รมว.กต. ยันการข่าวไทยไม่ช้า เราสู้ด้วยหลักฐาน เชื่อโลกดูออก ใครใช้ข่าวปลอม

“มาริษ” ชี้ ทั้งโลกดูออก ข่าวใครปลอม ข่าวใครจริง ยันการข่าวของไทยไม่ช้าแต่เราสู้ด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง ลั่นกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชัดเจน ชี้ยังไม่ถึงเวลาเรียกร้องประธานอาเซียนเรียกประชุมสมาชิกอาเซียนฉุกเฉินให้มีมติอย่างใดอย่างหนึ่งกับกัมพูชา ปมใช้ Fake news

วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.30 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา โดยย้ำว่ารัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศรวมถึงกองทัพพยายามที่จะปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน แต่กัมพูชายังละเมิดข้อตกลงของสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายสิทธิมนุษยชนในการโจมตีเป้าหมายทางพลเรือน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักฐานสำคัญให้มิตรประเทศได้เข้าใจว่าประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือหลักการทุกสิ่งทุกอย่าง

ส่วนที่เมื่อวานนี้ที่กัมพูชาพาสื่อ และทูตทหารลงพื้นที่บริเวณช่องอานม้า เพื่อไปดูความเสียหายทางทหาร ไม่ได้มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพลเรือนชาวกัมพูชาทั้งสิ้น ทางกระทรวงการต่างประเทศก็จะนำสื่อมวลชนต่างประเทศลงพื้นที่ร่วมกับผู้ช่วยทูตทหารในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้สื่อได้สะท้อนข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง สื่อสารให้ชาวไทยชาวต่างประเทศได้เข้าใจว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเป้าหมายทางพลเรือนมันมีผลกระทบอย่างมากกับชีวิตของชาวไทย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของไทยถูกมองอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะให้เจ้าหน้าที่ทางการทูต สถานทูตต่างๆ ลงพื้นที่ด้วย ซึ่งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคณะที่จะลงไปในพื้นที่

ขณะเดียวกันมีเป้าหมายที่อยากให้เห็นนอกจากการโจมตี นอกเหนือจากเป้าหมายพลเรือนแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นการละเมิดอธิปไตยไทยเข้ามาวางกับระเบิด ซึ่งอันนี้ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก รวมถึงจะได้ฟังบรรยายการสรุปจากทางกองทัพที่มีการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้

นายมาริษย้ำว่าสถานการณ์ความตึงเครียดของไทยและกัมพูชาไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยไม่ผลักภาระไปให้ประชาชนทั้งสองประเทศ และย้ำว่า ประเทศไทยได้เปรียบในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ และการปฏิบัติการทางทหาร และได้เปรียบการเจรจาหลังจากการเจรจาหยุดยิง และดึงกลับเข้าสู่การเจรจาทวิภาคี ซึ่งหลังจากนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ “สงครามข่าวสาร” ซึ่งเป็นผลดี และเป็นข้อเรียกร้องจากข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ ถ้ากัมพูชาบิดเบือนข่าวสารอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานของรัฐ ก็จะตอบโต้ แก้ไขข้อชี้แจงให้ถูกต้องให้ทุกคนได้เข้าใจ

นายมาริษ ยังระบุถึง กรณีการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อผิดพลาดปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ ที่กัมพูชามีการยกปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา มาพูดกลางที่ประชุม …

ทั้งนี้ นายมาริษ ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ที่กัมพูชามีการใช้ Fake News มีความจำเป็นหรือไม่ที่จะร้องขอมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนเรียกประชุมสมาชิกอาเซียนฉุกเฉินเพื่อมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง กับกัมพูชา ที่ละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง

นายมาริษ บอกว่า เป้าหมายแรกของไทยคือไม่ต้องการให้ประเทศที่สามเข้ามายุ่ง เพราะเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ ที่ต้องเจรจากัน ไม่ต้องไปถึงกฎบัตรอาเซียนตามที่ว่า แต่มันเป็นข้อตกลงที่มาเลเซียแล้ว และมีพยานทั้ง 3 ประเทศ ว่าขอไม่ให้มีการใช้ Fake News การยั่วยุเรื่องถ้อยคำภาษาบิดเบือน เพราะฉะนั้นตอนนี้เรากำลังเรียกร้อง และกดดันให้กัมพูชาหยุดการกระทำเช่นนี้ และเราต้องมีมาตรการขยับไปเรื่อยๆ แต่รายละเอียดเปิดเผยไม่ได้ว่าทำอะไรบ้าง เพราะเป็นแท็กติกของการเจรจา แต่สิ่งที่เราไม่ต้องการให้เป็นประเด็นนานาชาติ เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ละเมิดอะไรทั้งสิ้น และประเทศที่ 3 ต้องเห็นว่า นี่คือสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นผู้ละเมิดอยู่ตลอดเวลา

ส่วนกรณีที่ไทยถูกมองว่า ทางกัมพูชาขยับก่อนไทยตลอด รวมถึงการนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ จนถูกมองว่าไทยเป็นฝ่ายรับตลอดจะมีมาตรการเชิงรุกหรือไม่นั้น นายมาริษ บอกว่า เราต้องมั่นใจในข้อมูล และต้องมั่นใจว่าการพาคณะลงพื้นที่จะมีความปลอดภัยจริงๆ เพราะเราไม่ได้มีพฤติกรรมในการโจมตีพลเรือนแบบกัมพูชา ซึ่งตนเองได้คุยกับกองทัพมาตลอด รวมทั้ง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าอยากพาทุกคนลงพื้นที่ แต่ทุกคนในความปลอดภัย และความลำบากของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ต้องแบ่งเวลามาดูแลความปลอดภัยให้ทุกคน

ส่วนเรื่องความเร็ว เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่ความมั่นใจในข้อมูลข่าวสาร และความน่าเชื่อถือ ตนเองไม่ต้องการให้ประเทศไทยถูกมองแบบเขาว่าใช้ความบิดเบือน พูดไม่จริง สามารถพูดได้ โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งเราเห็นว่าวันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง แต่ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแบบนั้น เรามีวุฒิภาวะ ภาพลักษณ์เราดี เล่นตามกติกา ถ้าเราเร็วเราไม่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาแต่ต้น ตนเองก็คิดว่าหลักฐานมั่นคงภาพลักษณ์ที่เรามีในสายตาประชาคมโลก ทำให้เราได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดยิงกันดึงกลับมาสู่โต๊ะเจรจา เพราะประเทศทั้งหลายก็เห็นด้วยกับเราการเจรจาทวิภาคี เขาก็ถูกกดดันแบบนี้

ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศรับฟังเสียงสะท้อน การแถลงข่าวและแจ้งข่าวสารที่จะไปสื่อสารร่วมกับรัฐบาล หลังได้รับเสียงสะท้อนมาว่าการสื่อสาร รายการชี้แจงไม่ทันและมานั่งข่าวปลอมของกัมพูชาเป็นรายประเด็น ทำให้สื่อต่างชาติและคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ได้รับข่าวสารที่บิดเบือน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะไปแถลงข่าวร่วมกับรัฐบาลและจะพยายามดึงรัฐบาลเข้ามาด้วย

https://www.thairath.co.th/news/politic/2873938
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่