ขอปรึกษาปัญหาคลาสสิค แม่ผัวลูกสะใภ้
เราเป็นคนกรุงเทพ แต่งงานเข้ามาอยู่ในครอบครัวสามีที่ต่างจังหวัด เรามาตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่นี่เลย เข้ามาก็มาแบบสะใภ้แต่งเข้าบ้านคนจีนที่ทำธุรกิจแบบกงสี เรามาทำงานร้านขายของๆ พ่อสามี ได้เงินเดือนพออยู่ได้
บ้านที่มาอยู่คือแต่งเข้า เป็นบ้านตึกแถวหลังเดิมที่สามีอยู่มาตั้งแต่เกิด พ่อแม่พี่ชายน้องชายสามีก็อยู่บ้านเดียวกันเหมือนกงสี ในบรรดาพี่น้องสามี มีแค่สามีที่แต่งงานมีลูก อีกสองคนเป็นโสด ต่างคนต่างทำงานคนละร้านกัน แต่เป็นธุรกิจในเครือญาติ
กับพี่น้องและพ่อสามีไม่มีปัญหา ใจดี คุยง่าย ผิดกับแม่สามีที่เป็นคนเคร่ง จู้จี้จุกจิก แรกๆ ไม่เท่าไหร่ พอมีลูก เริ่มขัดแย้งกับแม่สามีเรื่องการเลี้ยงลูก ทำอะไรก็ผิด ต้องให้ตามแก ไม่ฟังก็น้อยใจ โมโห ไม่ให้เชื่อหมอเชื่อตำรา ให้เชื่อแก แกบอกเลี้ยงลูกมาแล้ว 3 คน รู้ดีกว่า หมอเป็นใคร ลูกก็ไม่มี ไม่ต้องไปเชื่อ เราก็พยายามอดทนมาตลอด อะไรตามเค้าได้ให้เค้าสบายใจ และไม่เป็นอันตรายอะไรก็ทำตามเพื่อตัดปัญหา
เรามีลูกชาย 2 คน เด็กผู้ชายก็ซน ดื้อ จนลูกเริ่มโตเข้าวัยประถม คราวนี้เป็นอาม่าปะทะหลานแทน ยิ่งหนักขึ้น
บ่นว่า ตำหนิหลาน ทำอะไรก็ผิดขวางหูขวางตา ไม่เคยคุยดีๆ กับหลาน เจอหน้ากันมีแต่จ้องจับผิด ตำหนิไปทุกเรื่อง
เช่น อาม่ากลับเข้ามาบ้านตอนเย็น เห็นหลานนั่งดูการ์ตูนก็บ่นว่าเอาแต่ดูทีวี ไร้สาระ ทำไมไม่ทำการบ้านอ่านหนังสือ ทั้งที่จริงหลานทำเสร็จแล้วถึงมาดู ดุว่าไว้ก่อน ไม่สนใจอะไร
ทีนี้เด็กก็ไม่ชอบ หลังๆ เค้าเริ่มโต มีความคิดของตัวเองแล้วก็เลยเริ่มเถียงกลับ ตวาดใส่
เราก็หนักใจ พยายามสอนลูกให้อดทนให้ใจเย็น อย่าไปโต้เถียง มันบาปกรรม แต่ก็เข้าใจลูก ไม่มีใครชอบหรอกที่จะถูกบ่นว่าตำหนิตลอดเวลา และบางครั้งไม่มีเหตุผลสมควร หรือเค้าไม่ผิดด้วยซ้ำ แต่ต้องมาอดทนโดนว่าทุกวันๆ เค้าก็ไม่ชอบ เด็กความอดทนต่ำอยู่แล้วด้วย จนตอนนี้กลายเป็นลูกๆ เกลียดชังอาม่าแล้ว
แม่เป็นคนจีน อายุ70 กว่าแล้ว แต่ยังทำงานทุกวัน ขยันมาก แข็งแรง เป็นคนหัวโบราณ ไม่ค่อยเปิดใจรับความคิดใหม่ๆ ถ้าไม่ได้มาจากเพื่อนๆ ญาติๆ แกไม่ฟังเลย ไม่เคยชมใคร ทำดีเสมอตัว ทำผิดต้องดุว่าเอาถึงตาย ไม่ใช่คนใจดี ชอบเหน็บแนม ขี้บ่นตลอด เหมือนปล่อยประจุลบออกมาจากตัวตลอดเวลา เป็นแบบนี้กับทุกคนทั้งอากง สามีแก และลูกๆ 3 คน คุมทุกคน ต้องทำตามแก แกถูกเสมอ แต่ยอมรับแกเป็นผู้หญิงแกร่งที่เก่งจริงๆ สู้ทำงานลำบากตั้งแต่เด็กจนตั้งเนื้อตั้งตัวได้ มีสวนผลไม้ มีธุรกิจ ร่ำรวยมีเงินทองที่ดินเยอะแยะ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเลยล่ะ แกเลยถือดี มั่นใจในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองเก่ง ทุกคนต้องเชื่อฟัง โดยไม่รู้ตัวว่าไปกดคนอื่นๆ รอบตัว
บอกตรงๆ แต่งงานอยู่มา 10 กว่าปี อึดอัดมาก เราก็ทะเลาะเถียงกับแม่สามีบ่อย จนตอนนี้ตัดสินใจขอหลบ ไม่คุยด้วยถ้าไม่จำเป็น ต่างคนต่างอยู่ เข้า 2 ปีแล้ว เจอกันในบ้านไม่คุยไม่ทัก เดินเลี่ยงไป เราพยายามทำเหมือนตัวเองไม่มีตัวตนในบ้าน สนใจแต่ทำงานเลี้ยงลูกเท่านั้นพอ
รู้ว่าไม่ดี แต่ขอเลือกทำแบบนี้เพราะมันสบายใจเราที่สุดแล้ว ไม่งั้นคงประสาทตายไปก่อน
เห็นใจสามีเหมือนกัน ทะเลาะกันทีเค้าต้องเป็นคนกลาง จนตอนนี้สามีก็เครียด เป็นแพนิค เราก็เป็นซึมเศร้า ลูกก็ไม่มีความสุข
เคยคุยกับสามีว่าอยากแยกบ้านออกไป แต่สามีไม่เอาด้วย เค้ามองว่าบ้านนี้เค้าอยู่มาตั้งแต่เกิด ถ้าต้องออกไปหาบ้านอยู่เอง ก็ต้องมาเสียเงินซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ซื้อข้าวของใหม่ ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟเองทั้งหมด สู้อยู่บ้านเดิมสบายกว่า บ้านไม่ต้องผ่อนไม่ต้องเช่า มีช่วยค่าน้ำไฟค่าอินเทอร์เน็ตค่าของใช้ในบ้านบ้าง ไม่หนักอะไร ถ้าต้องแยกออกไปก็มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม
เรื่องที่ทะเลาะกับแม่ก็บอกกับเราให้อดทน ทนฟังๆ แม่บ่นไปเดี๋ยวก็จบ เค้าคงชินแล้วเพราะโตมาแบบนี้ เค้าเองก็รู้ว่าแม่เค้าไม่ดี แต่ทำอะไรไม่ได้ ไปเปลี่ยนเค้าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนที่ตัวเอง ต้องอดทนเอา
แต่เราไม่ชินไง ที่บ้านเราไม่เป็นแบบนี้ ตอนนี้พ่อกับแม่เราเสียกันไปหมดแล้ว พี่ๆ ก็มีครอบครัวของตัวเองแยกย้ายกันไป
พูดง่ายๆ คือ เราไม่มีบ้านให้กลับไปอยู่ ไม่มีที่พึ่ง ต้องพึ่งตัวเอง
ใจเราตอนนี้อยากออกจากบ้านมากๆ เหตุผลหลักๆ เลยสงสารลูก กลัวถูกอิทธิพลอาม่ากด จนจะกลายเป็นเด็กเก็บกด ก้าวร้าวเอาได้ เห็นภาพเลยว่าถ้าเค้าโตเป็นวัยรุ่น ซึ่งก็อีกไม่กี่ปีแล้ว ต้องทะเลาะกันบ้านแตกแน่
เราอยากออกไปหาบ้านเช่าอยู่กันเองเฉพาะแค่เรากับลูกชาย 2 คน ให้ซื้อบ้านคงไม่ไหว เพราะลำพังเงินเดือนเราแค่ 2 หมื่นกว่าบาท ผ่อนบ้านไม่ไหวแน่ หาเช่าเอาน่าจะพอไหว เราก็อายุเยอะแล้ว 40 กว่า ทีนี้สามีบอกว่าถ้าเราจะแยกออกไปอยู่เอง คนอื่นจะมองว่าเหมือนเราเลิกกัน มันไม่ดี
เรากับสามีแต่งงานจัดพิธีเฉยๆ ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เพราะบ้านเค้าทำธุรกิจเยอะ เค้าไม่อยากให้จด
ตัวเราไม่เคยคิดเรื่องสินสมรสอะไรเลย เพราะตัวเราจนกว่าเค้า แต่งเข้ามาก็เรียกว่ามาแต่ตัวเลย ไม่ได้หวังอะไรทรัพย์สมบัติตระกูลเค้าอยู่แล้ว ออกแนวไม่อยากยุ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ ของเค้าด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ก็แยกกระเป๋ากัน ของใครของมัน มีแบ่งเงินเข้ากองกลางเป็นค่าใช้จ่ายค่าเรียนลูกเท่านั้น
สามีก็ดี ช่วยดูแลช่วยเลี้ยงลูก ติดที่แม่เค้าเท่านั้นเอง
เคยปรึกษาพี่สาวเราเค้าก็บอกให้อดทน
แต่เราก็ทนจนจะไม่ไหวแล้ว ให้ทนต่อไป จนกว่าอีกฝ่ายจะตายไปเอง...หรือ ออกไปเช่าบ้านอยู่ตามที่คิดไว้
ควรทำยังไงดี
** Update ตอนนี้จองซื้อบ้านเป็นชื่อเราเองแล้วค่ะ รอสร้างเสร็จค่อยขยับขยาย
อธิบายกับสามีแล้วว่าขอซื้อเป็นสินทรัพย์เก็บไว้ของเราเอง เค้าก็เข้าใจ ช่วยหาอีกต่างหาก ^^
บอกลูกแล้วด้วยว่าแม่จะมีบ้านของตัวเองแล้วนะ เค้าก็ดีใจกัน ขอไปอยู่ด้วย 555
เป็นเพราะกำลังใจและคำแนะนำจากทุกคนเลยค่ะ ทำให้ตัดสินใจได้ซะที
ตอนนี้รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะ มันเหมือนมองไปข้างหน้าเห็นอนาคตได้แล้ว
แน่นอนว่าภาระมาเพียบ ต้องหารายได้เพิ่ม ทำธุรกิจของตัวเองให้ดีขึ้น
ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่ให้คำแนะนำ ***
ปรึกษามีปัญหากับแม่สามีอยากแยกบ้านแต่สามีไม่ให้แยก ทนมาสิบกว่าปีอึดอัดมากๆ แล้ว
เราเป็นคนกรุงเทพ แต่งงานเข้ามาอยู่ในครอบครัวสามีที่ต่างจังหวัด เรามาตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่นี่เลย เข้ามาก็มาแบบสะใภ้แต่งเข้าบ้านคนจีนที่ทำธุรกิจแบบกงสี เรามาทำงานร้านขายของๆ พ่อสามี ได้เงินเดือนพออยู่ได้
บ้านที่มาอยู่คือแต่งเข้า เป็นบ้านตึกแถวหลังเดิมที่สามีอยู่มาตั้งแต่เกิด พ่อแม่พี่ชายน้องชายสามีก็อยู่บ้านเดียวกันเหมือนกงสี ในบรรดาพี่น้องสามี มีแค่สามีที่แต่งงานมีลูก อีกสองคนเป็นโสด ต่างคนต่างทำงานคนละร้านกัน แต่เป็นธุรกิจในเครือญาติ
กับพี่น้องและพ่อสามีไม่มีปัญหา ใจดี คุยง่าย ผิดกับแม่สามีที่เป็นคนเคร่ง จู้จี้จุกจิก แรกๆ ไม่เท่าไหร่ พอมีลูก เริ่มขัดแย้งกับแม่สามีเรื่องการเลี้ยงลูก ทำอะไรก็ผิด ต้องให้ตามแก ไม่ฟังก็น้อยใจ โมโห ไม่ให้เชื่อหมอเชื่อตำรา ให้เชื่อแก แกบอกเลี้ยงลูกมาแล้ว 3 คน รู้ดีกว่า หมอเป็นใคร ลูกก็ไม่มี ไม่ต้องไปเชื่อ เราก็พยายามอดทนมาตลอด อะไรตามเค้าได้ให้เค้าสบายใจ และไม่เป็นอันตรายอะไรก็ทำตามเพื่อตัดปัญหา
เรามีลูกชาย 2 คน เด็กผู้ชายก็ซน ดื้อ จนลูกเริ่มโตเข้าวัยประถม คราวนี้เป็นอาม่าปะทะหลานแทน ยิ่งหนักขึ้น
บ่นว่า ตำหนิหลาน ทำอะไรก็ผิดขวางหูขวางตา ไม่เคยคุยดีๆ กับหลาน เจอหน้ากันมีแต่จ้องจับผิด ตำหนิไปทุกเรื่อง
เช่น อาม่ากลับเข้ามาบ้านตอนเย็น เห็นหลานนั่งดูการ์ตูนก็บ่นว่าเอาแต่ดูทีวี ไร้สาระ ทำไมไม่ทำการบ้านอ่านหนังสือ ทั้งที่จริงหลานทำเสร็จแล้วถึงมาดู ดุว่าไว้ก่อน ไม่สนใจอะไร
ทีนี้เด็กก็ไม่ชอบ หลังๆ เค้าเริ่มโต มีความคิดของตัวเองแล้วก็เลยเริ่มเถียงกลับ ตวาดใส่
เราก็หนักใจ พยายามสอนลูกให้อดทนให้ใจเย็น อย่าไปโต้เถียง มันบาปกรรม แต่ก็เข้าใจลูก ไม่มีใครชอบหรอกที่จะถูกบ่นว่าตำหนิตลอดเวลา และบางครั้งไม่มีเหตุผลสมควร หรือเค้าไม่ผิดด้วยซ้ำ แต่ต้องมาอดทนโดนว่าทุกวันๆ เค้าก็ไม่ชอบ เด็กความอดทนต่ำอยู่แล้วด้วย จนตอนนี้กลายเป็นลูกๆ เกลียดชังอาม่าแล้ว
แม่เป็นคนจีน อายุ70 กว่าแล้ว แต่ยังทำงานทุกวัน ขยันมาก แข็งแรง เป็นคนหัวโบราณ ไม่ค่อยเปิดใจรับความคิดใหม่ๆ ถ้าไม่ได้มาจากเพื่อนๆ ญาติๆ แกไม่ฟังเลย ไม่เคยชมใคร ทำดีเสมอตัว ทำผิดต้องดุว่าเอาถึงตาย ไม่ใช่คนใจดี ชอบเหน็บแนม ขี้บ่นตลอด เหมือนปล่อยประจุลบออกมาจากตัวตลอดเวลา เป็นแบบนี้กับทุกคนทั้งอากง สามีแก และลูกๆ 3 คน คุมทุกคน ต้องทำตามแก แกถูกเสมอ แต่ยอมรับแกเป็นผู้หญิงแกร่งที่เก่งจริงๆ สู้ทำงานลำบากตั้งแต่เด็กจนตั้งเนื้อตั้งตัวได้ มีสวนผลไม้ มีธุรกิจ ร่ำรวยมีเงินทองที่ดินเยอะแยะ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเลยล่ะ แกเลยถือดี มั่นใจในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองเก่ง ทุกคนต้องเชื่อฟัง โดยไม่รู้ตัวว่าไปกดคนอื่นๆ รอบตัว
บอกตรงๆ แต่งงานอยู่มา 10 กว่าปี อึดอัดมาก เราก็ทะเลาะเถียงกับแม่สามีบ่อย จนตอนนี้ตัดสินใจขอหลบ ไม่คุยด้วยถ้าไม่จำเป็น ต่างคนต่างอยู่ เข้า 2 ปีแล้ว เจอกันในบ้านไม่คุยไม่ทัก เดินเลี่ยงไป เราพยายามทำเหมือนตัวเองไม่มีตัวตนในบ้าน สนใจแต่ทำงานเลี้ยงลูกเท่านั้นพอ
รู้ว่าไม่ดี แต่ขอเลือกทำแบบนี้เพราะมันสบายใจเราที่สุดแล้ว ไม่งั้นคงประสาทตายไปก่อน
เห็นใจสามีเหมือนกัน ทะเลาะกันทีเค้าต้องเป็นคนกลาง จนตอนนี้สามีก็เครียด เป็นแพนิค เราก็เป็นซึมเศร้า ลูกก็ไม่มีความสุข
เคยคุยกับสามีว่าอยากแยกบ้านออกไป แต่สามีไม่เอาด้วย เค้ามองว่าบ้านนี้เค้าอยู่มาตั้งแต่เกิด ถ้าต้องออกไปหาบ้านอยู่เอง ก็ต้องมาเสียเงินซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ซื้อข้าวของใหม่ ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟเองทั้งหมด สู้อยู่บ้านเดิมสบายกว่า บ้านไม่ต้องผ่อนไม่ต้องเช่า มีช่วยค่าน้ำไฟค่าอินเทอร์เน็ตค่าของใช้ในบ้านบ้าง ไม่หนักอะไร ถ้าต้องแยกออกไปก็มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม
เรื่องที่ทะเลาะกับแม่ก็บอกกับเราให้อดทน ทนฟังๆ แม่บ่นไปเดี๋ยวก็จบ เค้าคงชินแล้วเพราะโตมาแบบนี้ เค้าเองก็รู้ว่าแม่เค้าไม่ดี แต่ทำอะไรไม่ได้ ไปเปลี่ยนเค้าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนที่ตัวเอง ต้องอดทนเอา
แต่เราไม่ชินไง ที่บ้านเราไม่เป็นแบบนี้ ตอนนี้พ่อกับแม่เราเสียกันไปหมดแล้ว พี่ๆ ก็มีครอบครัวของตัวเองแยกย้ายกันไป
พูดง่ายๆ คือ เราไม่มีบ้านให้กลับไปอยู่ ไม่มีที่พึ่ง ต้องพึ่งตัวเอง
ใจเราตอนนี้อยากออกจากบ้านมากๆ เหตุผลหลักๆ เลยสงสารลูก กลัวถูกอิทธิพลอาม่ากด จนจะกลายเป็นเด็กเก็บกด ก้าวร้าวเอาได้ เห็นภาพเลยว่าถ้าเค้าโตเป็นวัยรุ่น ซึ่งก็อีกไม่กี่ปีแล้ว ต้องทะเลาะกันบ้านแตกแน่
เราอยากออกไปหาบ้านเช่าอยู่กันเองเฉพาะแค่เรากับลูกชาย 2 คน ให้ซื้อบ้านคงไม่ไหว เพราะลำพังเงินเดือนเราแค่ 2 หมื่นกว่าบาท ผ่อนบ้านไม่ไหวแน่ หาเช่าเอาน่าจะพอไหว เราก็อายุเยอะแล้ว 40 กว่า ทีนี้สามีบอกว่าถ้าเราจะแยกออกไปอยู่เอง คนอื่นจะมองว่าเหมือนเราเลิกกัน มันไม่ดี
เรากับสามีแต่งงานจัดพิธีเฉยๆ ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เพราะบ้านเค้าทำธุรกิจเยอะ เค้าไม่อยากให้จด
ตัวเราไม่เคยคิดเรื่องสินสมรสอะไรเลย เพราะตัวเราจนกว่าเค้า แต่งเข้ามาก็เรียกว่ามาแต่ตัวเลย ไม่ได้หวังอะไรทรัพย์สมบัติตระกูลเค้าอยู่แล้ว ออกแนวไม่อยากยุ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ ของเค้าด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ก็แยกกระเป๋ากัน ของใครของมัน มีแบ่งเงินเข้ากองกลางเป็นค่าใช้จ่ายค่าเรียนลูกเท่านั้น
สามีก็ดี ช่วยดูแลช่วยเลี้ยงลูก ติดที่แม่เค้าเท่านั้นเอง
เคยปรึกษาพี่สาวเราเค้าก็บอกให้อดทน
แต่เราก็ทนจนจะไม่ไหวแล้ว ให้ทนต่อไป จนกว่าอีกฝ่ายจะตายไปเอง...หรือ ออกไปเช่าบ้านอยู่ตามที่คิดไว้
ควรทำยังไงดี
** Update ตอนนี้จองซื้อบ้านเป็นชื่อเราเองแล้วค่ะ รอสร้างเสร็จค่อยขยับขยาย
อธิบายกับสามีแล้วว่าขอซื้อเป็นสินทรัพย์เก็บไว้ของเราเอง เค้าก็เข้าใจ ช่วยหาอีกต่างหาก ^^
บอกลูกแล้วด้วยว่าแม่จะมีบ้านของตัวเองแล้วนะ เค้าก็ดีใจกัน ขอไปอยู่ด้วย 555
เป็นเพราะกำลังใจและคำแนะนำจากทุกคนเลยค่ะ ทำให้ตัดสินใจได้ซะที
ตอนนี้รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะ มันเหมือนมองไปข้างหน้าเห็นอนาคตได้แล้ว
แน่นอนว่าภาระมาเพียบ ต้องหารายได้เพิ่ม ทำธุรกิจของตัวเองให้ดีขึ้น
ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่ให้คำแนะนำ ***