JJNY : 5in1 วิโรจน์มอง 6 ข้อฮุนเซน│โรมบี้ป.ป.ช.เร่งสอบจนท.รัฐ│ทสท.ร้องกล้าแสดงท่าที│สวนสยามโอด ศก.ซึม│‘ฮุน เซน’ยุเกษตรกร

วิโรจน์ มอง 6 ข้อฮุนเซน กระทบชีวิตปชช.ตัวเอง แนะรบ.กวาดล้างอาชญากรรม-เป๋าเงินตระกูลฮุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5229291
.
.
วิโรจน์ ชี้ 6 มาตรการ ฮุนเซน สร้างผลลบต่อชาวกัมพูชาทั้งสิ้น ให้คีย์เวิร์ดรัฐบาล LYP Group เส้นเลือดใหญ่กาสิโน พุ่งเป้า กระเป๋าเงินตระกูล ฮุน เชื่อมโยงกลุ่มทุน-นักการเมืองไทยบางกลุ่ม ย้อนถามชาวกัมพูชาอยากดูหรือไม่ หลังแบนหนังไทย จ่อฉาย ลูกผู้ชายใต้คืนวันเพ็ญแทน ซัด ไม่คำนึงถึงหัวอกหัวใจของประชาชนประเทศตัวเอง
.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ประกาศ 6 มาตรการตอบโต้ประเทศไทย ว่า ทั้ง 6 มาตรการนั้น ฮุนเซน และฮุน มาเนต ทำเพื่อสร้างผลกระทบทางลบต่อความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของประชาชนชาวกัมพูชาทั้งสิ้น ทั้งการค้าขาย ที่น่าตกใจคือการส่งตัวผู้ป่วยมารักษาในประเทศไทยเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตก็มีการจำกัด ทั้ง 6 มาตรการล้วนส่งผลต่อประชาชนแบบไม่แคร์ ไม่มีมาตรการใดที่ยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโนที่เป็นกระเป๋าเงินของตระกูลฮุนเลย
.
ผมขออนุญาตแนะนำนายกฯ และรมว.กลาโหม ว่ามาตรการใดๆคงต้องพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผลประโยชน์ที่มีเครือข่ายโยงใย เชื่อมโยงกับตระกูลฮุน ซึ่งผมขอให้คีย์เวิร์ดคือ LYP Group ซึ่งถือเป็นกลุ่มทุนที่เชื่อมโยงกับตระกูลฮุนโดยตรง เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโนขนาดใหญ่ที่ประเทศกัมพูชา และมีความโยงกับกลุ่มทุนไทย รวมถึงนักการเมืองไทยบางกลุ่มด้วย รัฐบาลจะต้องดำเนินการเข้าไปตรวจสอบและหากพบว่ามีการใช้ไทยเป็นฐานการกระทำความผิดก็ดำเนินการกวาดล้างให้สิ้นซาก และมาตรการในการจัดการกลุ่มอาชญากรรมแบบนี้จะเกิดประโยชน์กับประชาชนและเป็นมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่กระเป๋าเงินของตระกูลฮุน เพื่อทำให้รัฐบาลกัมพูชาเข้ามาสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งหนึ่ง” นายวิโรจน์ กล่าว
.
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวมองว่า 6 มาตรการที่ออกมานั้นกระทบไทยบ้าง ซึ่งนายกฯควรอนุมัติงบกลางในรายการฉุกเฉินและจำเป็น เพื่อช่วยเหลือ ชดเชย เยียวยาผู้ประกอบการ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน โดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการ ควรมีมาตรการซอฟต์โลนเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว เพื่อเป็นการยืนยันว่าเรายืนหยัดที่จะใช้มาตรการทำนองนี้ต่อเนื่องยาวนาน จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน วันนี้ข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ไม่ใช่เป็นข้อพิพาทระหว่างชาวไทยและชาวกัมพูชา
.
ผมขอฝากถึงประชาชนชาวกัมพูชาด้วยว่า ขนาดคนป่วยมีความจำเป็นต้องมีชีวิตรอดยังมีมาตรการห้าม ถ้าเป็นรัฐบาลไทยคงไม่ทำ เพราะรัฐบาลไทยประเทศไทยห่วงชีวิตของประชาชนทุกคน” นายวิโรจน์ กล่าว
.
เมื่อถามว่า นายกฯได้ออกมาชี้แจงว่า อาจเป็นการเข้าใจผิดของฝั่งกัมพูชา โดยจะมีการส่งรมว.ต่างประเทศไปพูดคุยนั้นเป็นท่าทีที่ประนีประนอมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า การเจรจาในเชิงพิธีการก็ดำเนินการไป แต่จากที่ตนอ่านนายฮุนเซนก็ไม่ได้พูดอะไรที่เข้าใจยาก เรื่องมาตรการตัดไฟตัดเน็ตก็มีความเป็นไปได้จะไปเจรจาก็ได้ และย้ำว่ารัฐบาลควรพุ่งเป้าไปที่กระเป๋าเงินของตระกูลฮุน
.
ถามว่าการออกตัวแรงของกัมพูชาแบบนี้ ถือเป็นการยั่วยุไม่ให้เกิดการประชุม JBC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายกฯไทยต้องรู้เท่าทันผู้นำกัมพูชา เราสามารถประเมินได้ว่าไม่มีผลสัมฤทธิ์ในการเจรจาแต่จะมีท่าทีกลับไปจากทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาพยายามปลุกเร้าว่า ประเทศไทยใหญ่กว่ากำลังจะรังแกเขา คนที่มาเจรจาก็เป็นวีรบุรุษที่ต้องรับแรงกดดันและกลับไปอย่างมีศักดิ์ศรีในการปกป้อง เป็นสตอรี่ที่เขาพยายามจะสร้าง ซึ่งไม่จริง กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด MOU 43 ก่อน ซึ่งตอนนี้เราต้องสนับสนุนนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ต้องยอมรับว่าท่านมีความรู้ความสามารถและเข้าใจการเมืองและความเป็นไปของกัมพูชา เราต้องให้กำลังใจ เรื่องดิสเครดิตกันเองชั่วดีทีห่าง เก็บไว้ก่อน ต้องให้กำลังใจทีมประเทศไทยในการเจรจา
.
ในเมื่อเราทราบแล้วว่าเขาวางฉากจบไว้อย่างไร สุนทรพจน์ของนายกฯหรือรมว.กลาโหมต้องเตรียมไว้แล้วหลังการเจรจา เพื่อยืนยันและบอกให้นานาอารยประเทศ ประชาชนชาวกัมพูชา รวมถึงประชาชนไทยทราบว่าเราไม่ได้ผิดข้อตกลง MOU 43 และไม่ได้ยื่นเงื่อนไขอะไรใหม่ที่ทำให้กัมพูชาอึดอัดเลย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากทางรัฐบาลกัมพูชา ที่ไม่ได้แคร์และใส่ใจความเป็นอยู่ประชาชนชาวกัมพูชา และยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลกัมพูชาไม่มีความชอบธรรม ที่ผ่านมามีเหตุกระทบกระทั่งกันที่เกิดขึ้นจากการละเมิดข้อตกลงที่รุกล้ำเข้ามา 400 กว่าครั้ง ซึ่งมาจากรัฐบาลกัมพูชาแต่เราอดทนอดกลั้น รัฐบาลควรเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร ยืนยันว่าข้อพิพาทระหว่างประเทศสิ่งที่สำคัญคือความชอบธรรม แ ละความชอบธรรมจะได้รับการเข้าอกเข้าใจจากการสื่อสารทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพ
.
ส่วน 1 ในมาตรการตอบโต้คือการงดออกอากาศหนังไทย แต่เตรียมฉายเป็นซีรีส์ลูกผู้ชายใต้คืนวันเพ็ญ ซึ่งเป็นเรื่องราวของฮุนเซน และบุนรานี นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า “ต้องถามว่าชาวกัมพูชาเขาอยากดูไหม มาตรการทุกมาตรการของฮุนเซนไม่ได้คำนึงถึงหัวอกหัวใจของประชาชนชาวกัมพูชาเลย”
.

.
โรม บี้ ป.ป.ช. เร่งสอบเจ้าหน้าที่รัฐ ปมเอื้อชั้น 14 ย้ำ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ต้องถูกสอบด้วย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9802560
.
โรม จี้ ป.ป.ช. เร่งสอบจนท.รัฐ ปมเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 หลังมติแพทยสภายืนยันลงโทษ 3 หมอ ย้ำ “นายกฯ” ต้องถูกสอบด้วยในฐานะพยาน
.
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวกรณีที่ประชุมแพทยสภา ยืนยันมติในการลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14
.
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า แพทยสภาดำเนินการถึงขั้นลงโทษหมอแล้ว แต่เรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาอธิบดีกรมราชทัณฑ์และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 12 ราย
.
กรณีส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณอยู่รักษาที่โรงพยาบาลตํารวจจนครบ 180 วันทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ
.
ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติรับคำร้องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และให้กรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน จนตอนนี้ผ่านครึ่งปีแรกของปี 2568 ไปแล้ว เรื่องกลับไม่มีความคืบหน้า ป.ป.ช. ควรเรียกพยานหลักฐานจากแพทยสภามาประกอบสำนวนไต่สวนของตัวเอง เร่งสอบเรื่องนี้ และควรสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ผู้เป็นลูกและเป็น 1 ใน 10 คนที่เข้าเยี่ยมทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ ในฐานะพยานด้วย
.

.
“ไทยสร้างไทย” เรียกร้องรัฐบาลกล้าแสดงท่าทีให้ชัด หลังผู้นำกัมพูชาใช้ยาแรงตอบโต้

“ไทยสร้างไทย” จี้รัฐบาลแสดงท่าทีให้ชัด หลังผู้นำกัมพูชาโชว์ 6 มาตรการยาแรงสวนไทย ตำหนิ “นายกฯ-รมว.กลาโหม” ไร้ความกล้าหาญ ทำไทยเป็นฝ่ายตั้งรับ เรียกร้องรัฐบาลเปิดแผนรับมือ หากเกิดเหตุบานปลาย
.
วันที่ 13 มิ.ย. 2568 นายทิวากร สุระชน รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงสถานการณ์ขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา หลังการตอบโต้ของสมเด็จฮุน เซน ประกาศใช้ 6 มาตรการแรง หากไทยยังไม่เปิดด่านผ่านแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า “รัฐบาลไทยมัวทำอะไรกันอยู่” รัฐบาลไม่เคยมีความชัดเจนใดๆ นับแต่เกิดสถานการณ์ตึงเครียด ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และนายภูมิธรรม เวชชชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ไม่มีความกล้าแสดงจุดยืนที่มั่นคงต่อประเด็นความมั่นคงระดับชาติ ขณะที่ท่าทีของกัมพูชาในครั้งนี้ชัดเจนว่า เป็นการเดินหมากเชิงรุก ทั้งในมิติการทูต เศรษฐกิจ และความมั่นคง แต่ฝ่ายไทยยังอ้างว่าเป็นความเข้าใจผิดและเลือกใช้ช่องทางการประสานงานทางการทูตชี้แจง แทนที่จะออกมาตรการเชิงรุก หรือประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนต่อสาธารณะ ทำให้ไทยกลายเป็นตัวตลกในสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศ
.
“รัฐบาลไม่มีแม้แต่แถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่สะท้อนความมั่นคงของชาติ หรือแผนรับมือหากสถานการณ์บานปลาย ขณะที่ฝั่งกัมพูชานั้นไม่เพียงแสดงออกอย่างชัดเจน แต่ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นในประชาชนของตนได้ว่า พร้อมรับมือทุกสถานการณ์” นายทิวากรกล่าว พร้อมตั้งคำถามว่า รัฐบาลไทยมีแผนสำรองอะไรหรือไม่ หากเกิดความไม่สงบจริงในพื้นที่ชายแดน หรือจะปล่อยให้เป็นเพียงการสั่งชี้แจงซ้ำซากของกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น
.
นายทิวากรกล่าวต่อว่า ความไม่ชัดเจนของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ไทยเสียเปรียบกลายเป็นฝ่ายตั้งรับโดยสิ้นเชิง ทั้งที่การประชุม JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ควรเป็นโอกาสของไทยในการแสดงภาวะผู้นำและยืนยันหลักการด้านความมั่นคงอย่างสง่างาม แทนที่จะเข้าสู่เวทีด้วยท่าทีลังเลและปราศจากยุทธศาสตร์ อีกทั้งขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย โดยเฉพาะในจังหวัดที่พึ่งพาการค้าชายแดน ต่างวิตกกังวลต่ออนาคต แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถสื่อสาร หรือสร้างความมั่นใจได้เลย นี่ไม่ใช่เรื่องภายใน แต่เป็นวิกฤตความมั่นคงระดับชาติที่ต้องการผู้นำที่เด็ดขาด ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบไปที่ข่าวหลุด หรือการเข้าใจผิด อย่างที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์
.
นายทิวากร กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแถลงต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการถึงมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือกับสถานการณ์นี้ โดยพรรคไทยสร้างไทย ขอเสนอให้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ชายแดน” โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อประสานทุกหน่วยงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และต่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในเกมสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศครั้งนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่