JJNY : “มหิดลโพล”เผย“กห.” ปชช.อยากให้ปรับ│ชายแดนบุรีรัมย์แห่ขาย วัว-ควาย│แม่สายติดป้ายทวง‘เยียวยา’│ปฏิรูป ส.ส.เวียดนาม

“มหิดลโพล” เผย “กระทรวงกลาโหม” ประชาชนอยากให้ปรับ ครม.มากที่สุด “มหาดไทย” รั้งอันดับ 12
.
.
“มหิดลโพล” เผย 5 กระทรวงแรกที่ประชาชนอยากให้ปรับ ครม.มากที่สุด “กลาโหม” อับดับแรก 46.75% ตามด้วย “ก.คลัง” และ “พม.” ขณะที่ “มหาดไทย” รั้งอันดับ 12 ส่วนสาเหตุอยากปรับ ร้อยละ 87.6% ชี้ไม่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ไม่รักษาสัญญาที่เคยหาเสียง
.
รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร และคณะ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผย ผลสำรวจประเด็น “คนไทยต้องการปรับ ครม.หรือไม่” ของคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย เป็นการสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นด้านสถานการณ์การศึกษาและปัญหาที่เป็นกระแสสังคม ในพื้นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
.
คณะผู้วิจัยประยุกต์ใช้การวิจัยเชิงสำรวจด้วยการลงพื้นที่สัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า (face to face) และการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (phone survey) โดยใช้แบบสัมภาษณ์ผ่านช่องทางออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 11,802 ตัวอย่าง ในช่วงระหว่างวันที่ 5 -11 มิถุนายน 2568 ผลการศึกษาสรุปสาระสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ท่านต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 87.6 ระบุว่า ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.)
.
สาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนต้องการให้มีการปรับ ครม. สะท้อนถึงความไม่พอใจในประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง การขาดภาวะผู้นำ และความชัดเจนในการบริหาร การไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ รวมถึงปัญหาด้านการทุจริต ความไม่โปร่งใส และการไม่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการและคุณภาพชีวิต รวมถึงปัญหาเฉพาะพื้นที่ อย่างปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นต้น
.
ขณะที่ความคิดเห็นประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจ หรือร้อยละ 12.4 ระบุว่า ไม่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี โดยเหตุผลที่ยังไม่ต้องการให้มีการปรับ ครม. ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้ถึงประสิทธิภาพและความตั้งใจในการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ความเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ การเห็นว่ารัฐบาลเข้าใจประชาชน รวมถึงความต้องการให้เกิดความเสถียรภาพและการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การพัฒนาประเทศดำเนินต่อไปได้ และมีความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีใหม่ อาจนำมาซึ่งปัญหาด้านประสบการณ์ ความขัดแย้ง หรือการเล่นเกมการเมือง แทนที่จะเป็นการสร้างประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
.
เมื่อสอบถามถึงกระทรวงที่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีมากที่สุด 5 อันดับ พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด หรือร้อยละ 46.75 ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงกลาโหมมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาอันดับ 2 คือ กระทรวงการคลัง ร้อยละ 41.86 อันดับ 3 กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร้อยละ 38.26 อับดับ 4 กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 28.93 อันดับ 5 มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร้อยละ 27.89 และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 27.88 ตามลำดับ
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สําหรับกระทรวงมหาดไทย ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยออกมาระบุว่า พรรคภูมิใจไทยต้องคืนให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ตอบสนองนโยบายนั้น ผลสำรวจพบว่าอยู่ในอันดับที่ 12 ของกระทรวงที่อยากให้มีการ ร้อยละ 18.03
.

.
ชาวบ้านชายแดนบุรีรัมย์ แห่ขาย วัว-ควาย ราคาต่ำ หวั่นเกิดเหตุปะทะหนีไม่ทัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9804014
.
ชาวบ้านชายแดนบุรีรัมย์ แห่ขาย วัว-ควาย ราคาต่ำ หวั่นเกิดเหตุปะทะหนีไม่ทัน ลุ้นการประชุม JBC จะมีทางออกที่ดีไม่เกิดการสู้รบกัน
.
วันที่ 14 มิ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศชาวบ้านบ้านสายโท 11 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 3-4 กิโลเมตร และเคยได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา จนต้องอพยพทิ้งบ้านเรือนไปอยู่ศูนย์พักพิง เมื่อปี 2554
โดยชาวบ้านต่างจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะกันล่าสุด ที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และรอลุ้นผลการเจรจาของผู้นำทั้งสองประเทศ ที่ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC “ในวันนี้ 14 มิถุนายน 68 ที่กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา
.
ซึ่งชาวบ้านต่างคาดหวังว่าการประชุม JBC ทั้งสองฝ่ายจะมีทางออกร่วมกันอย่างสันติ ไม่เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การสู้รบกัน เพราะหากมีการสู้รบขึ้นจริง จะส่งผลกระทบกับประชาชนทั้งสองฝ่าย ทั้งการทำมาหากินและการดำรงชีพ ก็จะลำบากและเสี่ยงอันตราย
.
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุปะทะกันที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจบลงอย่างไร สร้างความกังวลใจให้ชาวบ้านแนวชายแดน โดยเฉพาะชาวบ้านหลายหมู่บ้านในต.สายตะกู ที่เคยมีลูกกระสุนปืนตกในพื้นที่เมื่อปี 2554 ถึง 120 ลูกต่างก็ใช้ชีวิตด้วยความกังวล เกรงจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
.
หลายครัวเรือนที่เลี้ยงวัว ควายไว้จึงทยอยขายออก แม้จะได้ราคาต่ำเฉลี่ยตัวละ 6,000-8,000 บาทก็ตาม จากที่ราคาซื้อขายตามท้องตลาดช่วงนี้จะต้องอยู่ที่ตัวละไม่ต่ำกว่า 10,000 ถึง 20,000 บาทขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัว แต่จำใจต้องขาย เพราะไม่อยากกังวลหากเกิดเหตุสู้รบขึ้นและต้องอพยพออกนอกพื้นที่จริง จะได้ไม่ต้องพะวงเป็นห่วงสัตว์เลี้ยง
.
ขณะที่ผู้สูงอายุบางครอบครัวที่ลูกหลานทำงานต่างจังหวัด ลงทุนซื้อท่อปูนซีเมนต์ และดินทำบังเกอร์หลบภัยไว้ภายในบริเวณบ้านของตัวเอง เพื่อไว้หลบภัยก่อนที่จะมีการอพยพออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย
.

.
ชาวแม่สาย ติดป้ายทวงนายกฯ ‘เยียวยา’ ไปจ่ายหนี้ซ่อมบ้าน – จนท.คาด ท่วมถี่กว่าทุกปี
https://www.matichon.co.th/region/news_5230352
.
ชาวบ้านติดป้าย ‘ทวงเยียวยา’ จากนายกฯ ท่วมรอบสอง ของปีก่อนยังไม่ได้ ต้องจ่ายหนี้ซ่อมบ้าน – ด้าน จนท.เสริมแนวบิ๊กแบ๊ก คาดแม่สาย ท่วมหนักกว่าทุกปี
.
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การดำเนินการจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารกรมการทหารช่าง ยังคงนำกำลังพลและเครื่องจักรเข้าดำเนินการป้องกันปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงในช่วงเดือนกรกฎาคม
.
โดยเฉพาะ การนำท่อปูนซีเมนต์มาเสริมแนวบิ๊กแบ๊ก บริเวณช่องทางหรือรูน้ำเข้าตามชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเกาะทรายและไม้ลุงขน ที่มีชุมชนหนาแน่นติดลำน้ำสายทำให้ช่องทางน้ำเข้าจำนวนหลายจุด ซึ่งเจ้าหน้าจะนำท่อปูนซีเมนต์เรียงต่อกันเป็นชั้นๆ จากนั้น จะดำเนินการเทปูนและเสริมคานคอนกรีตทับด้านบนเพื่อไม่ให้น้ำรั่วซึมและไม่ให้แนวบิ๊กแบงทลาย หากปริมาณในแม่น้ำสายมีมากหรือมีน้ำป่าไหลหลากมาจากชายแดนประเทศเมียนมา โดยปีนี้มีการคาดการณ์กันว่าน้ำอาจจะท่วมบ่อยครั้งมากกว่าทุกปี เนื่องจากแม่น้ำสายมีความตื้นเขิน
.
จากการตรวจสอบปริมาณน้ำสายระยะนี้ ยังพบว่ายังมีปริมาณไม่มากนัก เนื่องจากช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้มีฝนทิ้งช่วงมีฝนตกค่อนข้างน้อย แต่ก็พบว่าน้ำสายมีขาวขุ่น ซึ่งยังเป็นสถานการณ์ที่ยังไม่น่าไว้วางใจ
.
อย่างไรก็ตาม แม้น้ำสายจะยังไม่ท่วมก็มีชาวบ้านหลายครอบครัวแสดงความกังวลใจว่าจะมีน้ำท่วมซ้ำ ขณะเดียวกันหลายครอบครัวก็ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยได้มีการเขียนป้ายข้อความเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมไปติดตั้งไว้บริเวณหัวฝาย ชุมชนถ้ำผาจม ซึ่งเป็นต้นน้ำสายที่เข้าเขตประเทศไทย
.
โดยมีข้อความ อาทิ “65 หลังคาเรือนหายไปไหน, นายก..คะ เงินเยียวยา! หายไปไหน ถ้ำผาจมแค่หมู่บ้านต้นน้ำ เทศบาล+อำเภอแม่สาย เลยลืม , ท่วมรอบ 2 แล้ว เยียวยาปี 67 ยังไม่ได้!” เป็นต้น
.
น.ส.น้ำใจ ทูนทรัพย์ ชาวบ้านชุมชนถ้ำผาจม เปิดเผยว่า ชุมชนถ้ำผาจม มีประชากรประมาณ 124 ครัวเรือน ซึ่งได้รับช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วมในส่วนของค่าซ่อมแซมบ้าน ค่าอุปกรณ์ประกอบอาชีพ และค่าเครื่องนุ่งห่มแล้วบางส่วน แต่ยังมีอีกประมาณ 68 ครัวเรือนที่ไม่ได้รับเงินส่วนนี้
.
โดยจากการสอบถามชุมชนอื่น พบว่าได้รับเงินเยียวยาไปหมดแล้ว เป็นค่าซ่อมแซมประมาณ 49,000 บาท และค่าอุปกรณ์ประกอบอาชีพกับเครื่องนุ่งห่มอีกประมาณ 17,000 บาท รวมแล้วเป็นเงินร่วม 70,000 บาท แต่พวกตนซึ่งเป็นชุมชนที่ได้รับผลกระทบหนักสุด บ้านถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร มีบ้านเรือนเสียทั้งหลังถึง 28 หลัง ยังได้รับเยียวยาไม่ครบ
.
นอกจากนี้ บ้านเรือนยังเสียหายหนักและต้องเสียค่าพื้นฟูทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านจำนวนมาก ชาวบ้านส่วนมากจะกู้ยืมจากส่วนอื่นมาก่อนเพื่อให้สามารถกลับมาอาศัยในบ้านได้ แต่ไม่รู้ว่าไปตกหล่นตรงไหนจึงไม่ได้รับเงินเช่นกับชุมชนอื่นๆ
.
ทั้งนี้ น.ส.น้ำใจเปิดเผยด้วยว่า เคยไปร้องกับทางอำเภอแม่สาย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ เพียงแต่ให้ยื่นเรื่องใหม่ ซึ่งก็ยังไม่รู้จะได้หรือไม่ เนื่องจากทราบมาว่า เงินงบประมาณต่างๆ เกือบหมดแล้ว ซึ่งอยากให้มีการช่วยเหลือให้ได้รับเงินส่วนนี้ เพราะต้องนำไปชำระหนี้สินที่ยืมมาซ่อมบ้าน ยังจะเป็นทุนในการประกอบอาชีพในอนาคตอีกด้วย
.
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามกับทาง นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย ระบุว่า ในส่วนของความเดือดร้อนเรื่องเงินเยียวยาของชาวบ้านนั้น ทางอำเภอได้รับทราบเรื่องแล้ว โดยยังอยู่ระหว่างการติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริง
.
ทั้งนี้ ทางอำเภอได้แจ้งให้ทางชาวบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ดำเนินการสำรวจและเสนอเรื่องของชาวบ้านที่ตกหล่น เข้าพิจารณาเข้ารับงบประมาณตามเงื่อนไขของท้องถิ่น หากไม่เพียงพอ ให้เสนอมายังอำเภอเพื่อพิจารณางบประมาณช่วยเหลือตามขั้นตอน ซึ่งยืนยันว่าชาวบ้านจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยา อย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่