[CR] แชร์ประสบการณ์ เมื่อคนขี้วิตกกังวล หลับยาก ไปเจอนักจิตวิทยา happy me clinic

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคน! วันนี้ขออนุญาตมาใช้พื้นที่ตรงนี้รีวิว + แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆ กัน นั่นก็คือ อาการวิตกกังวลที่ส่งผลต่อการนอนหลับ

ถ้าจะให้ย้อนไปตั้งแต่จำความได้ คงต้องบอกว่าตัวเองเป็นคนขี้กังวลมาตั้งแต่เด็กๆ เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่สมองมันเหมือนมีปุ่ม “เปิด” การคิดมากตลอดเวลา คิดวนไปวนมากับทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงๆ ด้วยซ้ำ

อาการมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงวัยทำงาน
ยิ่งมีเรื่องให้ต้องรับผิดชอบเยอะขึ้น ความกดดันก็มากขึ้น อาการวิตกกังวลก็ยิ่งทวีคูณ กลายเป็นว่ามันส่งผลกระทบโดยตรงกับการนอนหลับ จากที่เคยหลับง่ายๆ กลายเป็นคนหลับยากมาก บางคืนนอนพลิกไปพลิกมาเป็นชั่วโมงกว่าจะเคลิ้มหลับได้ พอหลับไปแล้วก็ไม่สนิท หลับๆ ตื่นๆ ตื่นกลางดึกบ่อยมาก แถมพอตื่นขึ้นมาสมองก็เริ่มทำงานทันที คิดนั่นคิดนี่ 
จำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่งานหนักมากๆ แถมมีปัญหาส่วนตัวรุมเร้า กลายเป็นว่าแทบจะไม่ได้นอนเลย สภาพร่างกายทรุดโทรมมาก ตื่นมาก็ไม่สดชื่น งัวเงียตลอดเวลา สมาธิก็ไม่ดี อารมณ์แปรปรวนง่าย จากที่เป็นคนใจเย็นๆ ก็กลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายมากๆ บางทีแค่เจ้านายขอให้แก้งานนิดหน่อยก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์แล้ว รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ ที่เป็นแบบนี้

และนี่คือก้าวแรกที่ทำให้เราทิ้งความคิดมากได้
แน่นอนว่าเมื่อรู้ตัวว่ามีปัญหา ก็พยายามหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเองมาสารพัดวิธี เริ่มจากการอ่านหนังสือพัฒนาตัวเองเยอะมาก หนังสือเกี่ยวกับการจัดการความคิด การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข การปล่อยวาง อ่านหมดเลย บางเล่มก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ชั่วคราว แต่พอวางหนังสือลง ชีวิตจริงก็กลับมาวนลูปเดิมอีก
ลองฟังเพลงผ่อนคลายก่อนนอน ลองนั่งสมาธิสั้นๆ ลองปรับสภาพแวดล้อมในห้องนอน ลองดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน ทำทุกอย่างที่เขาว่าดี เรียกว่าค้นหาในกูเกิ้ลฉ่ำเลยช่วงนั้น ไปมูก็ทำหมด
แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น โดยเฉพาะเวลาที่เจอกับสถานการณ์ที่กระตุ้นความกังวลหนักๆ เช่น มีเรื่องต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ มีปัญหากับคนใกล้ชิด หรือมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะๆ ในที่ทำงาน อาการก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม บางทีก็หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นคือการพยายาม "บังคับ" ให้ตัวเองไม่คิด ตอนกลางคืนพอนอนลงไปปุ๊บ สมองก็เริ่มทำงานทันที เริ่มคิดเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องนั้นนี่ เรื่องดราม่าในสังคม พยายามบอกตัวเองว่า "หยุดคิดได้แล้ว!" "นอนซะ!" แต่ยิ่งพยายามบังคับ ก็ยิ่งคิดหนักเข้าไปอีก 
เหมือนสมองมันยิ่งต่อต้านและประมวลผลข้อมูลเยอะขึ้นกว่าเดิมซะอีก รู้สึกเหนื่อยกับตัวเองมาก ๆ เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ รู้สึกว่าทำไมแค่นอนให้หลับสนิทเหมือนคนอื่นมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้นะ

จุดเปลี่ยนการตัดสินใจออกตามหา "ผู้ช่วย" เพราะแก้คนเดียวไม่ไหวแล้ว
.
.
มีอยู่คืนหนึ่งนอนไม่หลับเลยทั้งคืน ในวินาทีนั้นเองที่ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาตัวช่วยจากผู้เชี่ยวชาญความคิดแรกคืออยากลองรักษาด้วยวิธีที่ไม่ใช้ยาก่อน เพราะรู้สึกว่ายังไม่อยากพึ่งยาเม็ด ถ้าเป็นไปได้อยากให้ร่างกายและจิตใจมันปรับสมดุลได้เองโดยธรรมชาติ
เลยเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการบำบัดทางจิตวิทยา พิมพ์หาใน Google ว่า "นักจิตวิทยา" "คลินิกสุขภาพจิต" "จิตวิทยาบำบัดโดยไม่ใช้ยา" 
อ่านรีวิวในพันทิปและอ่านเคสต่างๆ อยู่พักใหญ่เลยจนกระทั่งมาเจอชื่อ Happy Me Clinic
บรรยากาศภายในคลินิก เลิกงานแล้วมาปรึกษาต่อเลย ช่วยให้หายเหนื่อยได้มาก 🥹
อ่านรีวิวแล้วรู้สึกว่าที่นี่ดูน่าสนใจ บรรยากาศดูอบอุ่น ไม่น่ากลัวเหมือนโรงพยาบาล แถมยังมีนักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน เลยตัดสินใจลองติดต่อไปเพื่อขอคำปรึกษาและนัดหมาย
ตอนที่โทรไปนัดหมายครั้งแรกนี่สารภาพเลยว่า ตื่นเต้นปนกังวลมากๆ  ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยามาก่อน ภาพในหัวคือการเล่าเรื่องส่วนตัวที่ลึกซึ้งที่สุดให้กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักเลย มันรู้สึกประหม่าและไม่คุ้นชิน แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีความหวังเต็มเปี่ยมหวังว่านี่จะเป็นทางออกของปัญหาที่ติดค้างอยู่ในใจมานานแสนนาน หวังว่าจะได้กลับมานอนหลับเต็มอิ่มอีกครั้ง
พอไปถึงคลินิกครั้งแรก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองมากๆ  ดูสบายตา ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนคลินิกหรือโรงพยาบาลทั่วไปเลย พนักงานต้อนรับก็ยิ้มแย้ม ให้ข้อมูลและดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ความกังวลใจที่มีอยู่ลดลงไปเยอะเลย

ประสบการณ์ในห้องบำบัดครั้งแรก ในหนังกับชีวิตจริงต่างกันมาก
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่ได้พบกับนักจิตวิทยา พี่เค้าใจดีมากๆ เริ่มจากการแนะนำตัวและชวนคุยเรื่องทั่วไป เพื่อให้เรารู้สึกผ่อนคลายก่อน แล้วค่อยๆ ชวนให้เราเล่าเรื่องต่างๆ ที่เราเป็นอยู่ ตอนแรกก็ยังตะกุกตะกักอยู่บ้างแต่ด้วยวิธีการพูดคุยของพี่นักจิตวิทยาที่รับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสินเลยแม้แต่น้อย ทำให้เรารู้สึก ปลอดภัยและกล้าที่จะเล่าทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา
เราคือเล่าทุกเรื่องทั้งหมดที่อยู่ในใจ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากคือ พี่เค้าช่วยจัดระเบียบความคิดที่ยุ่งเหยิงของเราให้เป็นระบบมากขึ้น เหมือนเป็นคนช่วยจัดเรียงกองหนังสือที่กระจัดกระจายอยู่ในหัวให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้เรามองเห็นภาพรวมของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น และเข้าใจว่าอะไรคือต้นตอของความกังวลที่แท้จริง

ชีวิตหลังการบำบัด 1 เดือน 
ผ่านมาเดือนกว่าๆ แล้ว หลังจากที่ได้เริ่มคุยกับนักจิตวิทยาที่นี่ อยากบอกเลยว่าชีวิตดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเจนมาก!
💗ความกังวลลดลงเยอะมาก ไม่ได้หายไป 100% นะ แต่รู้สึกว่า รับมือกับมันได้ดีขึ้นเยอะเลยเมื่อก่อนเวลาเครียด สมองจะวนลูปคิดไม่หยุด แต่ตอนนี้พอมีความคิดฟุ้งซ่านเข้ามา จะรู้ตัวเร็วขึ้นและดึงตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ไวขึ้น

💤หลับสบายขึ้นเยอะ นี่คือสิ่งที่แฮปปี้ที่สุดในตอนนี้เลย! กลางคืนหลับได้ยาวขึ้น ตื่นมาแล้วสดชื่น มีแรงใช้ชีวิต ไม่เหมือนคนอดนอนอีกต่อไป การได้นอนเต็มอิ่มมันส่งผลดีต่อทั้งกายและใจจริงๆ 

😊ความคิดเป็นระเบียบ มีทิศทาง นักจิตวิทยาช่วยจัดระเบียบเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงในหัวให้ เป็นระบบและมีทิศทางมากขึ้น เหมือนช่วยให้เราเห็นแผนที่ชีวิตที่ชัดเจน ทำให้รู้ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง ไม่รู้สึกว่าความคิดกระจัดกระจายไร้ทิศทางเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

✌️รับมือปัญหาได้ดีขึ้น ปัญหาในชีวิตก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่ได้หายไปไหน แต่วิธีคิดและวิธีรับมือของเรามันเปลี่ยนไป ทำให้รู้สึกว่าเรา มีเครื่องมือที่ดีขึ้นในการจัดการมัน พอเราจัดการความคิดและปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น 

อยากบอกเพื่อน ๆ ทุกคน โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆ กันว่า การไปหานักจิตวิทยาไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย
มันคือการที่เราให้ความสำคัญกับสุขภาพใจของเราเอง ซึ่งสำคัญไม่แพ้สุขภาพกายเลยนะ การที่เรายอมรับว่าเราต้องการความช่วยเหลือ และก้าวออกมาเพื่อหามัน คือความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง

สำหรับเราแล้วการตัดสินใจไปพบนักจิตวิทยาคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยมันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ สำหรับสุขภาพจิตและชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเอง แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีก็แอบต้องใช้เงินเยอะอยู่เหมือนกัน แต่เพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขเราว่าคุ้มกับเงินที่จ่ายนะ

หากใครกำลังลังเลอยู่ หรือรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมอยู่กับความกังวลและปัญหาการนอนหลับ ลองให้โอกาสตัวเองได้ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดูนะ คุณอาจจะเจอทางออกที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนก็ได้การมีใครสักคนมาช่วยฟัง ช่วยจัดระเบียบความคิด และแนะนำแนวทางมันช่วยได้มากจริงๆ 
คุณไม่ใช่คนเดียวที่กำลังรู้สึกแบบนี้ และคุณไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ 😊
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่านมาจบจบยาวหน่อย แต่อยากให้คนที่มีปัญหาแบบเราได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเราจริงๆ 
ชื่อสินค้า:   happy me clinic
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่