F1 ว่าที่หนังฮิตเรื่องที่ 4 ของ WB ในปีนี้อาจเปิดที่ 65 ล้าน M3GAN 2.0 ดับ..เปิดตัวราว 15 ล้าน บทเรียนการเปลี่ยน Genre

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 6 ของ Hollywood Summer 2025 หลังจากการเปิดตัวที่ค่อนข้างน่าผิดหวังของ 28 Years Later และ Elio จนน่าจะหลุดวงโคจรของหนัง 100 ล้านในปีนี้ไปแล้ว สุดสัปดาห์นี้มีหนังที่ได้รับการคาดหมายว่าจะกลายเป็นม้ามืดประจำปีอย่าง F1: The Movie ได้ฤกษ์เปิดตัวลงโรงโดยเฉพาะโรง IMAX กันแล้ว รวมทั้ง M3GAN 2.0 ภาคต่อของหนังสยองขวัญยอดฮิตก็จะกลับมาอีกด้วย แต่ผลลัพธ์อาจกลายเป็นตรงกันข้ามกับภาคแรก
 
 
F1: The Movie (Apple / WB)
การกลับมาเล่นหนัง Blockbuster อีกครั้งของ Brad Pitt จากผลงานการสร้างการลงทุนของ Apple Original Films โดยมี WB เป็นผู้จัดจำหน่ายในระบบโรงภาพยนตร์ พร้อมด้วยทีมงานที่เคยสร้าง Top Gun: Maverick จนฮิตกระจายมาแล้วเมื่อปี 2022 อย่างผู้กำกับ Joseph Kosinski, ผู้อำนวยการสร้าง Jerry Bruckheimer, มือเขียนบท Ehren Kruger, ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ Hans Simmer ภายใต้การควบคุมดูแลความสมจริงจาก Sir Lewis Hamilton ผู้อำนวยการสร้างและแชมป์โลก Formula 1 หลายสมัย ความยอดเยี่ยมของบุคลากรเหล่านี้ก็ส่งผลให้ผลตอบรับของ F1 จากรอบทดลองฉาย รอบเปิดตัว เป็นไปในทางที่ดีมากๆๆๆ ทาง WB มั่นใจมากถึงขนาดยก Full Review Embargo ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน ก่อนหน้าวันฉายจริงถึง 10 วันซึ่งหาได้ยากสำหรับหนัง Blockbuster ยุคนี้ และคะแนนจากเว็บรีวิวต่างๆของ F1 ก็จัดว่าดีมากเช่นกัน โดยทำคะแนน Metascore ได้ถึง 71 คะแนน รวมทั้ง Tomatometer = 87% ในปัจจุบัน
 
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นส่งผลให้ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าของ F1 พุ่งกระฉูด โดยคาดว่าจะทำรายได้ IMAX Fan First, Wednesday Early Access และ Thursday Night Preview ได้รวมกัน 9-10 ล้านเหรียญ และรายได้วันแรกคือวันศุกร์อีก 15-20 ล้านเหรียญ ทั้งนี้หลายๆสื่อเคยประเมินรายได้เปิดตัวของ F1 ไว้ที่ 35-40 ล้าน แต่จากยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าในปัจจุบันที่ยังพุ่งไม่หยุด เป็นไปได้น้อยมากที่ F1 จะทำรายได้เปิดตัวต่ำกว่า 40 ล้านเหรียญ และอาจพุ่งไปถึง 55+ ล้าน หรือบางค่ายเชื่อว่า 65+ ล้านด้วยซ้ำไป แต่โดยสรุปแล้วค่ากลางๆคือ 50-55 ล้านเหรียญ และจะได้เกรด CinemaScore = A หรือ A+ ซึ่งจะยืนระยะทำเงินในสัปดาห์ถัดไปได้อย่างแน่นอน
 
และเนื่องจากสุดสัปดาห์หน้าคือสุดสัปดาห์วันชาติของอเมริกา แถม F1 ยังได้ครองโรง IMAX เรื่องเดียวเพราะ Jurassic World Rebirth ไม่ได้มีการฉายใน IMAX Format บวกกับความนิยม Formula1 ในประเทศอื่นทั่วโลกที่มีมากกว่าในอเมริกาเยอะ (เพราะคนอเมริกันคิดว่า F1 มีกฎมีข้อจำกัดเยอะเกินไปไม่สนุกเหมือน Nascar) ทำให้มีโอกาสสูงมากที่ F1: The Movie จะกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดตลอดกาลในชีวิตการแสดงนำของ Brad Pitt และกลายเป็น Surprise Hits เรื่องที่ 4 ติดต่อกันของ WB ในปีนี้ ต่อจาก A Minecraft Movie, Sinners และ Final Destination: Bloodlines
 
 
How to Train Your Dragon (Universal)
ยังคงเดินหน้าโกยเงินต่อไปเรื่อยๆสำหรับสุดสัปดาห์ที่ 3 ของ How to Train Your Dragon ฉบับ Live-Action รีเมค ซึ่งค่อนข้างจะแน่นอนว่าจะต้องกลายเป้นหนังที่ทำเงินสูงที่สุดของแฟรนไชส์แน่ๆ โดยคาดว่าสุดสัปดาหืนี้ HTTYD จะทำเงินไปอีกราว 15-20 ล้านเหรียญ รายได้รวมไปที่ 195-200 ล้านเหรียญ และรายได้สุดท้ายที่ประมาณ 280-290 ล้านเหรียญ
 
 
M3GAN 2.0 (Universal)
หนังฮิตที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วต้นปี 2023 และทำรายได้ในอเมริกาเหนือไปถึง 95 ล้านจากทุนสร้างเพียง 13 ล้าน จนทำให้ผู้สร้างคือ 2 สตูดิโอแนวหน้าของหนังสยองนั่นคือ Blumhouse ของ Jason Blum และ Atomic Monster ของ James Wan ตกลงสร้างภาคต่อของมันออกมาเพื่อโกยเงินอีกครั้ง
 
แต่ทว่ากระแสของ M3GAN 2.0 กลับเงียบเชียบราวป่าช้า ทั้งๆที่หนังเล่นใหญ่ขึ้น ลงทุนมากขึ้น (ข่าวว่าราว 30-40 ล้าน) แต่คงเป็นเพราะหนังหลงลืมรากเหง้าของตัวเองจากหนัง Sci-Fi Horror เปลี่ยนไปออกโทน Action/Comedy มากขึ้น จนทำให้ผลลัพธ์จากการทดลองฉายออกมาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งมันก็สะท้อนออกมาที่ยอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าที่ตกต่ำมาก จนคาดกันว่า M3GAN 2.0 จะทำเงินจากรอบพรีวิวได้เพียง 1.5-2 ล้านเหรียญ และเปิดตัวในช่วง 15+- ล้านเหรียญเท่านั้น เรื่องดีๆเพียงอย่างเดียวคือหลังจากยก Full Review Embargo ไปเมื่อวันพุธ M3GAN 2.0 ยังได้คะแนน Metascore 55 คะแนน รวมทั้ง Tomatometer = 67% ก็ยังพอไหว ณ จุดนี้ แต่ก็ยังถือว่าตกต่ำมากๆเมื่อเทียบกับภาคแรกที่ได้ 72 คะแนนและ 93% ตามลำดับ
 
 
28 Years Later (Sony)
เปิดตัวได้ไม่เลวแต่ก็ถือว่าต่ำกว่าความคาดหวังสำหรับ 28 Years Later ซึ่งก็ต้องไปโทษการตลาดของ Sony เอง โดย 28 Years Later ได้เกรด CinemaScore = B แถมทำความเห็นของคนดูแตกออกเป็น 2 ซีก ฝั่งนึงชมชอบกับแนวคิดของหนัง แต่อีกฝั่งนึงสวดยับโดยเฉพาะครึ่งหลัง อย่างไรก็ตามหนังยังมีหลักยึดที่ดีก็คือคะแนนวิจารณ์ที่สูง แสดงถึงความแข็งแรงของแก่นของหนัง บวกกับ WoM ที่พอใช้ได้จึงทำให้ 28 Years Later ทำรายได้ในช่วงวันจันทร์-พุธได้ค่อนข้างดี คาดหมายว่าสุดสัปดาห์นี้ 28 Years Later จะทำรายได้ไป 13-16 ล้านเหรียญ รายได้รวมไปที่ 55-58 ล้านเหรียญ และรายได้สุดท้ายที่ประมาณ 75 ล้านเหรียญ
 
 

Elio (Disney)
เปิดตัวได้น่าผิดหวังมากๆสำหรับ Elio จนกลายเป็นหนัง Pixar ที่เปิดตัวต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะทำเกรด CinemaScore = A และมีรายได้ช่วงวันธรรมดาที่ดีจนกระทั่งบางวันแซง 28 Years Later ได้ด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากหนังเปิดตัวได้น้อยเกินไปจนไม่น่าจะเพียงพอที่จะไปถึงหลัก 100 ล้านได้ คาดหมายว่าสุดสัปดาห์นี้ Elio จะทำรายได้ไปอีก 10-13 ล้านเหรียญ รายได้รวมไปที่ 41-44 ล้านเหรียญ และรายได้สุดท้ายที่ประมาณ 80-85 ล้านเหรียญ
 
 

Lilo & Stitch (Disney)
ยังเกาะอันดับหนังทำเงินอย่างเหนียวแน่นแม้จะร่วงไปอันดับที่ 6 แล้ว และน่าจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่จะกล่าวถึงในกระทู้ (เกิน 5 ล้านช่วงสุดสัปดาห์) แต่ Stitch ก็ยังคงเดินหน้ากวาดเงินเข้ากระเป๋า Disney ต่อไปเรื่อยๆ โดยเป้าหมายก็ไปให้ถึงหลัก 1 พันล้านเหรียญทั่วโลกให้ได้ ซึ่งตอนนี้โอกาสก็อยู่ที่ 50/50 โดยสุดสัปดาห์นี้ Lilo & Stitch จะทำรายได้ไปอีก 4.5-6.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมไปที่ 396-398 ล้านเหรียญ และรายได้สุดท้ายที่ประมาณ 410-420 ล้านเหรียญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่