ฉันเป็นผู้หญิง ได้รับโอนมรดกที่ดินไร่สวน โฉนด 2 แปลง รวม 8 ไร่ จากยายโดยตรง และพี่สาวได้รับมรดกเป็นบ้าน 1 หลังที่เราอาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้ง พ่อ แม่ พี่สาว ลูกของพี่สาว และพี่เขย รวมทั้งตัวเรา รวมทั้งหมด 6 คน
ต่อมาพี่สาวก็มีแฟนมีโดยออกไปอาศัยบ้านเช่าร่วมกับแฟนใหม่พร้อมลูกเลี้ยงติดมาอีก 1 คน พรเอมกันนั้นที่บ้านเกิดมีน้ำท่วมขังบ่อยครั้งที่ฝนตก เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ จึงได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ฉันผู้เป็นน้องสาว และฉันได้ทำการต่อเติมยกบ้านให้สูงขึ้น ทั้งล้อมรั้วจนเสร็จสิ้นอาศัยอยู่ได้ โดยฉันได้รับกาาช่วยเหลือด้านการเงินจากแฟนที่คบหากันมาด้วยนั้น ต่อมาฉันได้แต่งงาน แฟนฉันจึงได้มาอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน และยังต่อเติมบ้านด้วยกัน โดยคิดว่าอาศัยอยู่ด้วยกันไปก่อน โดยก่อนแต่งงานฉันกับแม่ได้ไปกู้เงินมาจากสหกรณ์ร่วมกัน และแบ่งเงินกันใช้ โดยเงินส่วนนั้นฉันได้เอามาต่อเติมบ้าน แล้วต่อมามีปัญหาเรื่องที่แม่ฉันไม่สามารถรับปิดชอบหนี้สินนี้ได้ พอแต่งงานแล้วแฟนฉันมาทราบเรื่องจึงได้ช่วยย้ายสินค้าก้อนนี้ไปเข้าธนาคารที่ดอดเบี้ยถูกลง และฉันกับแฟนเป็นผู้รับภาระนี้ไปก่อนมาโดยตลอด อยู่มา 3 ปี เราอยู่กันโดยไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งพี่สาวฉันมีปัญหาเรื่องการเงินต้องให้พ่อแม่ช่วยมาโดยตลอด ทั้งลูกสาวของพี่สาว ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ พี่สาวก็ไม่เคยรับภาระนี้เลย ไม่เลี้ยงลูกตัวเอง ปล่อยให้พ่อกับแม่รับภาระมาตลอด พอพี่สาวกับพี่เขย(คนใหม่)พร้อมลูกเลี้ยงย้ายมาอาศัยที่บ้านญาติที่ติดกันกับบ้านฉันอาศัยอยู่ ก็มีการทะเลาะกันเองกีบแฟนให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งแฟนของพี่สาวไม่มีงานทำ พี่สาวยังทำงานอยู่ พ่อกับแม่ฉันเป็นฝ่ายหาอาหารไปส่งเป็นประจำทุกวัน ต่อมาก็ยังได้แอบไปออกรถมอเตอร์ไซต์เพิ่มมาอีก 1 คัน ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่ฉันได้ออกรถเก่งป้ายแดงให้พี่สาวแล้ว 1 คัน มอเตอร์ไซต์อีก 1 คัน ไม่สามารถส่งค่างวดได้ โดยที่ผ่านมาเวลามีปัญหาเรื่องเงินก็ขอพ่อกับแม่มาโดยตลอด (พ่อกับแม่เป็นชาวสวน ปลูกผักขายที่ตลาด และเลี้ยงวัวประมาณ 6 ตัว ค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว) ฉันก็พอทราบปัญหาเรื่องเงิน ก็ได้ช่วยพ่อกับแม่ไปบ้างตามกำลังที่ฉันไหว แต่ไม่ตลอด เพราะที่บ้านฉันยังรับภาระค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าผ่อนงวดธนาคาร ค่าใช้จ่ายในบ้าน อื่น ๆ
ต่อมาพี่สาวก็ได้เลิกลากันไปกับแฟนใหม่ ทั้งก่อนหน้านี้ฉันก็ได้เตือนเรื่องต่าง ๆ ทักท้วงเรื่องต่างให้พ่อแม่ฉันฟัง ว่าอะไรควรไม่ควรแล้ว แต่กลับเป็นฉันเองที่พูดพ่อแม่ต่อว่ามาโดยตลอด จนฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ปัญหายังมีต่อไปเลื่อย ๆ โดยล่าสุด พ่อกับแม่ฉันมาขอแบ่งที่ดิน ที่ยายได้มอบให้จำนวน 4 ไร่ เป็นที่ไร่สวนที่พ่อแม่ใช้ทำกิน เพื่อไปกู้เงินมาส่งค่างวดรถยนต์ 1 คัน มอเตอร์ไซค์ 3 คัน ค่าเทอมลูกพี่สาว 1 คน ค่ากินค่าใช้ต่าง ๆ นานา ซึ่งก่อนหน้านี้ ฉันมีความตั้งใจจะโอนที่ดินให้กับหลาน คือลูกพี่สาวตอนโต แต่ตอนนี้คือพ่อแม่ฉันไม่พอใจ ร้อนรนอยากแก้ปัญหาให้พี่สาว โดยไม่ฟังคำปรึกษาจากใครเลย แม่ฉันเป็นคนโมโหร้ายทุกครั้ง ที่มีปัญหาจากพี่สาวมาโดยตลอดตั้งแต่เกิด จนตอนนี้พี่สาวอายุ 38 ปีแล้ว ก็ยังหาข้าวหาน้ำ หาเงินส่งให้พี่สาวตลอด ทุกวันนี้ ปัญหาของฉันก็ยังค้างคาไว้แบบนั้น
ตอนนี้ ฉันเองก็ทำงานพงน.บริษัท มีลูกอายุ 5 ขวบ 1 คน ที่อาศัยอยู่ด้วยกันกับแฟน (แฟนทำงานฟรีแลนซ์และเลี้ยงลูก) พี่สาว และหลานสาว 1 คนกำลังเรียน ม.4 ต้องอดทนไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวจากพ่อแม่ พี่สาว ทุกวันนี้ พี่สาวมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว แต่พ่อกับแม่ที่ทะเลาะกันกับฉันบ่อยครั้ง จนลูกของฉันต้องหวาดกลัวตัวสั้น พ่อกับแม่จึงได้ออกไปอาศัยอยู่ที่ไร่สวน โดยก่อนหน้านี้แฟนฉันช่วยต่อไฟฟ้า และเจาะน้ำบาดาลไว้ให้ใช้แล้ว
ในส่วนแฟนฉันเอง แฟนฉันตกลงจะไปทำงานเป็นแรงงานที่อิสราเอลโดยรัฐฯจัดส่งไปเพื่อเก็บเงิน จะแยกครอบครัวตัวเองออกจากบ้านหลังนี้ และยังส่งเสียเลี้ยงดูฉันกับลูกไปก่อน ส่วนพี่สาวกับพ่อและแม่ ยังมีปัญหาโดยตลอด ทางด้านความสัมพันธ์กัน คือ ไม่สามารถมองหน้าหรือพูดคุยกันได้เลย จะคุยก็ต่อเมื่อขอความช่วยเหลือ ขอแบ่งที่ดินที่ฉันได้รับมาจากยายโดยตรง โดยอ้างบุญคุณจากการเลี้ยงดูฉันมา เรื่องนี้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานใจมาโดยตลอด และต้องอดทนเพื่อรักษาครอบครัวตัวเองไว้ก่อน อนาคตเมื่อแยกบ้านกันแล้ว หวังว่าชีวิตฉันจะดีขึ้นกว่านี้ ต้องรักตัวเองให้เป็น
ใครมีความเห็นคิดอย่างไร สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ขอบคุณที่รับฟัง เผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ ต่อไป ขอบคุณค่ะ
ปัญหาครอบครัว ที่ยังไม่แยกบ้านกับพ่อแม่ อาศัยอยู่ร่วมกันหลายคน พ่อแม่ตามใจลูกรัก และชั่งลูกอีกคน
ต่อมาพี่สาวก็มีแฟนมีโดยออกไปอาศัยบ้านเช่าร่วมกับแฟนใหม่พร้อมลูกเลี้ยงติดมาอีก 1 คน พรเอมกันนั้นที่บ้านเกิดมีน้ำท่วมขังบ่อยครั้งที่ฝนตก เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ จึงได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ฉันผู้เป็นน้องสาว และฉันได้ทำการต่อเติมยกบ้านให้สูงขึ้น ทั้งล้อมรั้วจนเสร็จสิ้นอาศัยอยู่ได้ โดยฉันได้รับกาาช่วยเหลือด้านการเงินจากแฟนที่คบหากันมาด้วยนั้น ต่อมาฉันได้แต่งงาน แฟนฉันจึงได้มาอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน และยังต่อเติมบ้านด้วยกัน โดยคิดว่าอาศัยอยู่ด้วยกันไปก่อน โดยก่อนแต่งงานฉันกับแม่ได้ไปกู้เงินมาจากสหกรณ์ร่วมกัน และแบ่งเงินกันใช้ โดยเงินส่วนนั้นฉันได้เอามาต่อเติมบ้าน แล้วต่อมามีปัญหาเรื่องที่แม่ฉันไม่สามารถรับปิดชอบหนี้สินนี้ได้ พอแต่งงานแล้วแฟนฉันมาทราบเรื่องจึงได้ช่วยย้ายสินค้าก้อนนี้ไปเข้าธนาคารที่ดอดเบี้ยถูกลง และฉันกับแฟนเป็นผู้รับภาระนี้ไปก่อนมาโดยตลอด อยู่มา 3 ปี เราอยู่กันโดยไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งพี่สาวฉันมีปัญหาเรื่องการเงินต้องให้พ่อแม่ช่วยมาโดยตลอด ทั้งลูกสาวของพี่สาว ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ พี่สาวก็ไม่เคยรับภาระนี้เลย ไม่เลี้ยงลูกตัวเอง ปล่อยให้พ่อกับแม่รับภาระมาตลอด พอพี่สาวกับพี่เขย(คนใหม่)พร้อมลูกเลี้ยงย้ายมาอาศัยที่บ้านญาติที่ติดกันกับบ้านฉันอาศัยอยู่ ก็มีการทะเลาะกันเองกีบแฟนให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งแฟนของพี่สาวไม่มีงานทำ พี่สาวยังทำงานอยู่ พ่อกับแม่ฉันเป็นฝ่ายหาอาหารไปส่งเป็นประจำทุกวัน ต่อมาก็ยังได้แอบไปออกรถมอเตอร์ไซต์เพิ่มมาอีก 1 คัน ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่ฉันได้ออกรถเก่งป้ายแดงให้พี่สาวแล้ว 1 คัน มอเตอร์ไซต์อีก 1 คัน ไม่สามารถส่งค่างวดได้ โดยที่ผ่านมาเวลามีปัญหาเรื่องเงินก็ขอพ่อกับแม่มาโดยตลอด (พ่อกับแม่เป็นชาวสวน ปลูกผักขายที่ตลาด และเลี้ยงวัวประมาณ 6 ตัว ค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว) ฉันก็พอทราบปัญหาเรื่องเงิน ก็ได้ช่วยพ่อกับแม่ไปบ้างตามกำลังที่ฉันไหว แต่ไม่ตลอด เพราะที่บ้านฉันยังรับภาระค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าผ่อนงวดธนาคาร ค่าใช้จ่ายในบ้าน อื่น ๆ
ต่อมาพี่สาวก็ได้เลิกลากันไปกับแฟนใหม่ ทั้งก่อนหน้านี้ฉันก็ได้เตือนเรื่องต่าง ๆ ทักท้วงเรื่องต่างให้พ่อแม่ฉันฟัง ว่าอะไรควรไม่ควรแล้ว แต่กลับเป็นฉันเองที่พูดพ่อแม่ต่อว่ามาโดยตลอด จนฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ปัญหายังมีต่อไปเลื่อย ๆ โดยล่าสุด พ่อกับแม่ฉันมาขอแบ่งที่ดิน ที่ยายได้มอบให้จำนวน 4 ไร่ เป็นที่ไร่สวนที่พ่อแม่ใช้ทำกิน เพื่อไปกู้เงินมาส่งค่างวดรถยนต์ 1 คัน มอเตอร์ไซค์ 3 คัน ค่าเทอมลูกพี่สาว 1 คน ค่ากินค่าใช้ต่าง ๆ นานา ซึ่งก่อนหน้านี้ ฉันมีความตั้งใจจะโอนที่ดินให้กับหลาน คือลูกพี่สาวตอนโต แต่ตอนนี้คือพ่อแม่ฉันไม่พอใจ ร้อนรนอยากแก้ปัญหาให้พี่สาว โดยไม่ฟังคำปรึกษาจากใครเลย แม่ฉันเป็นคนโมโหร้ายทุกครั้ง ที่มีปัญหาจากพี่สาวมาโดยตลอดตั้งแต่เกิด จนตอนนี้พี่สาวอายุ 38 ปีแล้ว ก็ยังหาข้าวหาน้ำ หาเงินส่งให้พี่สาวตลอด ทุกวันนี้ ปัญหาของฉันก็ยังค้างคาไว้แบบนั้น
ตอนนี้ ฉันเองก็ทำงานพงน.บริษัท มีลูกอายุ 5 ขวบ 1 คน ที่อาศัยอยู่ด้วยกันกับแฟน (แฟนทำงานฟรีแลนซ์และเลี้ยงลูก) พี่สาว และหลานสาว 1 คนกำลังเรียน ม.4 ต้องอดทนไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวจากพ่อแม่ พี่สาว ทุกวันนี้ พี่สาวมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว แต่พ่อกับแม่ที่ทะเลาะกันกับฉันบ่อยครั้ง จนลูกของฉันต้องหวาดกลัวตัวสั้น พ่อกับแม่จึงได้ออกไปอาศัยอยู่ที่ไร่สวน โดยก่อนหน้านี้แฟนฉันช่วยต่อไฟฟ้า และเจาะน้ำบาดาลไว้ให้ใช้แล้ว
ในส่วนแฟนฉันเอง แฟนฉันตกลงจะไปทำงานเป็นแรงงานที่อิสราเอลโดยรัฐฯจัดส่งไปเพื่อเก็บเงิน จะแยกครอบครัวตัวเองออกจากบ้านหลังนี้ และยังส่งเสียเลี้ยงดูฉันกับลูกไปก่อน ส่วนพี่สาวกับพ่อและแม่ ยังมีปัญหาโดยตลอด ทางด้านความสัมพันธ์กัน คือ ไม่สามารถมองหน้าหรือพูดคุยกันได้เลย จะคุยก็ต่อเมื่อขอความช่วยเหลือ ขอแบ่งที่ดินที่ฉันได้รับมาจากยายโดยตรง โดยอ้างบุญคุณจากการเลี้ยงดูฉันมา เรื่องนี้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานใจมาโดยตลอด และต้องอดทนเพื่อรักษาครอบครัวตัวเองไว้ก่อน อนาคตเมื่อแยกบ้านกันแล้ว หวังว่าชีวิตฉันจะดีขึ้นกว่านี้ ต้องรักตัวเองให้เป็น
ใครมีความเห็นคิดอย่างไร สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ขอบคุณที่รับฟัง เผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ ต่อไป ขอบคุณค่ะ