ผักสวนครัวที่ปลูกง่ายอย่างมะเขือเทศ ผลสีแดงที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร แถมยังมีรสชาติอร่อย ประโยชน์จัดเต็มต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ทั้ง วิตามินซี ไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในการช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้หลายชนิด และยังใช้ปรุงอาหารได้หลายเมนูอีกด้วย
สรรพคุณของมะเขือเทศ
ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดลมเลือด
ช่วยชะลอความแก่ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์
ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ทำให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลภายในร่างกาย
ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตา โรคต้อกระจก
ช่วยป้องกันมะเร็งหลากหลายชนิด
ช่วยทำให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
วิธีปลูกมะเขือเทศ
เลือกมะเขือเทศที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ และใช้ดินร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูงในการปลูก โดยดินต้องระบายน้ำได้ดีด้วย
เริ่มปลูกโดยการเพาะเมล็ดในกระถาง และเมื่อต้นกล้าแข็งแรงจึงย้ายลงแปลง โดยปลูกให้ห่างกันระยะ 50-60 เซนติเมตร
ไม่ควรปลูกมะเขือเทศซ้ำในแปลงเดิม ควรสลับเปลี่ยนเวียนไปปลูกพืชชนิดอื่น เพื่อป้องกันโรคและแมลง
วิธีการดูแลมะเขือเทศ
ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยโดยการโรยรอบโคนต้น แล้วรดน้ำตาม หรือฉีดพ่นตามใบ ถ้าใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 จะทำให้ต้นกล้าแข็งแรง ถ้าใช้ปุ๋ยสูตรฟอสฟอรัส เช่น 10-30-10 จะส่งเสริมการออกดอก ติดผล และถ้าใช้ปุ๋ยสูตรโพแทสเซียม เช่น 12-12-30 จะช่วยให้ผลโตเต็มที่ รสชาติดี และพืชแข็งแรง
น้ำ: ควรรดน้ำให้ชุ่มถึงโคนต้นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงออกดอกและติดผล แต่ระวังอย่าให้ดินแฉะเกินไป เพราะอาจทำให้รากเน่าได้
แสงแดด: มะเขือเทศต้องการแสงแดด 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ควรปลูกในที่ที่แดดส่องถึง
ตัดแต่งกิ่ง: หมั่นตัดแต่งกิ่ง และเด็ดดอกทิ้งบ้าง เพื่อให้เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง
การเก็บเกี่ยวมะเขือเทศ
ถ้าต้องการมะเขือเทศรสชาติอร่อยและลูกโต ๆ ให้เก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ตอนที่ผลสุกเต็มที่ โดยสังเกตเปลือกมีสีสันสดใส และลูกมีขนาดใหญ่
สามารถใช้มือเด็ดผลมะเขือเทศออกจากต้นได้เลย แต่ระวังอย่าให้กิ่งมะเขือเทศหักลงมา
ขอบคุณข้อมูล SANOOK.COM
มาดูวิธีการปลูก "มะเขือเทศ" หนึ่งในพืชสวนครัวที่มีสรรพคุณมากมาย
ขอบคุณข้อมูล SANOOK.COM