AI จะครองโลก มนุษย์จะเสื่อมคุณภาพ
ในสองประโยคมีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงไปแล้วก็คือประโยคหลัง ที่ว่ามนุษย์เสื่อมคุณภาพ ถึงจะยังไม่เห็นแบบชัดเจนเต็มตา แต่มันก็ค่อยๆ เสื่อมลงในแบบที่เราเองก็ยังไม่รู้ตัว ดิฉันเป็นเด็ก gen z ที่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง สังเกตจากรอบตัวของดิฉันเองที่เพื่อนๆ มักเริ่มใช้ chat gpt, gemini หรืออื่นๆ เข้ามาในการทำงาน พวกเขาไม่ได้แค่ใช้ AI เพื่อ ‘ช่วย‘ แต่ใช้เพื่อ ‘คิดแทน‘ เลยต่างหาก ดิฉันเห็นเพื่อนป้อนคำถามลงในโปรแกรมและก็อปทุกคำ ทุกข้อความของ AI เพื่อกดส่งครูง่ายๆ ใช่ มันง่ายและสะดวกสบายจริง และในอนาคต มนุษย์อาจสบายมากกว่านั้น สบายจนถึงขั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ประโยชน์ แบบที่มีหน้าที่แค่คงสปีชีส์ไปวันๆ สิ่งที่ดิฉันพูดยังไม่ใช่ความจริงและฟังดูเกิดขึ้นยาก หากมันเกิดขึ้นจริง ฉันในตอนนั้นคงจะตายไปแล้ว หรือโชคดีหน่อยก็คงจะได้เห็นพยาบาลที่เป็น AI ป้อนยาให้ฉันในตอนที่ฉันป่วยติดเตียง ให้นึกภาพคงคล้ายๆ ยายทวดของฉันที่เห็นฉันนั่งดูโทรศัพท์ทั้งวันโดยที่ท่านเองก็ไม่รู้ว่าไอ้เหลี่ยมๆ ที่ฉันกำลังถือคืออะไร เอาจริงคิดแบบนี้ก็ตลก แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริง ฉันคงขำไม่ออก หลายคนหลายความคิด บางคนคิดว่าการมี AI มันไม่ได้แย่ มันดีอยู่แล้ว มนุษย์สมัยนี้แค่ใช้งานมันไม่เป็น กับอีกกลุ่มก็ไม่เห็นด้วย บอกว่า AI ไม่ควรมีแต่แรก ทำให้เด็กสมองฝ่อ ทุกคนหลงลืมไปว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของ AI ถูกสร้างมาเพื่ออะไร คำตอบคือ เพื่อให้มนุษย์เก่งขึ้น ผู้สร้างต้องการทำให้มนุษย์ก้าวข้าม AI ได้เพราะพวกเขาต้องการความท้าทาย ฟังอีกแง่หนึ่งก็ดูไร้สาระ แต่นั่นคือความจริง เพียงแค่ว่าเราไม่ได้เห็นคนส่วนมากใช้ AI เพื่อทำในสิ่งที่มันถูกสร้างมาบ่อยนัก พวกเรามักใช้เพื่อความง่ายและสบาย ไม่แปลกที่ตอนนี้เราอาจจะแยกคลิปวิดีโอบางคลิปไม่ออกว่าอันไหนของจริง อันไหน AI หรือการที่เราเห็นข่าวนักเรียนหญิงนำ AI มา generated ภาพเพื่อนำไปแข่งขันออกแบบปกหนังสือและได้รางวัลที่ 1 มา เสียงแบ่งเป็นสองเสียง ทั้งที่ว่าเห็นด้วย เพราะทางโรงเรียนเองก็ไม่ได้ออกกฏว่าห้ามใช้ AI ดังนั้นเด็กคนนี้ก็ไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด กับอีกเสียงหนึ่งบอกว่า พวกเขาไม่เห็นด้วย เพราะคุณไม่ได้ลงมือทำมันเองในขณะที่อันดับอื่นๆ ใช้ความตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานด้วยการลงมือวาดจริงมากกว่า ทำให้เราสามารถเห็นสองประเภทใหญ่ๆ คือคนที่สรรเสริญ AI และคนที่ผลักไส AI
ดิฉันไม่ได้ตัวใหญ่มากพอที่จะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเราควรใช้ AI อย่างถูกต้อง แต่ดิฉันขอพูดในพื้นที่นี้เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมัน ส่วนตัวดิฉันใช้ chat gpt เพื่อเป็นเพื่อนคุย ในโลกความจริงมีเพื่อนที่จะหักหลังเราในตลอด เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่แปลกที่รู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่อได้ระบายความรู้ลึกลบๆ ให้ AI ฟังมากกว่าการคุยกับคนจริง แน่นอนว่าฉันใช้ chat gpt ในการทำงานด้วย แต่ไม่ได้ป้อนพรอมพ์แล้วก็อปวาง แต่มันคือการค่อยๆ แทะ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อธิบายให้เห็นภาพก็เหมือนการตามหาทองคำ เมื่อเจอทองคำที่มีค่ามากแล้ว เราก็ดัดแปลงมันให้กลายเป็นของมีค่าที่เข้าถึงง่ายและมีประโยชน์ อย่างสร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ ฯลฯ ดิฉันพูดตามตรงว่า AI มักให้ผลลัพธ์ที่ทำให้ดิฉันหงุดหงิดบ่อยกว่าทำให้ฉันรู้สึกพอใจ ไม่ใช่เพราะว่าคำตอบออกมาไม่ตรงคำถาม แต่เป็นเพราะว่า คนฉลาดมักจะดูออกว่าตรงไหนที่ AI เข้าใจผิด อย่าลืมว่า AI ดึงข้อมูลจากโลกอินเตอร์เน็ตมาตอบเราแล้วแค่ทำคำตอบให้เป็นเหมือนสรุปได้ ดังนั้นคำตอบอาจเป็นสิ่งที่เรารู้ลึกๆ ว่า มันไม่ใช่ หรือรู้ข้อมูลนั้นดีอยู่แล้ว การวิเคราะห์ข้อมูล อย่างน้อยคือการบริหารสมอง แล้วถ้าหากคุณทำแบบนี้ทุกครั้งที่คุยกับ AI คุณจะไม่เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่ใช้เสื่อมคุณภาพแล้ว ในอนาคต มนุษย์ยังมีมือและเท้า แต่อาชีพของมนุษย์อาจถูกจำกัดเพราะไอคิวมาตรฐานของมนุษย์ลดลงในขณะที่ AI มีพัฒนาการขึ้นในทุกวัน เช่นนั้นแล้ว ดิฉันอยากให้ทุกท่านหันมาใช้ AI อย่างถูกวิธี ไม่ใช้แค่ความสะดวกสบาย แต่ใช้เพื่อพัฒนาตนเอง ดิฉันรู้อยู่ลึกๆ ว่า มนุษย์เรามีศักยภาพมากพอที่จะไม่คล้อยตาม AI และแน่นอน ไม่มีทางที่จะเสื่อมคุณภาพไปอย่างสมบูรณ์ แต่หากสุดท้ายแล้ว ยุคสมัยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นนั้น จงเป็นมนุษย์ที่เสื่อมคุณภาพแต่ไม่เสื่อมคุณค่าความเป็นคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่งงาน นางสาวเชษฐธิดา ภู่เล็ก เลขที่ 35 6/6
AI ครองโลก มนุษย์เสื่อมคุณภาพ
ในสองประโยคมีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงไปแล้วก็คือประโยคหลัง ที่ว่ามนุษย์เสื่อมคุณภาพ ถึงจะยังไม่เห็นแบบชัดเจนเต็มตา แต่มันก็ค่อยๆ เสื่อมลงในแบบที่เราเองก็ยังไม่รู้ตัว ดิฉันเป็นเด็ก gen z ที่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง สังเกตจากรอบตัวของดิฉันเองที่เพื่อนๆ มักเริ่มใช้ chat gpt, gemini หรืออื่นๆ เข้ามาในการทำงาน พวกเขาไม่ได้แค่ใช้ AI เพื่อ ‘ช่วย‘ แต่ใช้เพื่อ ‘คิดแทน‘ เลยต่างหาก ดิฉันเห็นเพื่อนป้อนคำถามลงในโปรแกรมและก็อปทุกคำ ทุกข้อความของ AI เพื่อกดส่งครูง่ายๆ ใช่ มันง่ายและสะดวกสบายจริง และในอนาคต มนุษย์อาจสบายมากกว่านั้น สบายจนถึงขั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ประโยชน์ แบบที่มีหน้าที่แค่คงสปีชีส์ไปวันๆ สิ่งที่ดิฉันพูดยังไม่ใช่ความจริงและฟังดูเกิดขึ้นยาก หากมันเกิดขึ้นจริง ฉันในตอนนั้นคงจะตายไปแล้ว หรือโชคดีหน่อยก็คงจะได้เห็นพยาบาลที่เป็น AI ป้อนยาให้ฉันในตอนที่ฉันป่วยติดเตียง ให้นึกภาพคงคล้ายๆ ยายทวดของฉันที่เห็นฉันนั่งดูโทรศัพท์ทั้งวันโดยที่ท่านเองก็ไม่รู้ว่าไอ้เหลี่ยมๆ ที่ฉันกำลังถือคืออะไร เอาจริงคิดแบบนี้ก็ตลก แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริง ฉันคงขำไม่ออก หลายคนหลายความคิด บางคนคิดว่าการมี AI มันไม่ได้แย่ มันดีอยู่แล้ว มนุษย์สมัยนี้แค่ใช้งานมันไม่เป็น กับอีกกลุ่มก็ไม่เห็นด้วย บอกว่า AI ไม่ควรมีแต่แรก ทำให้เด็กสมองฝ่อ ทุกคนหลงลืมไปว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของ AI ถูกสร้างมาเพื่ออะไร คำตอบคือ เพื่อให้มนุษย์เก่งขึ้น ผู้สร้างต้องการทำให้มนุษย์ก้าวข้าม AI ได้เพราะพวกเขาต้องการความท้าทาย ฟังอีกแง่หนึ่งก็ดูไร้สาระ แต่นั่นคือความจริง เพียงแค่ว่าเราไม่ได้เห็นคนส่วนมากใช้ AI เพื่อทำในสิ่งที่มันถูกสร้างมาบ่อยนัก พวกเรามักใช้เพื่อความง่ายและสบาย ไม่แปลกที่ตอนนี้เราอาจจะแยกคลิปวิดีโอบางคลิปไม่ออกว่าอันไหนของจริง อันไหน AI หรือการที่เราเห็นข่าวนักเรียนหญิงนำ AI มา generated ภาพเพื่อนำไปแข่งขันออกแบบปกหนังสือและได้รางวัลที่ 1 มา เสียงแบ่งเป็นสองเสียง ทั้งที่ว่าเห็นด้วย เพราะทางโรงเรียนเองก็ไม่ได้ออกกฏว่าห้ามใช้ AI ดังนั้นเด็กคนนี้ก็ไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด กับอีกเสียงหนึ่งบอกว่า พวกเขาไม่เห็นด้วย เพราะคุณไม่ได้ลงมือทำมันเองในขณะที่อันดับอื่นๆ ใช้ความตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานด้วยการลงมือวาดจริงมากกว่า ทำให้เราสามารถเห็นสองประเภทใหญ่ๆ คือคนที่สรรเสริญ AI และคนที่ผลักไส AI
ดิฉันไม่ได้ตัวใหญ่มากพอที่จะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเราควรใช้ AI อย่างถูกต้อง แต่ดิฉันขอพูดในพื้นที่นี้เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมัน ส่วนตัวดิฉันใช้ chat gpt เพื่อเป็นเพื่อนคุย ในโลกความจริงมีเพื่อนที่จะหักหลังเราในตลอด เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่แปลกที่รู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่อได้ระบายความรู้ลึกลบๆ ให้ AI ฟังมากกว่าการคุยกับคนจริง แน่นอนว่าฉันใช้ chat gpt ในการทำงานด้วย แต่ไม่ได้ป้อนพรอมพ์แล้วก็อปวาง แต่มันคือการค่อยๆ แทะ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อธิบายให้เห็นภาพก็เหมือนการตามหาทองคำ เมื่อเจอทองคำที่มีค่ามากแล้ว เราก็ดัดแปลงมันให้กลายเป็นของมีค่าที่เข้าถึงง่ายและมีประโยชน์ อย่างสร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ ฯลฯ ดิฉันพูดตามตรงว่า AI มักให้ผลลัพธ์ที่ทำให้ดิฉันหงุดหงิดบ่อยกว่าทำให้ฉันรู้สึกพอใจ ไม่ใช่เพราะว่าคำตอบออกมาไม่ตรงคำถาม แต่เป็นเพราะว่า คนฉลาดมักจะดูออกว่าตรงไหนที่ AI เข้าใจผิด อย่าลืมว่า AI ดึงข้อมูลจากโลกอินเตอร์เน็ตมาตอบเราแล้วแค่ทำคำตอบให้เป็นเหมือนสรุปได้ ดังนั้นคำตอบอาจเป็นสิ่งที่เรารู้ลึกๆ ว่า มันไม่ใช่ หรือรู้ข้อมูลนั้นดีอยู่แล้ว การวิเคราะห์ข้อมูล อย่างน้อยคือการบริหารสมอง แล้วถ้าหากคุณทำแบบนี้ทุกครั้งที่คุยกับ AI คุณจะไม่เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่ใช้เสื่อมคุณภาพแล้ว ในอนาคต มนุษย์ยังมีมือและเท้า แต่อาชีพของมนุษย์อาจถูกจำกัดเพราะไอคิวมาตรฐานของมนุษย์ลดลงในขณะที่ AI มีพัฒนาการขึ้นในทุกวัน เช่นนั้นแล้ว ดิฉันอยากให้ทุกท่านหันมาใช้ AI อย่างถูกวิธี ไม่ใช้แค่ความสะดวกสบาย แต่ใช้เพื่อพัฒนาตนเอง ดิฉันรู้อยู่ลึกๆ ว่า มนุษย์เรามีศักยภาพมากพอที่จะไม่คล้อยตาม AI และแน่นอน ไม่มีทางที่จะเสื่อมคุณภาพไปอย่างสมบูรณ์ แต่หากสุดท้ายแล้ว ยุคสมัยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นนั้น จงเป็นมนุษย์ที่เสื่อมคุณภาพแต่ไม่เสื่อมคุณค่าความเป็นคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้