https://pantip.com/topic/43522492
https://pantip.com/topic/43534642
https://pantip.com/topic/42998146
https://pantip.com/topic/43048989


สรุปสุดท้าย: แพ็กเกจ HIMARS และผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ
หากนำงบประมาณโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 500,000 ล้านบาท มาใช้จัดหา แท่นยิง M142 HIMARS จำนวน 300 คัน พร้อมจรวด ATACMS เพียงอย่างเดียว นี่คือบทสรุปของสิ่งที่จะได้รับ, การเปรียบเทียบกับสัญญาซื้อขายจริง, และการวิเคราะห์ผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
1. สรุปแพ็กเกจการจัดหา
จากการคำนวณตามงบประมาณและราคาประเมินในตลาดการค้าอาวุธระหว่างประเทศ แพ็กเกจที่จะได้รับประกอบด้วย:
* แท่นยิง M142 HIMARS:
* จำนวน: 300 คัน
* รายละเอียด: มาพร้อมระบบสนับสนุนครบวงจร ทั้งรถลำเลียงจรวด, รถซ่อมบำรุง, ระบบบัญชาการและควบคุม (C2), และโปรแกรมการฝึกอบรมกำลังพลเต็มรูปแบบ
* จรวดขีปนาวุธทางยุทธวิธี ATACMS (พิสัย 300 กม.):
* จำนวน: ประมาณ 6,278 นัด
* รายละเอียด: เป็นจรวดพิสัยไกลสำหรับโจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญสูง
2. ดีลตัวอย่างที่ใกล้เคียง: กรณีประเทศโปแลนด์
เพื่อให้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของแพ็กเกจนี้ สามารถเปรียบเทียบกับ สัญญาจัดหา HIMARS ครั้งใหญ่ของประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในดีลที่เป็นข่าวทั่วโลก:
* วงเงิน: ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 324,300 ล้านบาท)
* สิ่งที่ได้รับ:
* รถยิง HIMARS 486 คัน
* จรวด ATACMS (พิสัยไกล) 45 นัด
* จรวด GMLRS (พิสัยใกล้) กว่า 9,000 นัด
บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ:
งบประมาณ 5 แสนล้านบาทของไทย (ประมาณ 15,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นั้น สูงกว่า งบประมาณของโปแลนด์อย่างมีนัยสำคัญ และการเลือกจัดหา เฉพาะจรวด ATACMS ทำให้ได้มาซึ่งอาวุธโจมตีทางยุทธศาสตร์ในปริมาณที่ มากกว่าดีลของโปแลนด์ถึง 100 เท่า ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เคยมีประเทศใดนอกสหรัฐอเมริกาเคยจัดหามาก่อน
3. วิเคราะห์ผลกระทบด้านความมั่นคง
การมีระบบอาวุธดังกล่าวไว้ในครอบครอง จะยกระดับศักยภาพทางการทหารและความมั่นคงของประเทศไทยขึ้นไปอยู่ในจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และจะส่งผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์อย่างมหาศาล:
* อำนาจการป้องปรามเชิงยุทธศาสตร์ขั้นสูงสุด (Ultimate Strategic Deterrence):
* การมีจรวดพิสัยไกลที่แม่นยำสูงจำนวนกว่า 6,000 นัด ถือเป็น "ไพ่ตาย" ที่สามารถหยุดยั้งความคิดที่จะรุกรานประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกประเทศในภูมิภาคจะรับรู้ว่าการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อไทยจะนำมาซึ่งการตอบโต้ที่รุนแรงและเด็ดขาดต่อศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ของตนเอง
* การชิงความได้เปรียบและกำหนดทิศทางของสงคราม:
* หากเกิดความขัดแย้งขึ้น ประเทศไทยจะเปลี่ยนสถานะจากฝ่ายตั้งรับตามแนวชายแดน ไปเป็นฝ่ายที่สามารถ "คุมเกม" และชิงลงมือก่อนได้ทันที โดยสามารถทำลายเป้าหมายสำคัญที่สุดของข้าศึก เช่น ฐานทัพอากาศ, ศูนย์บัญชาการ, ท่าเรือ, และระบบป้องกันภัยทางอากาศ เพื่อตัดขีดความสามารถในการทำสงครามของฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่เริ่มต้น
* การเปลี่ยนแปลงดุลยภาพทางทหารในภูมิภาค:
* การมีขีดความสามารถในการโจมตีทางลึกที่ทรงพลังและมีคลังอาวุธขนาดใหญ่นี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น มหาอำนาจทางทหาร (Conventional Military Power) ที่โดดเด่นที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปริยาย ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเมืองระหว่างประเทศและเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตอย่างมหาศาล
* ข้อพิจารณา:
* แพ็กเกจนี้เป็นการทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ "หมัดเด็ด" เพียงอย่างเดียว การไม่มีจรวด GMLRS ซึ่งมีราคาถูกกว่า จะทำให้ขาดความยืดหยุ่นในการโจมตีเป้าหมายทางยุทธวิธีที่ไม่สำคัญมากนัก อย่างไรก็ตาม อำนาจการป้องปรามจาก ATACMS เพียงอย่างเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้ไม่ต้องเกิดการสู้รบในระดับยุทธวิธีขึ้นเลยก็เป็นได้
จรวด ATACMS ที่มีระยะยิงมาตรฐาน 300 กิโลเมตร ถือเป็นอาวุธที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง และหากยิงจากจุดต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จะสามารถครอบคลุมเป้าหมายสำคัญได้เกือบทั้งหมด ดังนี้
พื้นที่ที่อยู่ในระยะยิง (ครอบคลุม)
* เมืองหลวงและศูนย์กลางอำนาจ:
* กรุงพนมเปญ: ระยะทางจากชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังกรุงพนมเปญอยู่ที่ประมาณ 230-250 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในระยะยิงของ ATACMS ได้อย่างสบาย
* เมืองสำคัญอื่นๆ: เมืองเสียมราฐ, พระตะบอง, ปอยเปต, เกาะกง ล้วนอยู่ในระยะยิงทั้งหมด
* ฐานทัพและที่ตั้งทางทหาร:
* ฐานทัพอากาศโปเชนตง (พนมเปญ)
* ฐานทัพเรือเรียม (จังหวัดพระสีหนุ)
* ค่ายทหารและคลังอาวุธส่วนใหญ่ของกัมพูชา
* ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ:
* จังหวัดพระสีหนุ (สีหนุวิลล์): เมืองท่าและศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกัมพูชา อยู่ในระยะยิงจากชายแดน จ.ตราด
* พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ
พื้นที่ที่อาจจะอยู่นอกระยะยิง
* พื้นที่ชายแดนด้านตะวันออกสุดติดกับเวียดนาม:
* จังหวัดที่อยู่ลึกเข้าไปทางตะวันออกสุดของประเทศ เช่น จังหวัดรัตนคีรี หรือ จังหวัดมณฑลคีรี อาจมีบางพื้นที่ที่อยู่ห่างจากแนวชายแดนไทยเกิน 300 กิโลเมตร ทำให้เป็นจุดเดียวที่อาจจะปลอดภัยจากการโจมตีด้วย ATACMS หากยิงจากแนวชายแดนหลัก
บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์
แม้จรวด ATACMS จะไม่สามารถครอบคลุม "ทุกตารางนิ้ว" ของกัมพูชาได้ แต่รัศมี 300 กิโลเมตรจากแนวชายแดนนั้น เพียงพอที่จะทำลายล้างศูนย์กลางอำนาจทางการเมือง, การทหาร และเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศได้
การมีขีดความสามารถนี้หมายความว่า สามารถทำให้กลไกการสั่งการและเศรษฐกิจของทั้งประเทศเป็นอัมพาตได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งกำลังภาคพื้นดินข้ามไป ซึ่งถือเป็นอำนาจการป้องปราม (Deterrence) ที่สมบูรณ์แบบ
ถ้าเรามีอาวุธพวกนี้ คิดว่ามันจะ มีประเด็นกับเราไหมครับ?และรักษาชีวิตพี้น้องประชาชน,ทหารเราได้ไหม?
https://pantip.com/topic/43522492
https://pantip.com/topic/43534642
https://pantip.com/topic/42998146
https://pantip.com/topic/43048989
สรุปสุดท้าย: แพ็กเกจ HIMARS และผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ
หากนำงบประมาณโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 500,000 ล้านบาท มาใช้จัดหา แท่นยิง M142 HIMARS จำนวน 300 คัน พร้อมจรวด ATACMS เพียงอย่างเดียว นี่คือบทสรุปของสิ่งที่จะได้รับ, การเปรียบเทียบกับสัญญาซื้อขายจริง, และการวิเคราะห์ผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
1. สรุปแพ็กเกจการจัดหา
จากการคำนวณตามงบประมาณและราคาประเมินในตลาดการค้าอาวุธระหว่างประเทศ แพ็กเกจที่จะได้รับประกอบด้วย:
* แท่นยิง M142 HIMARS:
* จำนวน: 300 คัน
* รายละเอียด: มาพร้อมระบบสนับสนุนครบวงจร ทั้งรถลำเลียงจรวด, รถซ่อมบำรุง, ระบบบัญชาการและควบคุม (C2), และโปรแกรมการฝึกอบรมกำลังพลเต็มรูปแบบ
* จรวดขีปนาวุธทางยุทธวิธี ATACMS (พิสัย 300 กม.):
* จำนวน: ประมาณ 6,278 นัด
* รายละเอียด: เป็นจรวดพิสัยไกลสำหรับโจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญสูง
2. ดีลตัวอย่างที่ใกล้เคียง: กรณีประเทศโปแลนด์
เพื่อให้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของแพ็กเกจนี้ สามารถเปรียบเทียบกับ สัญญาจัดหา HIMARS ครั้งใหญ่ของประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในดีลที่เป็นข่าวทั่วโลก:
* วงเงิน: ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 324,300 ล้านบาท)
* สิ่งที่ได้รับ:
* รถยิง HIMARS 486 คัน
* จรวด ATACMS (พิสัยไกล) 45 นัด
* จรวด GMLRS (พิสัยใกล้) กว่า 9,000 นัด
บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ:
งบประมาณ 5 แสนล้านบาทของไทย (ประมาณ 15,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นั้น สูงกว่า งบประมาณของโปแลนด์อย่างมีนัยสำคัญ และการเลือกจัดหา เฉพาะจรวด ATACMS ทำให้ได้มาซึ่งอาวุธโจมตีทางยุทธศาสตร์ในปริมาณที่ มากกว่าดีลของโปแลนด์ถึง 100 เท่า ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เคยมีประเทศใดนอกสหรัฐอเมริกาเคยจัดหามาก่อน
3. วิเคราะห์ผลกระทบด้านความมั่นคง
การมีระบบอาวุธดังกล่าวไว้ในครอบครอง จะยกระดับศักยภาพทางการทหารและความมั่นคงของประเทศไทยขึ้นไปอยู่ในจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และจะส่งผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์อย่างมหาศาล:
* อำนาจการป้องปรามเชิงยุทธศาสตร์ขั้นสูงสุด (Ultimate Strategic Deterrence):
* การมีจรวดพิสัยไกลที่แม่นยำสูงจำนวนกว่า 6,000 นัด ถือเป็น "ไพ่ตาย" ที่สามารถหยุดยั้งความคิดที่จะรุกรานประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกประเทศในภูมิภาคจะรับรู้ว่าการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อไทยจะนำมาซึ่งการตอบโต้ที่รุนแรงและเด็ดขาดต่อศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ของตนเอง
* การชิงความได้เปรียบและกำหนดทิศทางของสงคราม:
* หากเกิดความขัดแย้งขึ้น ประเทศไทยจะเปลี่ยนสถานะจากฝ่ายตั้งรับตามแนวชายแดน ไปเป็นฝ่ายที่สามารถ "คุมเกม" และชิงลงมือก่อนได้ทันที โดยสามารถทำลายเป้าหมายสำคัญที่สุดของข้าศึก เช่น ฐานทัพอากาศ, ศูนย์บัญชาการ, ท่าเรือ, และระบบป้องกันภัยทางอากาศ เพื่อตัดขีดความสามารถในการทำสงครามของฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่เริ่มต้น
* การเปลี่ยนแปลงดุลยภาพทางทหารในภูมิภาค:
* การมีขีดความสามารถในการโจมตีทางลึกที่ทรงพลังและมีคลังอาวุธขนาดใหญ่นี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น มหาอำนาจทางทหาร (Conventional Military Power) ที่โดดเด่นที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปริยาย ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเมืองระหว่างประเทศและเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตอย่างมหาศาล
* ข้อพิจารณา:
* แพ็กเกจนี้เป็นการทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ "หมัดเด็ด" เพียงอย่างเดียว การไม่มีจรวด GMLRS ซึ่งมีราคาถูกกว่า จะทำให้ขาดความยืดหยุ่นในการโจมตีเป้าหมายทางยุทธวิธีที่ไม่สำคัญมากนัก อย่างไรก็ตาม อำนาจการป้องปรามจาก ATACMS เพียงอย่างเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้ไม่ต้องเกิดการสู้รบในระดับยุทธวิธีขึ้นเลยก็เป็นได้
จรวด ATACMS ที่มีระยะยิงมาตรฐาน 300 กิโลเมตร ถือเป็นอาวุธที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง และหากยิงจากจุดต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จะสามารถครอบคลุมเป้าหมายสำคัญได้เกือบทั้งหมด ดังนี้
พื้นที่ที่อยู่ในระยะยิง (ครอบคลุม)
* เมืองหลวงและศูนย์กลางอำนาจ:
* กรุงพนมเปญ: ระยะทางจากชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังกรุงพนมเปญอยู่ที่ประมาณ 230-250 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในระยะยิงของ ATACMS ได้อย่างสบาย
* เมืองสำคัญอื่นๆ: เมืองเสียมราฐ, พระตะบอง, ปอยเปต, เกาะกง ล้วนอยู่ในระยะยิงทั้งหมด
* ฐานทัพและที่ตั้งทางทหาร:
* ฐานทัพอากาศโปเชนตง (พนมเปญ)
* ฐานทัพเรือเรียม (จังหวัดพระสีหนุ)
* ค่ายทหารและคลังอาวุธส่วนใหญ่ของกัมพูชา
* ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ:
* จังหวัดพระสีหนุ (สีหนุวิลล์): เมืองท่าและศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกัมพูชา อยู่ในระยะยิงจากชายแดน จ.ตราด
* พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ
พื้นที่ที่อาจจะอยู่นอกระยะยิง
* พื้นที่ชายแดนด้านตะวันออกสุดติดกับเวียดนาม:
* จังหวัดที่อยู่ลึกเข้าไปทางตะวันออกสุดของประเทศ เช่น จังหวัดรัตนคีรี หรือ จังหวัดมณฑลคีรี อาจมีบางพื้นที่ที่อยู่ห่างจากแนวชายแดนไทยเกิน 300 กิโลเมตร ทำให้เป็นจุดเดียวที่อาจจะปลอดภัยจากการโจมตีด้วย ATACMS หากยิงจากแนวชายแดนหลัก
บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์
แม้จรวด ATACMS จะไม่สามารถครอบคลุม "ทุกตารางนิ้ว" ของกัมพูชาได้ แต่รัศมี 300 กิโลเมตรจากแนวชายแดนนั้น เพียงพอที่จะทำลายล้างศูนย์กลางอำนาจทางการเมือง, การทหาร และเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศได้
การมีขีดความสามารถนี้หมายความว่า สามารถทำให้กลไกการสั่งการและเศรษฐกิจของทั้งประเทศเป็นอัมพาตได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งกำลังภาคพื้นดินข้ามไป ซึ่งถือเป็นอำนาจการป้องปราม (Deterrence) ที่สมบูรณ์แบบ