เท้ง ชี้ รัฐบาลขาดความจริงใจ หลัง ถอนร่าง กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ป้องถูกโหวตคว่ำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5267548
.
.
“ณัฐพงษ์” ชี้ รบ.ขาดความจริงใจ หลัง ถอนร่าง กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ป้องถูกโหวตคว่ำ
.
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวภายหลังสภามีมติถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจรหรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ออกจากระเบียบวาระ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งพวกเราจะใช้กลไกสภาทุกอย่างเมื่อเช้านี้ทั้งหมด แสดงออกว่า รัฐบาลขาดความจริงใจ ประกอบกับผลโหวตที่ออกมา เห็นแล้วว่า รัฐบาลมีแค่ประมาณ 250 กว่าเสียงเท่านั้นเอง
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากหักลบกันกับพรรคร่วมรัฐบาล พรรคใดบ้างที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ว่าไม่สามารถเห็นด้วยกับ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ จะพบว่า หาก พ.ร.บ.นี้ เข้าสู่วาระที่ 1 มีโอกาสสูงมากที่ร่างกฎหมายจะถูกโหวตคว่ำ สอดคล้องกับสมมติฐานของเราที่ตั้งไว้แต่แรกว่า ความต้องการถอนร่างในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อแสดงความจริงใจต่อประชาชน แต่เป็นแทคติกสภา กลัวว่ากฎหมายจะถูกโหวตคว่ำในสภาต่างหาก เราจึงพยายามทวงถามถึงเหตุผลที่แท้จริงของรัฐบาล
.
เมื่อถามถึงจำนวนเสียงลงมติ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลปริ่มน้ำไป 7 เสียง ขณะที่เสียงฝ่ายค้าน ลงมติไม่เห็นชอบเพียง 6 เสียงนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการโหวตของพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นเอกสิทธิของแต่ละพรรค สำหรับพรรคประชาชนเราต้องการแสดงออก โดยยืนยันว่า เราเห็นด้วยกับการถอนร่างอย่างจริงใจ เพียงแต่รัฐบาลไม่ได้เหตุผลที่ดีเพียงพอ เราจึงไม่สามารถร่วมการลงมติในครั้งนี้ได้ สำหรับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ จะแสดงออกอย่างไร ก็เป็นเหตุผลของแต่ละพรรค ยืนยันว่า การลงมติในครั้งนี้ พรรคประชาชนไม่ได้เข้าร่วม
.
เมื่อถามว่า สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำร่าง พ.ร.บ.กลับเข้ามาในสภาอีก นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ ที่เราต้องติดตามและตรวจสอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะในวันนี้รัฐบาลอาศัยเสียงข้างมากในการถอนร่างออกไป เพื่อกันร่างถูกโหวตคว่ำ แต่ในอนาคตไม่มีอะไรรับประกันได้เลย ว่าตกลงรัฐบาลจะรอเสียบกลับมาเมื่อไหร่อีกหรือไม่
.
เมื่อถามว่า การตอบโต้กันในกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน และกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ระบุ นายอนุทินก็ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องไปถามนายอนุทินและเป็นสิ่งที่นายอนุทินจะต้องตอบชี้แจงเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่า สิ่งที่เป็นผลบวก และเป็นทางออกประเทศมากที่สุด คือเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยว
.
เมื่อถามว่า การตอบเช่นนี้ของนายกรัฐมนตรีคือการโยนหน้าที่ไปรัฐมนตรีกระทรวงตอบแทนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ความรับผิดรับชอบของคนที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ส่วนคนที่เป็นอดีตรัฐมนตรี ซึ่งในปัจจุบันมาอยู่ฝ่ายค้าน จะตอบชี้แจงอย่างไร ว่าในอดีตที่เขาดำรงตำแหน่ง ได้มีการดำเนินการแก้ไขอย่างไร ตนไม่ขอให้ความเห็น
.
.
ถกนิรโทษฯ ค้างเติ่ง ‘พิเชษฐ์’ ปิดประชุมสภาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ยังเหลืออีก 3 ร่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5268179
.
ถกนิรโทษฯ ค้างเติ่ง ‘พิเชษฐ์’ ปิดประชุมสภาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ยังเหลืออีก 3 ร่าง
.
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.10 น. หลังจากที่ประชุมสภาฯ เปิดให้ส.ส.อภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อเนื้อหาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอมาทำนองเดียวกัน 5 ฉบับ เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง จู่ๆ นาย
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ ได้แจ้งปิดประชุมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยระบุ ว่า ขณะนี้เนื่องจากมีเจ้าของร่าง จากจำนวน 5 ร่าง ยังเหลือ 3 ร่างที่จะอภิปรายสรุป โดยเอาไว้ต่อสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ขอปิดประชุม
.
.
“ไทยสร้างไทย” เตือนอย่าคิดอนุญาตให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย
.
“ไทยสร้างไทย” ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 4 ตอกย้ำคัดค้าน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ขอร้องอย่านำเสนอกลับมาอีก เตือนอย่าคิดอนุญาตให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ขอร้องอย่านำเสนอกลับมาอีก
.
วันที่ 9 ก.ค. 2568 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ในนามพรรคไทยสร้างไทย เรื่อง ขอคัดค้านโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และการอนุญาตการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย (ฉบับที่ 4) มีสาระใจความว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถอนร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ซึ่งซ่อนบ่อนกาสิโนไว้ในโครงการฯ ออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นั้น พรรคไทยสร้างไทยเคยได้แสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเสนอข่าว การออกแถลงการณ์ของพรรค ตลอดจนการมอบหมายให้ สส. ของพรรค คือ นายชัชวาล แพทยาไทย สส. จังหวัดร้อยเอ็ดและเลขาธิการพรรค นำประเด็นคัดค้านบ่อนกาสิโนไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาแล้ว ทั้งนี้ เพราะเห็นว่าบ่อนกาสิโนจะเป็นแหล่งมอมเมาประชาชนให้ลุ่มหลงในอบายมุข นำความเสียหายมาสู่ประเทศชาติและประชาชน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล
.
อนึ่ง แม้โครงการฯ ยังไม่เริ่มดำเนินการ แต่ความเสียหายก็เริ่มมาเยือนแล้ว เห็นได้จากคำเตือนของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ให้คำแนะนำอย่างสุภาพต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ครั้งเยือนประเทศจีน สรุปว่ากาสิโนจะมีผลเสียหายตามมาอีกมากมาย แต่นายกรัฐมนตรีก็ยังเดินหน้าโครงการฯ ต่อโดยตอบไปว่า คาสิโนใช้พื้นที่เพียง 10% ของโครงการฯ ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนลดลงจำนวนมาก เพราะผู้นำของจีนไม่สนับสนุนให้พลเมืองเล่นการพนัน การที่รัฐบาลจะถอนร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้ถอนไปอย่างถาวร อย่านำกลับมาอีก เพราะเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปแล้วว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการบ่อนคาสิโนมามอมเมาประชาชน
.
พร้อมระบุด้วยว่า อีกประการหนึ่ง คือการที่พรรคแกนนำรัฐบาลนี้ได้กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย ขอเตือนว่า อย่าได้คิดทำ “การพนันออนไลน์” ให้ถูกกฎหมาย เพราะจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมายจนไม่อาจประเมินความเสียหายได้ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยจะคัดค้านอย่างถึงที่สุด
.
.
รองประธานสภาองค์กรนายจ้างฯ ชี้ สหรัฐฯ ขึ้นภาษีไทย 36% กระทบแรงงานเสี่ยงตกงาน 20 ล้านคน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/443466
.
รองประธานสภาองค์กรนายจ้างฯ เผยหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีไทย 36% กระทบแรงงานกว่า 20 ล้านคน หวังทีมไทยเร่งเจรจาดีลใหม่ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.นี้
.
นาย
ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยถึงมาตรการภาษีตอบโต้ หรือ “Reciprocal Tariff” ของประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกเก็บจากไทยในอัตรา 36% ถือเป็น
“สถานการณ์เลวร้ายที่สุด” (Worst-Case Scenario) จ่อสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างและรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ โดยเฉพาะภาคแรงงานในโซ่อุปทานส่งออกกว่า 20 ล้านคน แนะทีมเจรจาไทยต้องเร่งหาดีลใหม่ก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคมนี้
.
สำหรับการประกาศของสหรัฐครั้งนี้ ถือเป็นการยืนยันอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจาก 14 ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้า โดยไทยถูกกำหนดอัตราไว้ที่ 36% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน (หากไม่นับ ลาว, เมียนมา, กัมพูชา) และสูงกว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง เวียดนาม ซึ่งถูกเก็บในอัตราเพียง 20% อย่างมีนัยสำคัญ
.
อัตราภาษีระดับนี้ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยหายไปทันที ผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปรับพอร์ตไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศที่ต้นทุนภาษีต่ำกว่าอย่างเวียดนาม คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าจากไทยจะเริ่มลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป
.
พร้อมย้ำว่า ภาคส่งออกคือหัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของไทย โดยมีสัดส่วนใน GDP สูงถึง 57% และสหรัฐอเมริกาคือตลาดส่งออกอันดับหนึ่งที่มีสัดส่วนถึง 19.61% (ข้อมูล ม.ค.-พ.ค. 68) การถูกกำแพงภาษี 36% จึงไม่กระทบเพียงผู้ส่งออก แต่จะลุกลามเป็นโดมิโน เอฟเฟกต์ ไปทั้งโซ่อุปทาน
.
โดยผลกระทบทางตรง เช่น อุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯสูง เช่น คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน, ผลิตภัณฑ์ยาง, ยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องปรับอากาศ, อัญมณี, เหล็ก, พลาสติก และอาหารแปรรูป จะต้องลดกำลังการผลิตลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
ผลกระทบทางอ้อม: ธุรกิจที่เชื่อมโยงกับภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบทั้งหมด ตั้งแต่ อุตสาหกรรมวัตถุดิบ, บรรจุภัณฑ์, ภาคบริการโลจิสติกส์ (เรือ, รถบรรทุก, คลังสินค้า) ไปจนถึงภาคเกษตรกรรม ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบ
.
ส่วนผลกระทบต่อภาคแรงงานและสังคม ประเมินว่าแรงงานราว 18-20 ล้านคน ที่อยู่ในโซ่อุปทานนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียตำแหน่งงาน เมื่อการผลิตลดลงจะนำไปสู่การเลิกจ้าง แรงงานที่ตกงานหรือรายได้ลดลงจะทำให้กำลังซื้อของประเทศหดตัวอย่างรุนแรง กระทบต่อไปยังภาคค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และท้ายที่สุดจะซ้ำเติมปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจและหนี้เสีย (NPL) ในระบบสถาบันการเงิน
.
นอกจากนี้เห็นว่า การเจรจาที่ผ่านมาซึ่งทีมไทยคาดหวังผลแบบ “Win-Win” เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะท่าทีของทรัมป์คือการใช้ปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่ต้องการการต่อรอง แต่ต้องการข้อเสนอที่น่าพอใจที่สุดสำหรับสหรัฐฯ เท่านั้น
.
ทีมเจรจาไทยต้องทำงานหนักกว่าเดิม ไม่ใช่แค่บอกว่า ‘เสนอไปแล้ว’ แต่ต้องมีการล็อบบี้อย่างเข้มข้นเพื่อหาทางลดอัตราภาษีลงมาให้ใกล้เคียงกับเวียดนามให้ได้
.
ขณะเดียวกันได้เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องประเมินสถานการณ์อย่างจริงจังว่า หากการส่งออกไปสหรัฐฯ หายไปครึ่งหนึ่ง เศรษฐกิจไทยจะรับมืออย่างไร และจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคแรงงานและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างไร โดยสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจภาคเอกชนประเมินเบื้องต้นว่า หากอัตราภาษีคงอยู่ที่ 36% เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจขยายตัวได้เพียง 1% หรือต่ำกว่า
.
อย่างไรก็ตาม นาย
ธนิต ระบุว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ ที่ประชุมสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ และจะเรียกประชุมกลุ่มผู้ส่งออกและธุรกิจในโซ่อุปทานทั้งหมด เพื่อประเมินผลกระทบและหาแนวทางรับมือร่วมกัน คาดว่าจะจัดประชุมได้ภายในสัปดาห์ที่สามของเดือนนี้
JJNY : 5in1 เท้งชี้รบ.ขาดความจริงใจ│ถกนิรโทษฯ ค้างเติ่ง│ทสท.เตือน│เสี่ยงตกงาน 20 ล.คน│“รัสเซีย”ให้“ม.เยล”ไม่พึงประสงค์
https://www.matichon.co.th/politics/news_5267548
.
.
ถกนิรโทษฯ ค้างเติ่ง ‘พิเชษฐ์’ ปิดประชุมสภาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ยังเหลืออีก 3 ร่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5268179
.
ถกนิรโทษฯ ค้างเติ่ง ‘พิเชษฐ์’ ปิดประชุมสภาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ยังเหลืออีก 3 ร่าง
.
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.10 น. หลังจากที่ประชุมสภาฯ เปิดให้ส.ส.อภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อเนื้อหาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอมาทำนองเดียวกัน 5 ฉบับ เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง จู่ๆ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ ได้แจ้งปิดประชุมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยระบุ ว่า ขณะนี้เนื่องจากมีเจ้าของร่าง จากจำนวน 5 ร่าง ยังเหลือ 3 ร่างที่จะอภิปรายสรุป โดยเอาไว้ต่อสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ขอปิดประชุม
.
.
.
รองประธานสภาองค์กรนายจ้างฯ ชี้ สหรัฐฯ ขึ้นภาษีไทย 36% กระทบแรงงานเสี่ยงตกงาน 20 ล้านคน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/443466
.
รองประธานสภาองค์กรนายจ้างฯ เผยหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีไทย 36% กระทบแรงงานกว่า 20 ล้านคน หวังทีมไทยเร่งเจรจาดีลใหม่ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.นี้
.
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยถึงมาตรการภาษีตอบโต้ หรือ “Reciprocal Tariff” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกเก็บจากไทยในอัตรา 36% ถือเป็น “สถานการณ์เลวร้ายที่สุด” (Worst-Case Scenario) จ่อสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างและรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ โดยเฉพาะภาคแรงงานในโซ่อุปทานส่งออกกว่า 20 ล้านคน แนะทีมเจรจาไทยต้องเร่งหาดีลใหม่ก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคมนี้
.
สำหรับการประกาศของสหรัฐครั้งนี้ ถือเป็นการยืนยันอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจาก 14 ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้า โดยไทยถูกกำหนดอัตราไว้ที่ 36% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน (หากไม่นับ ลาว, เมียนมา, กัมพูชา) และสูงกว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง เวียดนาม ซึ่งถูกเก็บในอัตราเพียง 20% อย่างมีนัยสำคัญ
.
อัตราภาษีระดับนี้ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยหายไปทันที ผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปรับพอร์ตไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศที่ต้นทุนภาษีต่ำกว่าอย่างเวียดนาม คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าจากไทยจะเริ่มลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป
.
พร้อมย้ำว่า ภาคส่งออกคือหัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของไทย โดยมีสัดส่วนใน GDP สูงถึง 57% และสหรัฐอเมริกาคือตลาดส่งออกอันดับหนึ่งที่มีสัดส่วนถึง 19.61% (ข้อมูล ม.ค.-พ.ค. 68) การถูกกำแพงภาษี 36% จึงไม่กระทบเพียงผู้ส่งออก แต่จะลุกลามเป็นโดมิโน เอฟเฟกต์ ไปทั้งโซ่อุปทาน
.
โดยผลกระทบทางตรง เช่น อุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯสูง เช่น คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน, ผลิตภัณฑ์ยาง, ยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องปรับอากาศ, อัญมณี, เหล็ก, พลาสติก และอาหารแปรรูป จะต้องลดกำลังการผลิตลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
ผลกระทบทางอ้อม: ธุรกิจที่เชื่อมโยงกับภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบทั้งหมด ตั้งแต่ อุตสาหกรรมวัตถุดิบ, บรรจุภัณฑ์, ภาคบริการโลจิสติกส์ (เรือ, รถบรรทุก, คลังสินค้า) ไปจนถึงภาคเกษตรกรรม ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบ
.
ส่วนผลกระทบต่อภาคแรงงานและสังคม ประเมินว่าแรงงานราว 18-20 ล้านคน ที่อยู่ในโซ่อุปทานนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียตำแหน่งงาน เมื่อการผลิตลดลงจะนำไปสู่การเลิกจ้าง แรงงานที่ตกงานหรือรายได้ลดลงจะทำให้กำลังซื้อของประเทศหดตัวอย่างรุนแรง กระทบต่อไปยังภาคค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และท้ายที่สุดจะซ้ำเติมปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจและหนี้เสีย (NPL) ในระบบสถาบันการเงิน
.
นอกจากนี้เห็นว่า การเจรจาที่ผ่านมาซึ่งทีมไทยคาดหวังผลแบบ “Win-Win” เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะท่าทีของทรัมป์คือการใช้ปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่ต้องการการต่อรอง แต่ต้องการข้อเสนอที่น่าพอใจที่สุดสำหรับสหรัฐฯ เท่านั้น
.
ทีมเจรจาไทยต้องทำงานหนักกว่าเดิม ไม่ใช่แค่บอกว่า ‘เสนอไปแล้ว’ แต่ต้องมีการล็อบบี้อย่างเข้มข้นเพื่อหาทางลดอัตราภาษีลงมาให้ใกล้เคียงกับเวียดนามให้ได้
.
ขณะเดียวกันได้เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องประเมินสถานการณ์อย่างจริงจังว่า หากการส่งออกไปสหรัฐฯ หายไปครึ่งหนึ่ง เศรษฐกิจไทยจะรับมืออย่างไร และจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคแรงงานและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างไร โดยสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจภาคเอกชนประเมินเบื้องต้นว่า หากอัตราภาษีคงอยู่ที่ 36% เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจขยายตัวได้เพียง 1% หรือต่ำกว่า
.
อย่างไรก็ตาม นายธนิต ระบุว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ ที่ประชุมสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ และจะเรียกประชุมกลุ่มผู้ส่งออกและธุรกิจในโซ่อุปทานทั้งหมด เพื่อประเมินผลกระทบและหาแนวทางรับมือร่วมกัน คาดว่าจะจัดประชุมได้ภายในสัปดาห์ที่สามของเดือนนี้