ถอดบทเรียน หนุ่มลำปางเสียชีวิตบนรถทัวร์ สู่ความเข้าใจ เกี่ยวกับ "โรคแบคทีเรียกินเนื้อ" ภัยร้ายที่ต้องรู้ทัน

จากกระทู้ก่อนหน้า ที่ผมเคยตั้งไว้นะครับ

..."  ผู้โดยสารบนรถทัวร์ผวา! นั่งกับศพมาทั้งคืน เจ้าหน้าที่เร่งชันสูตรศพหาสาเหตุ ก่อนประสานญาติ"
https://pantip.com/topic/43564443


วันนี้ ผมมีข้อมูลใหม่ เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต  ของหนุ่มลำปางวัย 38 ปี ตามที่เป็นข่าวนะครับ
และขอเอามาเผยแพร่ เพื่อประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกครับ

"โรคแบคทีเรียกินเนื้อ"




ถอดบทเรียน หนุ่มลำปางเสียชีวิตบนรถทัวร์ สู่ความเข้าใจ "โรคแบคทีเรียกินเนื้อ" ภัยร้ายที่ต้องรู้ทัน

      ข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของชายชาวลำปางวัย 38 ปีบนรถทัวร์โดยสาร หลังเดินทางกลับจากการสมัครบวช ได้สร้างความสะเทือนใจและข้อสงสัยให้กับสังคมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อผลการชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ระบุถึงสาเหตุที่น่าตกใจว่าเกิดจาก "โรคแบคทีเรียกินเนื้อ" (Flesh-eating Disease) หรือ "โรคเนื้อเน่า" (Necrotizing Fasciitis) ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง

    **** กรณีศึกษานี้   จึงเป็นอุทาหรณ์สำคัญที่ทำให้เราต้องหันมาทำความเข้าใจถึงภัยเงียบที่อันตรายถึงชีวิตนี้อย่างจริงจัง


🗓️   ไทม์ไลน์โศกนาฏกรรม: จากอุบัติเหตุสู่จุดจบที่ไม่มีใครคาดคิด
   เพื่อทำความเข้าใจถึงที่มาของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ การย้อนดูไทม์ไลน์สุขภาพของผู้เสียชีวิตในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเผยให้เห็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเชื่อมโยงกัน:
📌   ปลายปี 2567: ผู้เสียชีวิตประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ ได้รับบาดแผลจนต้องเย็บกว่า 30 เข็ม ซึ่งอาจเป็นช่องทางแรกที่เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ในอดีต
📌  มีนาคม 2568: ตรวจพบว่าเป็นโรคงูสวัด มีอาการแก้วหูทะลุและปากเบี้ยว แม้จะรักษาจนอาการดีขึ้น แต่การเจ็บป่วยครั้งนี้อาจส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง
📌  มิถุนายน 2568: ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ จ.นครราชสีมา เขาเริ่มมีอาการขาบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ จนพระอาจารย์แนะนำให้กลับมารักษาตัว
📌 16 มิถุนายน 2568: หลังจากขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินทางกลับลำปางได้เพียงหนึ่งคืน ก็ถูกพบว่าเสียชีวิตบนรถ สภาพขาซ้ายมีอาการบวมและแผลลุกลามอย่างรวดเร็วจนน่าผิดสังเกต สร้างความติดใจสงสัยให้แก่ญาติถึงสาเหตุที่แท้จริง

🩺  เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรวดเร็วและรุนแรงของโรค
        ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของ "แบคทีเรียกินเนื้อ"


❓  ทำความรู้จัก "โรคแบคทีเรียกินเนื้อ" คืออะไร?

     โรคเนื้อเน่า (Necrotizing Fasciitis) ไม่ได้เกิดจากแบคทีเรียที่ "กิน" เนื้อคนตามชื่อ แต่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรง (เช่น Streptococcus pyogenes กลุ่ม A) ที่ปล่อยสารพิษออกมาทำลายเนื้อเยื่ออ่อนใต้ผิวหนัง ได้แก่ ชั้นไขมันและพังผืดที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว
    เชื้อเหล่านี้มักเข้าสู่ร่างกายผ่านทาง บาดแผลบนผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นแผลสดจากอุบัติเหตุ แผลผ่าตัด แผลไฟไหม้ หรือแม้กระทั่งรอยถลอกและแมลงกัดต่อยเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


⚠️   สัญญาณเตือนอันตราย: อาการที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

      การรู้ทันอาการของโรคเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาชีวิต เนื่องจากโรคนี้ลุกลามเร็วมาก หากมีบาดแผลและเกิดอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน:

  😓  ปวดรุนแรงและรวดเร็ว: มีอาการปวดบริเวณแผลอย่างรุนแรง ซึ่ง อาการปวดมักจะรุนแรงกว่าลักษณะของแผลที่เห็นภายนอกมาก นี่คือสัญญาณเตือนที่สำคัญที่สุด
  😓   บวม แดง ร้อน: ผิวหนังรอบแผลมีอาการบวมแดงและร้อนอย่างรวดเร็ว และบริเวณที่บวมจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
  🤧   อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่: มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้
  ❤️‍🔥  ผิวหนังเปลี่ยนสี: ในระยะต่อมา ผิวหนังจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ มีตุ่มน้ำพุพอง และกลายเป็นเนื้อตายสีดำในที่สุด
  😵  ภาวะช็อก : หากเชื้อลามเข้าสู่กระแสเลือด จะทำให้ความดันโลหิตตก อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิต


🛡️  เกราะป้องกันที่ดีที่สุด  : การป้องกันและการดูแลตนเอง

      แม้จะน่ากลัว แต่เราสามารถลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้  ด้วยการป้องกันที่ดีที่สุด คือการดูแลสุขอนามัยและบาดแผลอย่างเคร่งครัด

1. ดูแลแผลอย่างถูกวิธี : เมื่อเกิดบาดแผล ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทันที ทายาฆ่าเชื้อ และใช้พลาสเตอร์หรือผ้าก๊อซที่สะอาดปิดแผลไว้เสมอ พร้อมเปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกวัน

2. หลีกเลี่ยงแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด: หากมีแผลเปิด ควรงดเว้นการลงน้ำในแม่น้ำ คลอง ทะเล หรือสระว่ายน้ำ จนกว่าแผลจะหายสนิท
3. สวมอุปกรณ์ป้องกัน: หากต้องทำงานที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลหรือต้องลุยน้ำลุยโคลน ควรสวมรองเท้าบู๊ตและถุงมือป้องกัน
4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง: ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน โรคตับ หรือมะเร็ง ต้องระมัดระวังเรื่องบาดแผลเป็นพิเศษ
แนวทางการรักษา: เร็วและเด็ดขาด การแข่งขันกับเวลา


☣️  โรคแบคทีเรียกินเนื้อเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด การรักษาหลักประกอบด้วย:

👩🏻‍⚕️ การผ่าตัดอย่างเร่งด่วน (Surgical Debridement): หัวใจของการรักษาคือการผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่ตายและติดเชื้อทั้งหมดออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อหยุดยั้งการลุกลาม ซึ่งอาจต้องผ่าตัดซ้ำหลายครั้ง
💊  ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด: แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะประสิทธิภาพสูงทางหลอดเลือดเพื่อควบคุมการติดเชื้อในร่างกาย
🩺   การดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) : ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการหนัก จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อพยุงการทำงานของอวัยวะต่างๆ
👨🏻‍⚕️   การตัดอวัยวะ (Amputation): ในกรณีที่รุนแรงและควบคุมไม่ได้ การตัดแขนหรือขาที่ติดเชื้อทิ้งไป อาจเป็นทางเลือกเดียวเพื่อรักษาชีวิต


     กรณีของหนุ่มลำปางคือบทเรียนราคาแพงที่ย้ำเตือนว่า บาดแผลเพียงเล็กน้อย   อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่คาดไม่ถึงได้

    การใส่ใจดูแลบาดแผลอย่างถูกวิธี และการไม่ลังเลที่จะไปพบแพทย์เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ คือสิ่งที่จะช่วยปกป้องเราและคนที่เรารักจากภัยเงียบที่ร้ายแรงนี้ได้

cr. ข้อมูลโดย :  Center for Medical Genomics | ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่