อยากจะขอเล่าระบาย [ยาว]

ขอกล่าวตามตรง วัยเด็กมีความสุขกับเพื่อน และ ชีวิตในโรงเรียนตั้งแต่ประถมจนถึง ม. ต้น (ถึงจะขี้เกียดไปโรงเรียนก็เถอะพอคิด ๆ ดูมันน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ)
และ พอถึง ม.ปลาย มันก็สนุกอยู่แหละที่ได้มีเพื่อน และ เจออดีตคนรัก อ่า แฟนคนแรกที่เจอก็ช่วงนั้นเลิกกันไปรอบนึงและมาคบกันใหม่หลังกำลังขึ้น ป.ตรี คบกันได้ 2 ปี กับอีก 10 เดือน เจ็บทรมานไปทั่งใจไป อีก 1 ปีเข้าสู่ปีที่ 2 เลยแหละ แต่เอาเถอะนอกเรื่อง ช่วงจุดเปลี่ยนก็คงเป็นช่วงปี 3 นี่แหละ รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนสุด ๆ นินทา แซะ  สองหน้า สายตา การกระทำ กับ ยังมานินทาเพื่อนสนิทจาก ม.ปลาย ต่อหน้า เราก็ไม่รู้จะทำยังไง รู้สึกล้มเหลวทั้งที่เป็นเพื่อนสนิท จะไปบอกก็ไม่ได้ เพื่อนเขามีแค่กลุ่มเดียว เราก็เรียกได้ไม่เต็มปากหรอกว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกัน บางทีอาจจะเป็นเราที่คิดไปเองก็ได้ ในสิ่งที่เราคิดนะ เรามีความสุขที่ได้อยู่กับเพื่อนคนนี้ และ ไม่ต้องการใครละ ไม่รู้สิ การกระทำเขามันซื่อตรง อนาลีนซูบฉีด ต่างจากเราที่ค่อนข้าง...น่ะ เรียกว่าไงดี เงียบขรึม ? แต่นั้นแหละ เรารู้สึกเหนื่อยกับเพื่อนแต่บางคนก็ดีแหละ แต่เรากลับรู้สึกน่าเบื่อไปหมด

ขอนอกเรื่องอีกสักหน่อย ตอนที่เลิกกันกับแฟน เราจากความสุขสูงสุด ก็ดิ่งลงพสุธาเลยแหละ เรียกได้ว่าไม่มีความสุขกับอะไร ถ้าเกิดแฟนเก่าไม่กลับไปคุยกับอดีตเพื่อน ป่านนี้เราก็คงจะยัง Happy กันอยู่ ไม่ใช่เรื่องมือที่ 3 นะ แต่เพื่อนคนนั้นอารมณ์ฉุนเฉียว และ พูดอะไรที่ไม่ควรจะพูดออกมา เลยเกิดรอยร้าวขึ้น แต่มันก็เป็นชวนนั้นแหละ คนจุดชนวนคือเรา ที่ดันไปถาม เลยจบแบบนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาคงเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วละ เท่าที่เราได้ยินมา มันตลกดีนะ ให้ตายสิ ตอนนั้นเราแทบเหมือนคนไร้ชีวิตที่เดินได้ หลบมาร้องไห้คนเดียวทุกวัน ทุกครั้งที่ได้ยิน และ เห็นเรื่องราวในอดีต อยากให้ใครสักคนมาปิดชีวิต ไม่ก็เกิดอุบัติเหตุให้หายไปทันทีแบบไม่เจ็บปวด แต่ก็ยังดียังมีเพื่อนสนิทรับฟัง รับฟัง...แต่ก็ด้วยอารมณ์ หรือ อะไรของเพื่อนสนิทมันค่อนข้าง เจิดจ้า มันเลยทำให้เราดีขึ้นทีละนิดทีละนิด เราเลยตัดสินใจว่าเราจะไม่ทรยศเพื่อนคนนี้เด็ดขาด ไม่ว่าด้วยอะไร และ เริ่มมีเพื่อน เรามีความสุขดีแหละ แต่พอนานเข้าก็อย่างที่เราเคยเล่า เริ่มเบื่อหน่าย เริ่มรู้สึกพะอืดพะอม ....... แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นก็อีกเรื่อง พอมาตอนนี้กลับรู้สึกดีละที่ได้เลิกกันกับแฟน เพราะ ชีวิตเรามันไม่มีอะไรดีเลยละ
เรียน - ก็ได้ที่โหล่ของห้องเกรดไม่ถึง 2.00 ด้วยซ้ำ พวกคุณบางส่วนคงจะมองว่าพยายามไม่มากพอสินะ...อืม...สายที่เราเลือกเรียนเป็นสายที่ชอบและศึกษาหาความรู้มาตั้งแต่ ม.ต้น แล้วละ มาตอนนี้เกรดไม่ถึง 2.00 มาตั้งแต่ปี 2 แล้วตลกใช่มั้ยละ ขนาดตั้งใจศึกษาทบทวนเสมอ
กีฬา - ไม่มีอันไหนเก่ง หรือเป็นจุดเด่น
ทำงาน - คงไม่มีใครรับ คนที่ไม่เก่งอย่างเรา ใช่มันมีงานที่อยากทำแบบไม่เจอผู้คนอยู่แต่เสียที่เราล้มเหลวกับมัน
ชีวิตในอนาคต - เราก็คงจะล้มเหลว และ คงไม่เหลืออะไรแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าเป็นเซฟโซน ใช่ถ้าเราเสียมันไปเราก็คงไม่ใช่ตัวเราอีกแล้ว
เลยเป็นสาเหตุที่เราในตอนนี้คิดว่าดีแล้วละที่เขาบอกเลิก ไม่งั้นจะเป็นเราแทนที่จะบอกเลิกแทน เพื่อให้เขาได้เจอคนดี ๆ เก่ง ๆ เพราะ เขาเรียกได้ว่า เก่งกว่าผม และ กล้ากว่าผม และ ยังวาดรูปได้สวยอีกด้วยละ หวังว่าจะไปได้สูงนะ ปะ เจอคนที่ดี
ส่วนเพื่อนสนิท เราก็เริ่มชอบเขามาพักนึงแหละ พอรู้เราก็ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมบอกชอบเขา เพราะ รู้ยังไงเขาก็ปฎิเสธ แบบนี้แหละดีแล้ว ยังไงซะชีวิตเรามันก็ไม่สมควรที่จะไปรักใครหรือ ให้ใครมารักมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ดีที่เขาก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเราอยู่ เป็นสิ่งที่คอยเยียวยาจิตใจตัวเรา เราเคยระบายกับเขาอยู่พักนึงจนตอนนี้ เราสัญญากับเขาแล้วละจะไม่มาระบายอะไรอีกแล้ว เพราะเขาคงจะลำคาญ

บางอันอ่านแล้ว งงๆ ใช่มั้ยละ หรือ แปลกๆ แต่มันเป็นชีวิตที่เราได้ผ่านมา เราพยายามอธิบายที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วละ บางอันอาจจะไม่ถูกใจใครก็ต้องขออภัยด้วยนะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ช่วยสรุปให้แล้ว

     ผู้เขียนเคยมีความสุขในวัยเด็กและช่วง ม.ปลาย โดยเฉพาะกับแฟนคนแรก
แต่จบลงด้วยความเจ็บปวด ช่วงปี 3 ของมหาวิทยาลัยเริ่มเหนื่อยใจกับเพื่อนและรู้สึกล้มเหลวในชีวิต
ทั้งเรื่องเรียน กีฬา และอนาคต แม้ยังมีเพื่อนสนิทที่ช่วยเยียวยาใจ แต่ก็แอบชอบเขา และเลือกจะตัดใจ
ตอนนี้ยอมรับว่าการเลิกกับแฟนคือเรื่องดี และคิดว่าชีวิตตนไม่เหมาะจะรักใคร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่