อดีต..
มันเป็นแค่เทคนิคการหาเสียง
ปัจจุบัน..
มันเป็นแค่เทคนิคการเจรจา
อนาคต..
มันเป็นแค่เทคนิคการหนี
ตั้งแต่รัฐบาลถุงเท้าแดงเป็นต้นมา
จนถึงรัฐบาลนายน้อย
การแสดงท่าทีในเรื่องต่างๆที่สังคมให้ความห่วงใย
รัฐบาลมักเพิกเฉย หรือมักทำแบบอ้อยอิ่ง
ต่อเมื่อ feedback จากสังคม เริ่มกดดันรัฐบาล
เมื่อนั้น จึงจะเริ่มสนองตอบกระแสกดดัน
เพราะไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้อีกแล้ว
ซึ่งมักไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ความเสียหายมันเกิดขึ้นแล้ว
จะทำอะไรก็ไม่ได้มากนัก
ตั้งแต่ประเด็นคนไทยในฉนวนกาซา
เรื่องน้ำท่วม ตึกถล่ม เรื่อยมาจนถึงเรื่องพิพาทชายแดน
สุดท้ายคือ คลิปอา -หลานที่หลุดออกมา
ถ้าหลานไม่อ่อนจนอาคิดว่าเหยียบหัวได้
อาก็คงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้
และมันก็จริงที่นายน้อยพูดว่า..
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสู้กันเอง
แต่ต้องไม่ใช่ภายใต้การนำของนายน้อย
เพราะถ้าเอานายน้อยมาเป็นผู้นำการต่อสู้
มันจะเสียหายยิ่งกว่านี้อีก?
ซึ่งจนถึงตอนนี้..
นายน้อยก็พูดได้แค่คำว่า "ขออภัย"
ที่ไม่ใช่แม้คำว่า "ขอโทษ"
และเป็นการขออภัยที่ทำให้ไม่สบายใจ
ไม่ใช่การขออภัยที่ได้พูดสิ่งที่เป็นไปในคลิปหลุดแต่อย่างใด
ในสถานการณ์แบบนี้..
หากนายใหญ่ยังจะดันทุรังแบกนายน้อยต่อไป
ก็คงไม่มีทางเลือกมากนัก
นอกจากปรับท่าทีให้ดูเข้มแข็ง
ตอบโต้กลับอา อย่างดุดัน
เพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนรักชาติ
รักแผ่นดินกว่าทุกคนในประเทศ
หากยอมฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่แล้ว จะได้ยินแต่คำว่า
"ต้องเปลี่ยนผู้นำใหม่เท่านั้น"
ถึงนาทีนี้..
นายใหญ่คงตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
จากที่ลังเลว่าจะหนีหรืออยู่สู้ต่อเพื่อนายน้อย
เพราะไม่ต้องห่วง และไม่ต้องแบกนายน้อยอีกต่อไปแล้ว
แต่ช่องทางธรรมชาติคงต้องเปลี่ยนไปทางมาเลย์ฯเสียแล้วละมั้ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..
นายน้อยทำผิดพลาดไป นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง
นายใหญ่ทำผิดพลาดไป
ที่เอานายน้อยซึ่งขาดศักยภาพมานั่งเป็นตุ๊กตา
นั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
แต่ที่ควรตำหนิอีกส่วนหนึ่ง
ก็คือบรรดาพรรคการเมือง และนักการเมือง
ที่ร่วมกันสนับสนุนให้นายน้อยมานั่งในตำแหน่ง
พวกเขาเหล่านี้
ล้วนแต่มีส่วนนำพาประเทศมาถึงจุดนี้ทั้งสิ้น...
ข้อบกพร่องของพรรคแกนนำรัฐบาล
คือการประเมินอารมณ์ของสังคมต่ำเกินไป
เป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัย
แต่ก็ไม่เคยหลายจำ และไม่เคยเรียนรู้..
ระวัง..จะต้องเรียนซ้ำอีกรอบ
แค่สงสัย..จากเทคนิคการหาเสียง จนถึงเทคนิคการเจรจา?
มันเป็นแค่เทคนิคการหาเสียง
ปัจจุบัน..
มันเป็นแค่เทคนิคการเจรจา
อนาคต..
มันเป็นแค่เทคนิคการหนี
ตั้งแต่รัฐบาลถุงเท้าแดงเป็นต้นมา
จนถึงรัฐบาลนายน้อย
การแสดงท่าทีในเรื่องต่างๆที่สังคมให้ความห่วงใย
รัฐบาลมักเพิกเฉย หรือมักทำแบบอ้อยอิ่ง
ต่อเมื่อ feedback จากสังคม เริ่มกดดันรัฐบาล
เมื่อนั้น จึงจะเริ่มสนองตอบกระแสกดดัน
เพราะไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้อีกแล้ว
ซึ่งมักไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ความเสียหายมันเกิดขึ้นแล้ว
จะทำอะไรก็ไม่ได้มากนัก
ตั้งแต่ประเด็นคนไทยในฉนวนกาซา
เรื่องน้ำท่วม ตึกถล่ม เรื่อยมาจนถึงเรื่องพิพาทชายแดน
สุดท้ายคือ คลิปอา -หลานที่หลุดออกมา
ถ้าหลานไม่อ่อนจนอาคิดว่าเหยียบหัวได้
อาก็คงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้
และมันก็จริงที่นายน้อยพูดว่า..
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสู้กันเอง
แต่ต้องไม่ใช่ภายใต้การนำของนายน้อย
เพราะถ้าเอานายน้อยมาเป็นผู้นำการต่อสู้
มันจะเสียหายยิ่งกว่านี้อีก?
ซึ่งจนถึงตอนนี้..
นายน้อยก็พูดได้แค่คำว่า "ขออภัย"
ที่ไม่ใช่แม้คำว่า "ขอโทษ"
และเป็นการขออภัยที่ทำให้ไม่สบายใจ
ไม่ใช่การขออภัยที่ได้พูดสิ่งที่เป็นไปในคลิปหลุดแต่อย่างใด
ในสถานการณ์แบบนี้..
หากนายใหญ่ยังจะดันทุรังแบกนายน้อยต่อไป
ก็คงไม่มีทางเลือกมากนัก
นอกจากปรับท่าทีให้ดูเข้มแข็ง
ตอบโต้กลับอา อย่างดุดัน
เพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนรักชาติ
รักแผ่นดินกว่าทุกคนในประเทศ
หากยอมฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่แล้ว จะได้ยินแต่คำว่า
"ต้องเปลี่ยนผู้นำใหม่เท่านั้น"
ถึงนาทีนี้..
นายใหญ่คงตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
จากที่ลังเลว่าจะหนีหรืออยู่สู้ต่อเพื่อนายน้อย
เพราะไม่ต้องห่วง และไม่ต้องแบกนายน้อยอีกต่อไปแล้ว
แต่ช่องทางธรรมชาติคงต้องเปลี่ยนไปทางมาเลย์ฯเสียแล้วละมั้ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..
นายน้อยทำผิดพลาดไป นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง
นายใหญ่ทำผิดพลาดไป
ที่เอานายน้อยซึ่งขาดศักยภาพมานั่งเป็นตุ๊กตา
นั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
แต่ที่ควรตำหนิอีกส่วนหนึ่ง
ก็คือบรรดาพรรคการเมือง และนักการเมือง
ที่ร่วมกันสนับสนุนให้นายน้อยมานั่งในตำแหน่ง
พวกเขาเหล่านี้
ล้วนแต่มีส่วนนำพาประเทศมาถึงจุดนี้ทั้งสิ้น...
ข้อบกพร่องของพรรคแกนนำรัฐบาล
คือการประเมินอารมณ์ของสังคมต่ำเกินไป
เป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัย
แต่ก็ไม่เคยหลายจำ และไม่เคยเรียนรู้..
ระวัง..จะต้องเรียนซ้ำอีกรอบ