงสัยเมื่อคืนคงนอนฝันถึงฮิปโปมั้ง!!! ตื่นเช้ามาเลยโทรชวนเธอไปเที่ยว เธอก็โอเคไปก็ไป ไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปให้อาหารช้างงี้ ไปดูลิงงี้ ไปโยนถั่วฟักยาวให้ฮิปโปงี้ แจ่มมาก เธอก็โอเคนะ สนุกสนานร่าเริงดีผมถามเธอว่า
“ชอบมั้ย?” เธอตอบ
“ชอบ” ผมถามต่อว่า
“ชอบพี่หรือชอบฮิปโป?” แล้วผมก็หันไปจ้องตา .... น้องเค้าแอบเขิลนิดๆ เอ๊ะ อ๊ะ อ่ะ นั่นไงเข้าทาง 55555+(คุณอย่าหัวเราะไป มุขถั่วๆแบบนี้ได้ผลนะครับ บ่อยครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะ ได้เห็นรอยยิ้ม และ อาจจะฟลุคได้เห็นเธอเขิลเล็กๆ แจ๋วนะคุณ ลองดู)
.
ขออภัยในความล่าช้าครับ และขอบคุณมากๆครับสำหรับข้อแนะนำ .... ผมขอเล่าไปเรื่อยๆนะครับ
ตอนเด็กๆที่คุณแม่เคยถามผมว่า “รักแม่แค่ไหน?” เราก็ตอบว่า “รักเท่าฟ้า” เท่าฟ้านี่ก็เยอะที่สุดแล้วนะสำหรับเด็กๆ แต่จริงๆแล้วมันเยอะขนาดไหนกันแน่นะ? ถ้ามีหนุ่มๆมาบอกสาวๆว่า “ผมรักคุณ” นี่ขอให้ตั้งข้อสงสัยก่อนเลยนะครับ รักที่ว่านี่แค่ไหนนะ? เอาล่ะ ผมเป็นคนชอบวิเคราะห์ไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ผมขอสวมวิญญาณผู้เชี่ยวชาญทางด้านความรัก ขอขนานนามตัวเองว่า มาม่าเดอะเลิฟเวอร์ ขอวิแคะลำดับขั้นของ “ความรัก 4 ระดับ”
มันอาจจะคล้ายๆกับการเปิดประตู ที่เราต้องค่อยๆเปิดออกที่ละบานๆทีละบานๆ แต่ละคู่เปิดใจกันได้แค่ไหน เปิดประตูไปได้ถึงชั้นไหน ...
มี เรียนรู้กันและแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า แต่ความรักในทุกระดับสามารถยุติลงได้หมดตามเงื่อนไขของบุคคล
ระดับ 1 รักนะ จาก เด็กโง่ ... ความรักในระดับนี้จะมาไวไปไว บางคนรักเก่งมากวันเดียวเกิดความรัก 7 หน สวดยอดเลย ... ในระดับนี้รักคืออะไรยังไม่รู้ยังตอบไม่ได้เพราะตอนนี้กำลังโง่งมอยู่ เช่น ชอบอ่ะ ปลื้มเว่อร์ เห็นแล้วจิ๊ดลงตับ หลงใหลในรูปกาย อยากคุยอยากทำความรู้จัก นั่งเพ้อคิดถึงคะนึงหา ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง จิ้งจิ้ง
ระดับ 2 แรก เริ่ม รัก … ในระดับนี้ เรามักจะมองข้ามรูปลักษณ์ไป มองลึกเข้าไปในจิตใจ เป็นแฟนกันจริงจัง คบกันดูใจกัน หรือที่เราใช้คำว่า “แฟน” เริ่มศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน คลิ๊กไม่คลิ๊ก โดนไม่โดน ใช่ไม่ใช่ ชอบไม่ชอบ กว่าจะรู้จักกันดีพอ บางคู่ก็ใช้เวลาหลักเดือน บางคู่ก็ใช้เวลาหลายปี
ระดับ 3 รัก แล้ว สินะ … ช่วงนี้เราเรียนรู้กันมานานพอแล้ว มันใช่ มันโดน มันคลิ๊ก ทัศนคติไปในแนวทางเดียวกัน คุยกันรู้เรื่อง และ เริ่มวางแผนถึงอนาคตข้างหน้าและใช้ชีวิตร่วมกันด้วย “การแต่งงาน” ความรักในระดับนี้ใช้เวลายาวนานบางคู่ใช้เวลานับสิบๆๆๆๆปี
ระดับ 4 ด้วยรัก และ ผูกพัน … นี่ล่ะครับรักเท่าฟ้า รักแบบไร้ที่สิ้นสุด ค่าของความรักเป็นอนันต์ คู่ตุนาหงันที่อยู่กันมานานนานจนลืมไปแล้วว่ารักกันเพราะมันรักจนผูกพัน ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก และ ความรักที่ลูกมีต่อพ่อแม่ของ ความรักในระดับนี้อาจจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพรากเราไปจากกัน!!!
หลังจากวิแคะเรื่องความรักเป็นที่เรียบร้อยทีนี้กลับมาย้อนดูตัวผมเอง
ผมกับเธอก็ตัดสินใจคบหาดูใจกัน ... เราเป็นแฟนกันแล้ว!!!!
ผมเป็นคนคบกับใครแล้วคบจริงจัง เป็นแฟนกับใครก็อยากที่จะเรียนรู้กันให้รู้ถึงแก่นแท้กันจนแต่งงานสร้างครอบครัวกันยาวๆไปเลย ... ผมเองก็เข้าตามตรอกออกตามประตูครับ ที่บ้านน้องเค้ารับรู้ว่าลูกสาวท่านคบหาดูใจกับผมอยู่เพราะผมเองก็ไปรับไปส่งบ้าง ส่วนผมเองก็ไม่ได้ปิดบังหรืออะไรผมก็บอกทางบ้านผมเช่นกัน ...
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ... คบกันมาก็เป็นปีแล้วครับ สัญญาณแรกที่เธอพยายามบอกเพื่อถามหาความชัดเจนขึ้นในอีกรูปแบบ … พูดเรื่องอนาคต!!!!
ผมไปงานแต่งงานเพื่อนท่านหนึ่ง ในงานแต่งนั้น รุ่นพี่ผมท่านหนึ่งได้พาลูกชายสุดหล่อมาด้วย น้องปันปัน แฟนผมชอบและปลื้มน้องปันปันมาก บอกน้องน่ารักมาก แล้วก็อุ้มน้องบอกผมว่า “พี่ณัฐ พี่ณัฐ ถ่ายรูปให้น้องหน่อย” ... แชะ ... ผมก็ถ่ายรูปตามที่เธอบอก เธอบอกผมต่อว่า “ถ้าเราแต่งงานกันแล้วมีลูก พี่ณัฐว่าลูกเราจะน่ารักแบบนี้มั้ย?” . . . . . . . . . . “จ่ะ”
แฟนผมกับน้องปันปันครับ (ขอบคุณพี่ป็อปมากๆครับที่กรุณาให้นำรูปน้องปันปันสุดหล่อมาลงในบทนี้ …[^_^]…)
เรากำลังพยายามจะข้ามระดับจาก แรก เริ่ม รัก ไป รัก แล้ว สินะ แต่เราจะข้ามมันไปได้หรือไม่?
ไม่ได้แช่งนะ แต่เชื่อเหอะ เดี๋ยวก็เลิกกัน!!! (12 ปีผ่านไป ... ไวเหมือนโกหก)
https://pantip.com/topic/32108707
.
ขอตัดวรรคสุดท้ายของบทความมาครับ เขียนไว้ดังนี้ ...................... ในบทนี้ผมจึงขอใช้ตัวอักษรเหล่านี้ผมเขียนถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอ ... ผมชอบเธอตรงไหน? รักเธอหรือเปล่า? และ ผมจะเก็บข้อความเหล่านี้ไว้ให้ลูกอ่าน ... เอาไว้ให้ลูกมันดูว่าพ่อมันบอกรักแม่มันได้เชยขนาดไหน
.
กระทู้นี้อาจจะเป็นกระทู้ จีบสาว หรือ อาจจะเป็นกระทู้บอกรักภรรยา ผมก็ไม่แน่ใจ ผมเขียนไว้มันนานมากเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่ลูกคนแรกผมพึ่งเกิด นานจนลืมว่าอะไรยังไง ..... แต่ ในบทความผมทิ้งท้ายว่าจะให้ลูกอ่าน ..... และแล้ววันนี้ก็มาถึง .... ผมนำกระทู้นี้ที่เขียนไว้เมือ 11 ปีก่อน ให้ลูกสาวในวัย 12 ปี อ่าน ... 55555555555555+
.
.
.
ท้าวความ คัดลอกมาจากบทความเก่า เนื้อหาข้อความมีดังนี้ครับ
.
.
.
ณ ร้านร่ำเมรัยแห่งหนึ่งริมชายหาด ... ผมกำลังนั่งมองฟองเบียร์ที่กำลังเอ่อล้นออกจากแก้วที่เพื่อนพึ่งรินเพิ่มให้ เสียงคลื่นซัดหาดเบาๆ ลมพัดเอื่อยๆ ผมเงยหน้าขึ้นกล่าวกับเพื่อนร่วมโต๊ะว่า
“กรูชอบน้องที่เรียน ป.โท ด้วยกันว่ะ น้องเค้าน่ารักดี”
“พูดถึงอีกล่ะ ... แต่น้องเค้ามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ได้แช่งนะ แต่เชื่อกรูเหอะ เดี๋ยวก็เลิกกัน!!!”
“เหรอออออ ... ไม่ได้แช่งเลยเนอะ”
ผมแอบชอบน้องที่เรียนปริญญาโทด้วยกันแต่อยู่ต่างสาขาคนหนึ่ง ... อืมมมม เรียกว่าชอบก็อาจจะไม่ถูกนัก เอาเป็นว่า “แอบปลื้ม” จะดีกว่า เพราะ น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้ว เราก็ไม่ได้กะจะไปแย่งชิงเขามาอะไรเทือกนั้นอยู่แล้ว ... ก็เลยได้แต่อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ (หล่อโคตร)
เธอนั้นมีแฟนแล้วแต่ดูเหมือนว่าพึ่งคบกันได้ไม่นานและความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่นเท่าใด(แอบไปสืบมา) ตอนผมรู้จักกับน้องเค้าแรกๆน้องเค้าเชิญผมไปงานเลี้ยงวันเกิดเค้า ใจจริงผมก็ไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก แต่วันนั้นพอดีผมมีนัดกับเพื่อนแถวนั้นพอดี เลยแวะไปซะหน่อย ไปส่งของขวัญให้และไปสังเกตการณ์แฟนน้องเขาสักนิด(เอ๊ะ ไหนเมื่อกี้บอกไม่อยากไป) ... นี่ไงคนนี้ล่ะแฟนเขา ... ให้ตายสิพับผ่า!! คนละขั้วกับผมเลย เขาดูดี ออกแนวเนี๊ยบๆ หน้าที่การงานก็เป็นระดับผู้จัดการใหญ่โต เง้อออออออออออออออ!!!
ในระหว่างที่เราภาวนารอให้เธอกับเขาเลิกกัน เรามาทำความรู้จักกับผมกันก่อน ... อันตัวผมนี้ ก็ เป็นชายหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่ง สูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ หน้าตาบ้านๆ ดั้งแหมบๆ ผิวคล้ำๆดำๆแดงๆ หุ่นก็ท้วมนิดๆ แต่พูดแล้วจะหาว่าคุยอย่าว่างี้งั้นโง้นเลยนะครับ ถึงจะแลดูดิบเถื่อนแต่เคยมีแฟนนะครับขอบอก (น่าดีใจมากเลยเนอะว่ามั้ย 555555+) แต่ตอนนั้นโสดสนิท ผมเรียนปริญญาตรีเรียนวิศวฯ แต่กว่าจะจบได้ก็เองมาแบบลุ่มๆดอนๆ ไถข้างคูออกมา ตอนนั้นมีหน้าที่การงานก็เป็นพนักงานขายของ (Sales Engineer)ให้ธุรกิจเล็กๆของครอบครัว ทำงานได้สักพักก็สมัครเรียนต่อ ป.โท บริหาร ภาควันเสาร์-อาทิตย์ และ แล้วผมก็มาเจอเธอ ...
เธอเรียนอยู่คนละสาขาแต่ในช่วงแรกๆได้เรียนร่วมกันบ้างแต่ก็ไม่เคยคุยกัน แต่เรื่องบังเอิญคือเพื่อนผมสมัยเรียนวิศวฯดันมาเรียนพร้อมกับผมและไปรู้จักมักคุ้นกับพี่คนหนึ่งในสาขาของน้องเขา ... คนกันเองทั้งนั้นเพื่อนผมไปเสนอหน้าที่สาขาของพี่เขาผมก็ไปกับมันด้วย เลยได้รู้จักน้องเค้า ปลื้มนะแต่ก็ไม่ได้จีบนะ เพราะ น้องเขามีแฟนอยู่แล้ว เขาก็เห็นเราเป็นพี่ชายร่วมก๊วนธรรมดาๆ ... เราเริ่มจากความสัมพันธ์แบบเพื่อน
ผมปลื้มเธอตรงไหน?
น่ารัก นิสัยดี พูดจาดี และที่สำคัญเธอออกงานสังสรรค์เป็น ... สังสรรค์เป็น? สังสรรค์เป็นคืออะไร เช่น ถ้าเราไปทานข้าวตามต่อด้วยแฮงค์เอ้าท์ยกก๊วนๆด้วยกัน แต่เธอก็ยังวางตัวดี สนุกสนาน ไม่ใช่ไม่ดื่มแต่ดื่มนิดๆแบบเนียนๆพอประมาณไม่เมามาย เต้นนิดนิดพอเป็นกระษัย ขยับเอวน้อยๆพอเป็นพิธี อะไรประมาณนี้ (ทำเป็นเล่นไปนะคุณ ผู้หญิงที่ออกสังสรรค์เป็น วางตัวดีแบบนี้มีเสน่ห์นะครับ เชื่อผม!!) ... ฮึ ส่วนผมนะรึ ต้องของตัวเองเป็นที่ สเต็ปมาเต็มต้องขอพื้นที่สักสามวาในการออกท่า … Let's Go To The Party!!!!!
สาวตาโต ผมยาว ปากนิดจมูกหน่อย เหมือนคนในรูปนี้เลย!!!! (ก็แน่ล่ะ นี่มันรูปน้องเค้า แอบไปเซฟมาจาก FB)
ผ่านไปนานจนลืมว่านานขนาดไหน แต่ละครั้งที่เจอใจเธอมันสั่นเร้าระรัว มันคันหัวใจยากที่จะเกา แต่แล้ว ฟ้าก็รับคำอ้อนวอนจากผม ... ข่าวล่ามาเร็วแจ้งผมว่า น้องเค้าเลิกกับแฟนแล้ว!!!
ทะเลาะอะไรกันก็ไม่รู้ไม่ได้ถามต่อ รู้แต่ว่าเลิกกันแล้วแต่แฟนเก่าพยายามตามง้อกันอยู่ ... เฮ้ยยย ฮัดช้า!!!!! ไม่ชิงจังหวะตอนนี้แล้วจะรอตอนไหน เพราะ ตอนนี้เธอกำลังต้องการพี่ชายที่แสนดีที่จะคอยปลอบโยนเธออยู่!!!
ผมได้เปรียบนิดนึงตรงที่ว่า ความสัมพันธ์ผมกับน้องคนนี้ดำเนินมาแบบเพื่อน กินเที่ยวเฮฮาตามประสา เราก็เลยคุยกันรู้เรื่องถูกคอในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ผมจึงค่อยๆรุกคืบเข้าไปในจิตใจน้อง จะจีบสาวทั้งทีต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อน ผมรอคอยเวลาที่เหมาะสมค่อยๆแย็บไปเรื่อยๆ ไม่อยากบุ่มบ่ามมาก เดี๋ยวจะดริ๊ฟหน้าแหกเอาง่ายๆ ... ที่สำคัญผมไม่รู้ว่ามีคนมาขายขนมจีบน้องเค้าเยอะหรือเปล่าในตอนนั้น แต่ผมว่าน่าจะมีและเดาว่าน่าจะมีหลายคน!!!
ผมไม่ได้เปิดฉากจีบด้วยการได้โทรเข้าไปคุยตรงๆ กลัวว่าจะเงิบตั้งแต่ออกตัว เลยจีบอ้อมๆหน่อย ... ผมไปตามสืบว่าน้องจะไปไหนบ้าง อาศัยไปดักเจอบ่อยๆ ใช้มุขประมาณว่า “บังเอิญจังเลยเนอะ” แล้วก็ใช้พลังภายในให้พี่ๆที่เรียน ป.โท ในสาขาของน้องเขาจัดสังสรรค์บ่อยๆ เราจะได้ไปเสนอหน้า แล้วส่งสายตาปิ้งๆๆๆๆ จนน้องเขาเริ่มรู้ตัวและบอกผมว่า “ช่วงนี้เจอกันบ่อยนะคะ” แล้วก็ยิ้มๆ ... นั่นไงๆๆๆ แหล่ววววววๆๆๆๆ เธอไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจหรือรำคาญแบบนี้แสดงว่า .... การปฏิบัติตามแผนได้ผล!!!! ... หลังจากนั้นก็เริ่มโทรหาครับคุยกันสัพเพเหระ คุยกันนานขึ้นเรื่อยๆ ส่ง SMS หาบ้าง ฝากขนมต่อๆไปบ้าง ...
วันนั้นผมและเธอเรียนเลิกเร็ว ผมเลยชวนเธอไปทานข้าวห้างสรรพสินค้าใกล้ๆมหาวิทยาลัย ถ้าเธอตอบรับจะเป็นการเดทด้วยกันสองคนครั้งแรก ... เธอตอบตกลง!!!!
เดทครั้งแรกแบบนี้เธอไม่เลือกร้านครับว่าเธอจะกินอะไร สงสัยอยากจะเห็นทักษะความเป็นผู้นำของผม ได้ครับ จัดให้!!! ... ผมพาเธอไปร้านพิซซ่า!!!! … ผมถามว่าอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย? “พี่สั่งเลยค่ะ” สงสัยอยากจะเห็นทักษะความเป็นผู้นำของผมเพิ่มเติม ได้ครับ จัดให้!!! ผมสั่งชุดใหญ่ พิซซ่าฮาวาเอี้ยนแป้งถาดกลางหนานุ่ม เบรดสติ๊ก ไก่บาร์บีคิว ปิดด้วยสลัดซิกเนเจอร์ด้วย ผมจัดแจงเสร็จสรรพ เป็นไงเรียบร้อย ... สรุป เธอและไม่ค่อยทานเลย เห็นตักสลัดไปนิดนึงกับเบรดสติ๊กอันสองอัน!!!! เอาแล้วไงกรูงานเข้าแล้ว!!! เดทแรกก็หงอยซะแล้ว!!! ทำไมเธอไม่ทานเลยล่ะ? ไม่สนุกเหรอ? เบื่อเรา? รู้มั้ยครับว่าทำไม? สาวเอวบางร่างน้อย รักษาหุ่น แต่ผมพามาจัดหนักร้านพิซซ่า!!! ยังดีนะที่ไม่คึกพาไปเดทแรกร้านหมูกระทะ ไม่งั้นคงได้งามไส้กว่านี้แน่ 5555+
ผมเป็นคนอัธยาศัยดี พูดง่ายๆว่าขี้โม้ว่างั้นเหอะ ก็โทรหาคุยกันไปเรื่อยๆ แอบแวปไปหาเธอที่ทำงานเพื่อส่งน้ำบ้าง ส่งขนมบ้างเท่าที่ทำได้ และ แล้วมันก็มาถึงเมื่อผมชวนเธอไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรก ให้ทายว่าผมพาเธอไปสถานที่แบบไหน?
ผมพาเธอไปเที่ยวสวนสัตว์!!!!
ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ สงสัยเมื่อคืนคงนอนฝันถึงฮิปโปมั้ง!!! ตื่นเช้ามาเลยโทรชวนเธอไปเที่ยว เธอก็โอเคไปก็ไป ไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปให้อาหารช้างงี้ ไปดูลิงงี้ ไปโยนถั่วฟักยาวให้ฮิปโปงี้ แจ่มมาก เธอก็โอเคนะ สนุกสนานร่าเริงดีผมถามเธอว่า “ชอบมั้ย?” เธอตอบ “ชอบ” ผมถามต่อว่า “ชอบพี่หรือชอบฮิปโป?” แล้วผมก็หันไปจ้องตา .... น้องเค้าแอบเขิลนิดๆ เอ๊ะ อ๊ะ อ่ะ นั่นไงเข้าทาง 55555+(คุณอย่าหัวเราะไป มุขถั่วๆแบบนี้ได้ผลนะครับ บ่อยครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะ ได้เห็นรอยยิ้ม และ อาจจะฟลุคได้เห็นเธอเขิลเล็กๆ แจ๋วนะคุณ ลองดู)
.
ขออภัยในความล่าช้าครับ และขอบคุณมากๆครับสำหรับข้อแนะนำ .... ผมขอเล่าไปเรื่อยๆนะครับ
ตอนเด็กๆที่คุณแม่เคยถามผมว่า “รักแม่แค่ไหน?” เราก็ตอบว่า “รักเท่าฟ้า” เท่าฟ้านี่ก็เยอะที่สุดแล้วนะสำหรับเด็กๆ แต่จริงๆแล้วมันเยอะขนาดไหนกันแน่นะ? ถ้ามีหนุ่มๆมาบอกสาวๆว่า “ผมรักคุณ” นี่ขอให้ตั้งข้อสงสัยก่อนเลยนะครับ รักที่ว่านี่แค่ไหนนะ? เอาล่ะ ผมเป็นคนชอบวิเคราะห์ไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ผมขอสวมวิญญาณผู้เชี่ยวชาญทางด้านความรัก ขอขนานนามตัวเองว่า มาม่าเดอะเลิฟเวอร์ ขอวิแคะลำดับขั้นของ “ความรัก 4 ระดับ”
มันอาจจะคล้ายๆกับการเปิดประตู ที่เราต้องค่อยๆเปิดออกที่ละบานๆทีละบานๆ แต่ละคู่เปิดใจกันได้แค่ไหน เปิดประตูไปได้ถึงชั้นไหน ...
มี เรียนรู้กันและแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า แต่ความรักในทุกระดับสามารถยุติลงได้หมดตามเงื่อนไขของบุคคล
ระดับ 1 รักนะ จาก เด็กโง่ ... ความรักในระดับนี้จะมาไวไปไว บางคนรักเก่งมากวันเดียวเกิดความรัก 7 หน สวดยอดเลย ... ในระดับนี้รักคืออะไรยังไม่รู้ยังตอบไม่ได้เพราะตอนนี้กำลังโง่งมอยู่ เช่น ชอบอ่ะ ปลื้มเว่อร์ เห็นแล้วจิ๊ดลงตับ หลงใหลในรูปกาย อยากคุยอยากทำความรู้จัก นั่งเพ้อคิดถึงคะนึงหา ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง จิ้งจิ้ง
ระดับ 2 แรก เริ่ม รัก … ในระดับนี้ เรามักจะมองข้ามรูปลักษณ์ไป มองลึกเข้าไปในจิตใจ เป็นแฟนกันจริงจัง คบกันดูใจกัน หรือที่เราใช้คำว่า “แฟน” เริ่มศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน คลิ๊กไม่คลิ๊ก โดนไม่โดน ใช่ไม่ใช่ ชอบไม่ชอบ กว่าจะรู้จักกันดีพอ บางคู่ก็ใช้เวลาหลักเดือน บางคู่ก็ใช้เวลาหลายปี
ระดับ 3 รัก แล้ว สินะ … ช่วงนี้เราเรียนรู้กันมานานพอแล้ว มันใช่ มันโดน มันคลิ๊ก ทัศนคติไปในแนวทางเดียวกัน คุยกันรู้เรื่อง และ เริ่มวางแผนถึงอนาคตข้างหน้าและใช้ชีวิตร่วมกันด้วย “การแต่งงาน” ความรักในระดับนี้ใช้เวลายาวนานบางคู่ใช้เวลานับสิบๆๆๆๆปี
ระดับ 4 ด้วยรัก และ ผูกพัน … นี่ล่ะครับรักเท่าฟ้า รักแบบไร้ที่สิ้นสุด ค่าของความรักเป็นอนันต์ คู่ตุนาหงันที่อยู่กันมานานนานจนลืมไปแล้วว่ารักกันเพราะมันรักจนผูกพัน ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก และ ความรักที่ลูกมีต่อพ่อแม่ของ ความรักในระดับนี้อาจจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพรากเราไปจากกัน!!!
หลังจากวิแคะเรื่องความรักเป็นที่เรียบร้อยทีนี้กลับมาย้อนดูตัวผมเอง
ผมกับเธอก็ตัดสินใจคบหาดูใจกัน ... เราเป็นแฟนกันแล้ว!!!!
ผมเป็นคนคบกับใครแล้วคบจริงจัง เป็นแฟนกับใครก็อยากที่จะเรียนรู้กันให้รู้ถึงแก่นแท้กันจนแต่งงานสร้างครอบครัวกันยาวๆไปเลย ... ผมเองก็เข้าตามตรอกออกตามประตูครับ ที่บ้านน้องเค้ารับรู้ว่าลูกสาวท่านคบหาดูใจกับผมอยู่เพราะผมเองก็ไปรับไปส่งบ้าง ส่วนผมเองก็ไม่ได้ปิดบังหรืออะไรผมก็บอกทางบ้านผมเช่นกัน ...
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ... คบกันมาก็เป็นปีแล้วครับ สัญญาณแรกที่เธอพยายามบอกเพื่อถามหาความชัดเจนขึ้นในอีกรูปแบบ … พูดเรื่องอนาคต!!!!
ผมไปงานแต่งงานเพื่อนท่านหนึ่ง ในงานแต่งนั้น รุ่นพี่ผมท่านหนึ่งได้พาลูกชายสุดหล่อมาด้วย น้องปันปัน แฟนผมชอบและปลื้มน้องปันปันมาก บอกน้องน่ารักมาก แล้วก็อุ้มน้องบอกผมว่า “พี่ณัฐ พี่ณัฐ ถ่ายรูปให้น้องหน่อย” ... แชะ ... ผมก็ถ่ายรูปตามที่เธอบอก เธอบอกผมต่อว่า “ถ้าเราแต่งงานกันแล้วมีลูก พี่ณัฐว่าลูกเราจะน่ารักแบบนี้มั้ย?” . . . . . . . . . . “จ่ะ”
แฟนผมกับน้องปันปันครับ (ขอบคุณพี่ป็อปมากๆครับที่กรุณาให้นำรูปน้องปันปันสุดหล่อมาลงในบทนี้ …[^_^]…)
เรากำลังพยายามจะข้ามระดับจาก แรก เริ่ม รัก ไป รัก แล้ว สินะ แต่เราจะข้ามมันไปได้หรือไม่?