สัมมาทิฏฐิและกระแสแห่งศีลธรรมในพระสูตรสัมมาทิฏฐิ (AI GENERATED)


พระสูตรสัมมาทิฏฐิ (มัชฌิมนิกายข้อที่ 9) โดยพระสารีบุตร แสดงสัมมาทิฏฐิไม่ใช่เพียงความเชื่อ แต่เป็นการรู้เห็นตามเหตุปัจจัยอย่างมีชีวิตชีวา ในบรรดา 16 กรณีที่กล่าวถึง การวิเคราะห์กรรม 10 อย่างที่ไม่ดี (อกุศลกรรมบถ) และกรรม 10 อย่างที่ดี (กุศลกรรมบถ) เป็นแนวทางปฏิบัติที่ลึกซึ้ง
 
อกุศลกรรมบถ 10 ได้แก่ กาย (ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม), วาจา (พูดเท็จ ส่อเสียด หยาบคาย พูดเพ้อเจ้อ), และใจ (โลภ โกรธ เห็นผิด) มีรากเหง้าจากโลภะ โทสะ และโมหะ การดับเกิดจากการถอนรากเหล่านี้ผ่านมรรคมีองค์ 8
 
กุศลกรรมบถ 10 คือการเว้นจากอกุศล และการเจริญคุณธรรม เช่น เมตตา ความซื่อสัตย์ และปัญญา เกิดจากอโลภะ อโทสะ และอโมหะ แม้กรรมดีก็เป็นสิ่งปรุงแต่งที่ควรเห็นตามความเป็นจริงและปล่อยวางด้วยปัญญา
 
วิธีของพระสารีบุตร—การรู้ลักษณะ เหตุเกิด ความดับ และทางนำไปสู่ความดับ—สะท้อนอริยสัจ 4 ในมิติของศีลธรรม เชิญชวนให้เห็นศีลธรรมเป็นกระแสแห่งความสัมพันธ์ ไม่ใช่กฎตายตัว เมื่อสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้น ความชัดเจนทางจริยธรรมจะปรากฏขึ้นเอง เหมือนดอกไม้จัดรูปมนุษย์ หรือเปลวเทียนที่ละลายกลายเป็นแสงบริสุทธิ์

คำสอนนี้สอดคล้องกับนิเวศเชิงสัญลักษณ์: อกุศลคือวัชพืช กุศลคือการเติบโตที่อุดม สัมมาทิฏฐิคือเข็มทิศแห่งความไว้วางใจ นำเราผ่านการละวางไปสู่ความกลมกลืนอันสว่างไสว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่