อยากจะเรียนให้มีประสิทธิภาพจากการทานมื้อเช้าควรทำอย่างไร?
เด็กวัยเรียนต้องใช้สมองอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้า
หากขาดพลังงานที่เหมาะสมจะส่งผลต่อการเรียนรู้
เราจะพูดถึงวิธีจัดมื้อเช้าที่ช่วยให้เด็กใช้ศักยภาพได้เต็มที่ในเนื้อหาต่อไป
กินยังไง
> • เลือกอาหารให้พลังงานค่อยเป็นค่อยไป
เพราะสมองเด็กต้องการพลังงานที่ไม่พุ่งเร็วแล้วตกเร็ว (Dr. Tanny ชี้ว่าการหลีกเลี่ยงน้ำตาลสูงช่วยรักษาระดับสมาธิ)
> • มีโปรตีนช่วยอิ่มนาน
Huberman แนะนำโปรตีนเพื่อป้องกันความหิวและรักษาการทำงานของสมอง
> • เน้นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
ช่วยปล่อยพลังงานอย่างช้าๆ ทำให้สมองทำงานได้สม่ำเสมอตลอดเช้า
> • หลีกเลี่ยงน้ำตาลและแป้งขัดขาว
เพราะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งแล้วตกเร็ว ส่งผลให้สมองเบลอและขาดสมาธิ
กินเท่าไหร่
> • พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป
Dr. Tanny บอกว่าอิ่มแบบสบายจะช่วยให้สมองไม่หนักเกินจนง่วง แต่ไม่หิวจนขาดพลัง
> • ปรับตามความต้องการเด็ก
ร่างกายแต่ละคนต้องการไม่เท่ากัน Huberman เน้นฟังสัญญาณหิว-อิ่มของตัวเอง
> • เลือกอาหารพลังงานแน่นถ้ากินน้อย
เพื่อให้สมองมีพลังงานเต็มที่แม้กินปริมาณน้อย
กินอย่างไร
> • กินช้า ๆ เคี้ยวละเอียด
Huberman เน้นว่าการเคี้ยวช่วยกระตุ้นระบบย่อยและสมองให้พร้อมรับพลังงาน
> • ใช้เวลาอย่างน้อย 10–15 นาที
เพื่อให้ร่างกายได้ส่งสัญญาณอิ่ม และสมองปรับตัวกับอาหาร
> • บรรยากาศสงบ ไม่มีสิ่งรบกวน
Dr. Tanny ชี้ว่าการลดสิ่งรบกวนช่วยให้เด็กมีสมาธิและความสุขกับมื้ออาหาร
> • ให้เด็กมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหาร
เพื่อเพิ่มความตั้งใจและกระตุ้นความอยากอาหารตามธรรมชาติ
มื้อเช้าที่ดี ควรเลือกอาหารที่ให้พลังงานค่อยเป็นค่อยไป มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
เพราะสมองต้องการพลังงานที่สม่ำเสมอเพื่อทำงานได้เต็มที่ และหลีกเลี่ยงน้ำตาลกับแป้งขัดขาวที่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งแล้วตกเร็ว
ซึ่งทำให้สมาธิหลุดได้ ปริมาณอาหารควรพอดี ไม่มากจนแน่นท้องจนง่วง หรือกินน้อยเกินไปจนขาดพลัง เพราะร่างกายต้องการความสมดุล
การกินช้า ๆ ใช้เวลาอย่างน้อย 10–15 นาที ช่วยให้ระบบย่อยและสมองพร้อมรับสารอาหารได้ดีขึ้น บรรยากาศสงบและการให้เด็กมีส่วนร่วม
ในการเตรียมอาหาร จะช่วยเพิ่มสมาธิและความอยากอาหารตามธรรมชาติ
เป็นหรือไม่ ? เลือกกินมื้อเช้าในวัยเรียนไม่ถูก
กินยังไง
> • เลือกอาหารให้พลังงานค่อยเป็นค่อยไป
เพราะสมองเด็กต้องการพลังงานที่ไม่พุ่งเร็วแล้วตกเร็ว (Dr. Tanny ชี้ว่าการหลีกเลี่ยงน้ำตาลสูงช่วยรักษาระดับสมาธิ)
> • มีโปรตีนช่วยอิ่มนาน
Huberman แนะนำโปรตีนเพื่อป้องกันความหิวและรักษาการทำงานของสมอง
> • เน้นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
ช่วยปล่อยพลังงานอย่างช้าๆ ทำให้สมองทำงานได้สม่ำเสมอตลอดเช้า
> • หลีกเลี่ยงน้ำตาลและแป้งขัดขาว
เพราะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งแล้วตกเร็ว ส่งผลให้สมองเบลอและขาดสมาธิ
กินเท่าไหร่
> • พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป
Dr. Tanny บอกว่าอิ่มแบบสบายจะช่วยให้สมองไม่หนักเกินจนง่วง แต่ไม่หิวจนขาดพลัง
> • ปรับตามความต้องการเด็ก
ร่างกายแต่ละคนต้องการไม่เท่ากัน Huberman เน้นฟังสัญญาณหิว-อิ่มของตัวเอง
> • เลือกอาหารพลังงานแน่นถ้ากินน้อย
เพื่อให้สมองมีพลังงานเต็มที่แม้กินปริมาณน้อย
กินอย่างไร
> • กินช้า ๆ เคี้ยวละเอียด
Huberman เน้นว่าการเคี้ยวช่วยกระตุ้นระบบย่อยและสมองให้พร้อมรับพลังงาน
> • ใช้เวลาอย่างน้อย 10–15 นาที
เพื่อให้ร่างกายได้ส่งสัญญาณอิ่ม และสมองปรับตัวกับอาหาร
> • บรรยากาศสงบ ไม่มีสิ่งรบกวน
Dr. Tanny ชี้ว่าการลดสิ่งรบกวนช่วยให้เด็กมีสมาธิและความสุขกับมื้ออาหาร
> • ให้เด็กมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหาร
เพื่อเพิ่มความตั้งใจและกระตุ้นความอยากอาหารตามธรรมชาติ