AIS กับวิธีการโกงค่าบริการแบบเนียนๆ

ขึ้นต้นหัวข้ออาจจะดูแรง แต่ผมว่าไม่เกินจริง

เรื่องเกิดขึ้นจากสาเหตุว่า คุณป้าที่ขายข้าวอยู่ปากซอยบ้านผม ท่านอายุเยอะแล้ว

เดิมทีแกใช้บริการโทรศัทพ์แบบเติมเงินของ "True"

ซึ่งแกพบปัญหาว่า แค่เปิดเรื่องไว้เฉย ๆ เงินที่มีในระบบก็ค่อย ๆ หายไป

บางครั้งไปเติมเงินค่าโทรที่ 7-Eleven... เพียงแค่เดินออกมายังไม่ทันไร ค่าโทรก็หายไปแล้ว 20 บ. (ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้โทรไปที่ไหนเลย)

กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ป้าแกโดน "SMS กินเงิน" นั่นแหล่ะ ... มุกโกงเงินแสนคลาสสิกที่มีอยู่ในทุกค่ายของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย

เนื่องจากแกอายุเยอะแล้ว บวกกับสายตาก็ไม่ค่อยดี เวลาเจอปัญหานี้ แกก็ไปที่ศูนย์ของ True Shop เพื่อสอบถามและแก้ไขปัญหา

ก็แน่นอนว่าไปถึงที่ True Shop... พนักงานก็แก้ไขแบบเดิม ๆ (ซึ่งก็แค่กดยกเลิกบริการ SMS)

แล้วหลังจากป้าแกกลับไปใช้งานมือถือ True ต่อ... ไม่นานหลังจากนั้น ก็เจอปัญหา SMS กินเงินแบบเดิม ๆ

ยกเลิก SMS ไป เดี๋ยวก็กลับมาใหม่อีก ... วนเวียนอยู่แบบนี้

เท่าที่ผมเคยคุยกับพนักงานของ True... ก็จะบอกแค่ว่าระบบแบบนี้ เขาแก้ไขอะไรไม่ได้ (ก็นะ... แก้ไม่ได้ หรือไม่อยากแก้กันแน่? ก็รู้ ๆ กันอยู่)
ขนาดขอให้ยกเลิกไม่รับ SMS เลย(ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม) ... พนักงานก็ไม่ยอมทำให้ (บอกแค่ว่าทำไม่ได้)

ผมเลยแนะนำให้ป้าแกเปลี่ยนไปใช้ AIS แทน

แล้วผมก็อาสาซื้อซิมเน็ตมาราธอน 50GB ของ AIS มาให้ป้าใช้

ซึ่งซิมนี้จะไม่มีค่าโทร... ถ้าอยากจะโทร ต้องเติมเงินเข้าไปก่อน

ป้าแกก็เติมเงินเองไม่เป็น... ก็มาขอให้ผมช่วยเติมเงินให้

ผมก็ทำการเติมเงินจากเครื่องของผมให้ป้าไป 50 บ.

แล้วก็ให้ป้าแกลองโทรหาผมดู... พอกดโทรเข้ามา ก็ปรากฎว่าโทรได้ (มีสายเรียกเข้า)... ผมก็กดตัดสายไป (ไม่ได้รับสายโทรศัพท์)

ป้าก็ถามว่า อันนี้จะใช้โทรได้ถึงเมื่อไหร่?... ผมก็ทำการกด *123# เพื่อเช็กให้ป้า... ปรากฎว่า มีข้อความแจ้งเตือนมาว่า มียอดเงินคงเหลือ 47.86 บ. (ใช้งานได้ถึง 9 กค. 2026)

ผมงงมาก... เบอร์โทรศัพท์เพิ่งเติมเงินไป 50 บ. เป็นเบอร์ใหม่ ไม่เคยโทรหาใคร แต่ยอดเงินเหลือ 47.86 บ. (แทนที่จะเป็น 50 บ.)

ตอนแรกผมก็คิดว่า ผมเผลอกดรับสายไปหรือเปล่า? (แต่ที่จำได้คือ พอมีสายเรียกเข้า ผมไม่ได้กดรับสาย และไม่ได้คุยเลยแม้แต่นาทีเดียว)

ผมเลยลองเปิดโปรแกรม MyAIS ที่อยู่ในเครื่องโทรศัพท์ของป้าขึ้นมาดู เพื่อเช็กยอดการใช้งานของเบอร์โทรใหม่นี้

ก็พบว่า... ช่วงเวลาที่ทดสอบการโทรหาผมนั้น มีการใช้เวลาในการโทรไป 2 นาที (คิดเป็นเงิน 2.14 บ.)

ผมก็ลองไปเปิดเครื่องโทรศัพท์ของผมดู ว่าในโทรศัพท์มีการบันทึกไว้ไหม ว่าผมมีการรับสายและคุยกับป้ารึเปล่า

ปรากฎว่า ในเครื่องของผม มีการบันทึกข้อมูลไว้ว่า ผม "ปฎิเสธรับสาย" และไม่มีการบันทึก "ระยะเวลาในการโทร" แม้แต่วินาทีเดียว

นั่นหมายความว่า... ระบบของ AIS แอบคิดค่าบริการ 2.14 บ. ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการโทรเกิดขึ้นจริง ๆ

(ด้านล่างนี้เป็นภาพ capture จากหน้าจอโปรแกรม My AIS เพื่อเช็กระยะเวลาการโทรจากเบอร์ใหม่ของป้า) ** ผมวงสีแดงให้เห็นชัด ๆ


ส่วนภาพด้านล่างนี้ เป็นหน้าจอการโทรจากเครื่องโทรศัพท์ของผม โดยวันที่ 9 กค. ผมโทรหาป้าและคุยกับป้าตอนเย็น ที่เบอร์ใหม่ของป้า ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่ได้เติมเงินค่าโทรให้ป้า... จะใช้รับสายได้อย่างเดียว (จะเห็นว่ามีการบันทึกว่าโทรไป 1 นาที 41 วินาที เป็นโทรจากเครื่องผม และหักค่าโทรจากเครื่องของผม)

แต่ในวันที่ 10 กค. ผมเจอป้าในตอนเช้า เวลาประมาณ 6 โมงครึ่ง ป้าแกมาเปิดร้านขายข้าว แล้วขอให้ผมช่วยเติมเงินค่าโทรให้แกหน่อย (เพราะแกแก่แล้ว ไม่อยากติดตั้งแอพธนาคาร กลัวเจอแก๊ง Call Center)
ผมกดเติมเงินให้ป้า 50 บ. และลองใช้เครื่องป้าโทรมาที่เครื่องผม ในช่วงเวลา 6.42 น. ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่เครื่องของผม ไม่มีการบันทึกระยะเวลาการโทรไว้ (แต่เป็นการบันทึกสีแดงว่า "ปฎิเสธ") แปลว่าไม่มีการคุยกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว



พอวันรุ่งขึ้น ผมไปเดินที่ห้าง... ก็เลยลองแวะเข้าไปที่ Shop ของ AIS เพื่อสอบถามพนักงานของ AIS ว่ากรณีนี้เกิดจากปัญหาอะไร? (โดยผม capture ภาพหน้าจอการใช้งานในเครื่องป้า กับเครื่องของผมไปเป็นหลักฐานให้เขาดู) ตามภาพที่ผมแนบให้ทุกคนดูก่อนหน้านี้

ปรากฎว่า พนักงานบอก "ต้องให้ป้ามาเดินเรื่องด้วยตัวเองนะคะ เขาถึงจะส่งเรื่องแจ้งปัญหาไปตรวจสอบและคืนเงินได้" ยืนกรานแบบนี้ท่าเดียว

"โฮะ!!"... ผมอึ้ง... และอึ้งมาก.. ภาพที่ผมนำไปให้ดู มันไม่ชัดพอหรือ? ผมไม่ได้ต้องการเงินคืนหรอกนะ 2.14 บ. แต่ผมแค่อยากให้เขารับรู้ถึงปัญหาของระบบ และทำการตรวจสอบและแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่กลายเป็นการปฏิเสธการดำเนินการ เพียงแค่ต้องการให้ทำให้ถูกขั้นตอนทุกอย่างแบบแป๊ะ ๆ

ต้องให้ป้านำบัตรประชาชน และหลักฐานมาให้ดูถึงที่ เขาถึงจะเดินเรื่องให้ (คือป้าคนนี้ขาแกก็ไม่ดี เดินลำบาก แค่จะไป 7-Eleven แกยังต้องเดินงอกแง๊กนานมากกว่าจะถึง... นี่จะให้เดินทางมาที่ช็อปเพื่อเงิน 2.14 บ.)

ผมว่า แค่ค่ารถ ก็เกินกว่า 2.14 บ. แล้วล่ะ

ทั้งผมและป้าก็ไม่ได้อยากได้เงินคืนหรอกนะ 2.14 บ.

แต่แค่คิดว่า... ทริกการโกงเงินเล็กน้อยแบบนี้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรซักหน่อยในสายตาของคนอื่น ๆ

แต่ถ้ามีคนโดนแบบนี้ในวันเดียวซักแสนคนล่ะ... เป็นเงิน 2.14 แสนบาทแล้ว

ถ้าโดนซักล้านคนละ... ก็ได้วันละ 2.14 ล้านบาทแล้ว

แล้วถ้ามีคนใช้งาน AIS ซัก 30 ล้านคน... โดนแบบนี้ไปซัก 10 ล้านคนก็พอแล้ว... มันเป็นเงินมหาศาลขนาดไหน??

สำหรับใครที่ใช้ AIS แล้วไม่อยากโดนหักเงินแบบนี้ ก็คงต้องไปใช้บริการแบบจ่ายรายเดือนที่มีทั้งค่าโทรและเน็ตไปพร้อมกันล่ะมัง ถึงจะเลี่ยงปัญหาแบบนี้ได้

ผมคิดว่า บางทีมันอาจจะเป็นปัญหาที่ระบบผิดพลาด... แต่พอเห็นการไม่ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา ผมก็เลยนึกขึ้นได้ว่า มันอาจจะไม่ใช่ปัญหาของระบบก็ได้ (แต่เป็นทริกที่ถูกเขียนโปรแกรมเอาไว้ในระบบก็เป็นได้... เพราะผมเองก็เป็นโปรแกรมเมอร์ ผมจะเขียนโปรแกรมยังไงก็ได้ ถ้าผมจะเขียนให้ระบบมันโกง มันก็ทำได้ง่ายจะตายไป)

บางที เราใช้โทรศัพท์ พอเราโทรเสร็จ ส่วนใหญ่เราไม่ได้มานั่งตรวจสอบหรอกว่าเราโทรไปกี่นาที โดนหักเงินไปเท่าไหร่?

แต่เผอิญว่าเหตุการณ์นี้ มันเกิดขึ้นจากการที่ผมพยายามแนะนำป้าให้เปลี่ยนมาใช้ AIS และลองทดสอบโทรดู

ผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า... ที่อุตส่าห์ดิ้นรนไปบอกป้าให้เปลี่ยนจาก True มาใช้ AIS แต่... แค่เริ่มต้นก็โดนโกงเงินไปต่อหน้าต่อตาแล้ว (แบบไม่ใช่ SMS กินตังค์เสียด้วย)

แย่มากจริง ๆ.... ในฐานะผู้บริโภค มองไปทางไหน ก็มีแต่ผู้ให้บริการที่แย่ ๆ เปลี่ยนจากค่ายนึงมาอีกค่าย ก็แย่

เมื่อก่อนป้าบอกว่าใช้ DTAC ไม่เคยเจอปัญหา SMS กินตังค์แบบนี้เลย... แต่ก็นะ ปัจจุบันนี้ DTAC ก็ไปอยู่กับ True แล้ว

เหมือนเรามีทางเลือกที่น้อยมาก

ได้แต่รู้สึกแย่... ที่เราก็ยังต้องจำใจใช้บริการแบบนี้กันต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่