เราเป็นลูกคนเล็กของบ้าน มีพี่ชายหนึ่งคน พ่อแม่ค่อนข้างติดการพนัน มีปัญหาในครอบครัวมาตลอด พ่อเราตั้งเเต่เด็กจนเราโต มีเมียบ้านน้อย เห็นพ่อแม่ทะเลาะกันตั้งแต่เด็ก พ่อนิสัยถ้าหงุดหงิดหรือโกรธชอบทำลายข้าวของ ทำพังทุกอย่าง พี่ชายเกเรเป็นคนผ่านขวาซากไม่ค่อยสนใจอะไร เราเจออะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งเเต่เด็กญาติฝั่งพี่น้องพ่อจะชอบพูดว่าโตขึ้นให้ตั้งใจเรียน จะได้ไม่ลำบากเหมือนครอบครัวเพราะพี่น้องพ่อทุกคนโตขึ้นได้ดีหมดยกเว้นพ่อเรา เราฟังอะไรแบบนี้จนรู้สึกเป็นปมในใจว่าตัวเองลำบาก ญาติๆฝั่งพ่อเห็นทุกอย่างในครอบครัวเราเค้าไม่ชอบ เเต่จริงๆแล้ว ความรู้สึกเราตอนเด็กเราไม่เคยรู้สึกครอบครัวขาดอะไรเลย แม่เราตามใจทุกอย่าง อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากเรียนพิเศษที่ดีๆก็ได้เรียน ของเล่นตอนเด็กเราไม่เคยขอหรือนั่งมองเพื่อนเล่น แต่ปัญหาครอบครัวที่เราเจอมันก็เป็นมาแบบนี้ซ้ำๆ
โตขึ้นเราย้ายมาเรียนกรุงเทพ เราไม่ชอบสิ่งที่ครอบครัวเราเป็น พ่อมีเมียน้อยแม่เปิดบ่อน เราเคยพูดเคยทะเลาะกับแม่จนแม่ร้องไห้ ตอนเเรกเราพูดกับแม่ว่าเราไม่เข้าใจงานดีๆมีเป็นร้อยทำไมเค้าไม่ทำ เค้าบอกสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เค้าสามารถเลี้ยงครอบครัวได้สบายที่สุด ณ ตอนนั้นซึ้งเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะแม่คือคนเดียวที่รับผิดชอบครอบครัวได้ เราย้ายมาเรียนกรุงเทพอยู่กับอา จนเราสอบติดมหาลัยดีๆได้ เเต่ถึงอยู่กรุงเทพเราก็ได้ยินปัญหาเดิมๆของที่บ้านมาตลอด เราพยายามปล่อยวาง เเละทำใจ ตอนขึ้นปี 2 จะปี 3 เราเครียดเรื่องเรียนมหาลัยมาก มันค่อนข้างหนัก เรื่องเรียนเรื่องเพื่อน สังคม เราไม่เคยเล่าให้ที่บ้านฟังเค้าเเค่รู้ว่าเราเรียนเเค่นั้น
อยู่มาวันนึงพ่อเข้าโรงพยาบาล เป็นเส้นเลือดในสมองแตก พิการครึ่งซีกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โทรหาพ่อตอนนั้นพ่อเอาเเต่ร้องไห้ ร้องไห้ทุกครั้งที่โทร ร้องเป็นเดือนๆ เราเครียดความรู้สึกเหมือนบ้านมันพัง ครอบครัวมีเเต่เรื่องแย่ๆ ด้วยสิ่งที่เจอ ณ ตอนนั้น เราจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลยเครียดมากทำอะไรก็หงุดหงิด พยายามนอนไม่อยากตื่นเพราะเราไม่อยากมานั่งรับรู้อะไรแล้ว เราไม่ได้บอกใคร จนสุดท้ายเรารับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างตอนนั้นไม่ได้เราตัดสินใจซิ่ว แม่ตกใจพ่อเสียใจเเต่เราไ่หวแล้ว เราไม่ได้บอกเค้าว่าปัญหาที่มันกระทบมาจากครอบครัว เราไม่อยากให้พ่อเครียด เรารู้สึกเราพยายามปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง เราพบจิตแพทย์ เรากำลังเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า ตั้งแต่เราซิ่วเราตัดทุกอย่างเพื่อน มหาลัย เอาเเต่นอนเรานอนเยอะมาก ณ ตอนนั้น เกือบครึ่งปี เเต่เราก็พยายามโทรหาพ่อให้กำลังใจตลอด พ่อเริ่มดีขึ้นเเต่ก็ไม่ได้ 100% เรากลับบ้านไปเยี่ยมล่าสุด เจอญาติๆป้าฝั่งพ่อเค้ารู้เรื่องซิ่ว ตามความคิดผู้ใหญ่ เค้าพูดว่าซิ่วทำไม เปลืองตัง เสียตัง เสียเวลาโดยไม่เคยแม้ที่จะถามหรือจะรู้เลยว่าเราต้องเจออะไรมาบ้าง เราพยายามเข้าใจความคิดผู้ใหญ่ เค้าหวังดี แต่สิ่งที่เค้าพูดมาเเต่ละอย่าง เราไม่ได้โอเคที่เราทำตอนนั้นเหมือนกันเเต่เรารู้สึกเราไปต่อไม่ไหวแล้ว เรากลัวมากๆว่าวันนึงเราจะอยากตายขึ้นมาจริงๆ เราไม่ได้อยากมานั่งเล่าความรู้สึกหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตให้ทุกคนฟัง เราไม่เคยทะเลาะกับผู้ใหญ่เลยสักครั้งเราพยายามเงียบตลอดเเต่วันนั้นเราไม่ไหวแล้ว ทะเลาะกันจนเกือบตบกับป้า เราเสียใจมาก ตั้งแต่วันนั้นเราพยายามไม่คุย พูดถึงหรือเจอเค้าอีกเลย พ่อเราอาการดีขึ้นเเต่ก็ใช้ชีวิตเองไม่ได้ เราพยายามปล่อยวางพยามเดินหน้าออกไปหางานทำ ไม่เครียด เจอพี่ๆร่วมงานน่ารัก เรารู้สึกว่าช่วงนี้ท้องฟ้ามันสวยขึ้น หลายวันเป็นวันที่ดีเราอยากโทรหาพ่อ บางอาทิตย์ไม่ค่อยได้โทรพ่อก็จะโทรมาว่าไม่ค่อยโทรหาพ่อเลย เหมือนเค้าเสียใจเรารู้สึกผิดพยายามโทรหาให้บ่อยขึ้นเเต่เมื่อเราโทรทุกครั้งเราจะได้ยินหรือรับรู้ปัญหาที่บ้านตลอด แม่เล่นการพนันหนักขึ้น พ่อพูดแม่ไม่ฟังขอให้เราพูดแทน ญาติๆเริ่มมีปัญหากับแม่ เค้าไม่ชอบ เราแค่เหนื่อย ความรู้สึกเราคือทุกคนโตแล้ว ถ้าเค้าเปลี่ยนได้หรือทำได้เค้าคงทำไปนานแล้ว เราไม่ได้อยากมานั่งรับรู้อะไรเเค่เราเห็นว่าตอนนี้พ่อเราเป็นคนพิการ ใช้ชีวิตของตัวเองให้ตัวเองมีความสุขยังไม่ได้ มันหนักมากๆสำหรับเราคนเป็นลูก เราไม่ได้โอเคที่แม่เราเปิดบ่อนไม่ได้โอเคที่บ้านเราเป็นแบบนี้ ทุกคนคิดว่าพูดกับเราได้ทุกเรื่อง เราไม่เคยเเสดงออกว่าเราไม่โอเค ตอนนี้เรารู้สึกว่าชีวิตเราเริ่มกลับมาอยากเดินหน้าอยากใช้ชีวิตต่อ เเต่เราต้องมานั่งรับรู้สิ่งที่ครอบครัวเจอหรือทำตลอด เรากลัวเราไม่อยากกลับไปนอนแบบไม่อยากตื่นอีกเเล้ว เราพูดว่าเราพยายามปล่อยวางเราเกือบปล่อยแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง มันไม่ง่ายเลย ไม่เคยมีใครรับรู้ เราควรจัดการกับสิ่งๆสิ่งนี้ยังไงดี เราไม่สามารถทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นได้ ณ ตอนนี้ เคยมีผู้ใหญ่พูดว่าก่อนช่วยใครควคช่วยชีวิตตัวเองให้รอดก่อน ตอนนี้ชีวิตเราแทบไม่ไหว หลังบ้านเราพังมันยากมากๆที่จะเดินหน้าได้
เราควรจัดการสิ่งๆนี้ยังไงดีที่ไม่ทำร้ายตัวเองและครอบครัว
Toxie Parents ที่บ้านมีแต่ปัญหาจนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ไหว
โตขึ้นเราย้ายมาเรียนกรุงเทพ เราไม่ชอบสิ่งที่ครอบครัวเราเป็น พ่อมีเมียน้อยแม่เปิดบ่อน เราเคยพูดเคยทะเลาะกับแม่จนแม่ร้องไห้ ตอนเเรกเราพูดกับแม่ว่าเราไม่เข้าใจงานดีๆมีเป็นร้อยทำไมเค้าไม่ทำ เค้าบอกสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เค้าสามารถเลี้ยงครอบครัวได้สบายที่สุด ณ ตอนนั้นซึ้งเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะแม่คือคนเดียวที่รับผิดชอบครอบครัวได้ เราย้ายมาเรียนกรุงเทพอยู่กับอา จนเราสอบติดมหาลัยดีๆได้ เเต่ถึงอยู่กรุงเทพเราก็ได้ยินปัญหาเดิมๆของที่บ้านมาตลอด เราพยายามปล่อยวาง เเละทำใจ ตอนขึ้นปี 2 จะปี 3 เราเครียดเรื่องเรียนมหาลัยมาก มันค่อนข้างหนัก เรื่องเรียนเรื่องเพื่อน สังคม เราไม่เคยเล่าให้ที่บ้านฟังเค้าเเค่รู้ว่าเราเรียนเเค่นั้น
อยู่มาวันนึงพ่อเข้าโรงพยาบาล เป็นเส้นเลือดในสมองแตก พิการครึ่งซีกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โทรหาพ่อตอนนั้นพ่อเอาเเต่ร้องไห้ ร้องไห้ทุกครั้งที่โทร ร้องเป็นเดือนๆ เราเครียดความรู้สึกเหมือนบ้านมันพัง ครอบครัวมีเเต่เรื่องแย่ๆ ด้วยสิ่งที่เจอ ณ ตอนนั้น เราจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลยเครียดมากทำอะไรก็หงุดหงิด พยายามนอนไม่อยากตื่นเพราะเราไม่อยากมานั่งรับรู้อะไรแล้ว เราไม่ได้บอกใคร จนสุดท้ายเรารับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างตอนนั้นไม่ได้เราตัดสินใจซิ่ว แม่ตกใจพ่อเสียใจเเต่เราไ่หวแล้ว เราไม่ได้บอกเค้าว่าปัญหาที่มันกระทบมาจากครอบครัว เราไม่อยากให้พ่อเครียด เรารู้สึกเราพยายามปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง เราพบจิตแพทย์ เรากำลังเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า ตั้งแต่เราซิ่วเราตัดทุกอย่างเพื่อน มหาลัย เอาเเต่นอนเรานอนเยอะมาก ณ ตอนนั้น เกือบครึ่งปี เเต่เราก็พยายามโทรหาพ่อให้กำลังใจตลอด พ่อเริ่มดีขึ้นเเต่ก็ไม่ได้ 100% เรากลับบ้านไปเยี่ยมล่าสุด เจอญาติๆป้าฝั่งพ่อเค้ารู้เรื่องซิ่ว ตามความคิดผู้ใหญ่ เค้าพูดว่าซิ่วทำไม เปลืองตัง เสียตัง เสียเวลาโดยไม่เคยแม้ที่จะถามหรือจะรู้เลยว่าเราต้องเจออะไรมาบ้าง เราพยายามเข้าใจความคิดผู้ใหญ่ เค้าหวังดี แต่สิ่งที่เค้าพูดมาเเต่ละอย่าง เราไม่ได้โอเคที่เราทำตอนนั้นเหมือนกันเเต่เรารู้สึกเราไปต่อไม่ไหวแล้ว เรากลัวมากๆว่าวันนึงเราจะอยากตายขึ้นมาจริงๆ เราไม่ได้อยากมานั่งเล่าความรู้สึกหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตให้ทุกคนฟัง เราไม่เคยทะเลาะกับผู้ใหญ่เลยสักครั้งเราพยายามเงียบตลอดเเต่วันนั้นเราไม่ไหวแล้ว ทะเลาะกันจนเกือบตบกับป้า เราเสียใจมาก ตั้งแต่วันนั้นเราพยายามไม่คุย พูดถึงหรือเจอเค้าอีกเลย พ่อเราอาการดีขึ้นเเต่ก็ใช้ชีวิตเองไม่ได้ เราพยายามปล่อยวางพยามเดินหน้าออกไปหางานทำ ไม่เครียด เจอพี่ๆร่วมงานน่ารัก เรารู้สึกว่าช่วงนี้ท้องฟ้ามันสวยขึ้น หลายวันเป็นวันที่ดีเราอยากโทรหาพ่อ บางอาทิตย์ไม่ค่อยได้โทรพ่อก็จะโทรมาว่าไม่ค่อยโทรหาพ่อเลย เหมือนเค้าเสียใจเรารู้สึกผิดพยายามโทรหาให้บ่อยขึ้นเเต่เมื่อเราโทรทุกครั้งเราจะได้ยินหรือรับรู้ปัญหาที่บ้านตลอด แม่เล่นการพนันหนักขึ้น พ่อพูดแม่ไม่ฟังขอให้เราพูดแทน ญาติๆเริ่มมีปัญหากับแม่ เค้าไม่ชอบ เราแค่เหนื่อย ความรู้สึกเราคือทุกคนโตแล้ว ถ้าเค้าเปลี่ยนได้หรือทำได้เค้าคงทำไปนานแล้ว เราไม่ได้อยากมานั่งรับรู้อะไรเเค่เราเห็นว่าตอนนี้พ่อเราเป็นคนพิการ ใช้ชีวิตของตัวเองให้ตัวเองมีความสุขยังไม่ได้ มันหนักมากๆสำหรับเราคนเป็นลูก เราไม่ได้โอเคที่แม่เราเปิดบ่อนไม่ได้โอเคที่บ้านเราเป็นแบบนี้ ทุกคนคิดว่าพูดกับเราได้ทุกเรื่อง เราไม่เคยเเสดงออกว่าเราไม่โอเค ตอนนี้เรารู้สึกว่าชีวิตเราเริ่มกลับมาอยากเดินหน้าอยากใช้ชีวิตต่อ เเต่เราต้องมานั่งรับรู้สิ่งที่ครอบครัวเจอหรือทำตลอด เรากลัวเราไม่อยากกลับไปนอนแบบไม่อยากตื่นอีกเเล้ว เราพูดว่าเราพยายามปล่อยวางเราเกือบปล่อยแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง มันไม่ง่ายเลย ไม่เคยมีใครรับรู้ เราควรจัดการกับสิ่งๆสิ่งนี้ยังไงดี เราไม่สามารถทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นได้ ณ ตอนนี้ เคยมีผู้ใหญ่พูดว่าก่อนช่วยใครควคช่วยชีวิตตัวเองให้รอดก่อน ตอนนี้ชีวิตเราแทบไม่ไหว หลังบ้านเราพังมันยากมากๆที่จะเดินหน้าได้
เราควรจัดการสิ่งๆนี้ยังไงดีที่ไม่ทำร้ายตัวเองและครอบครัว