นิด้าโพล ชี้ปมชั้น 14 กระทบความอยู่รอดรัฐบาลอิ๊งค์ เชื่อไม่กล้ายึดเกษตรฯ-มท.คืน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9794412
.
.
เปิดผลสำรวจ นิด้าโพล ชี้ ปมชั้น 14 กระทบความอยู่รอดของรัฐบาลแพทองธาร เชื่อ ไม่กล้ายึดกระทรวงเกษตรฯ-มหาดไทย คืน
.
วันที่ 8 มิ.ย. 2568 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กล้าไหม ยึดมหาดไทยและเกษตร และกรณีปมชั้น 14” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-5 มิ.ย. 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกรณีปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
.
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จากกรณีปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 29.62 ระบุว่า จะส่งผลมาก ต่อความอยู่รอดของรัฐบาลฯ
.
รองลงมา ร้อยละ 29.31 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผล ต่อความอยู่รอดของรัฐบาลฯ ร้อยละ 24.58 ระบุว่า ไม่ส่งผลใด ๆ เลย ต่อความอยู่รอดของรัฐบาลฯ ร้อยละ 15.73 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล ต่อความอยู่รอดของรัฐบาลฯ และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
สำหรับความสำคัญของผลการประชุมแพทยสภา ในวันที่ 12 มิ.ย. 2568 จากกรณีการลงโทษแพทย์ 3 คน ปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลังจากนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.27 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสำคัญ รองลงมา ร้อยละ 26.72 ระบุว่า มีความสำคัญมาก ร้อยละ 21.37 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความสำคัญร้อยละ 16.11 ระบุว่า ไม่มีความสำคัญเลย และร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ด้านความเชื่อมั่นต่อการทำงานของแพทยสภาในการกำกับดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.40 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 15.95 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 14.20 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก และร้อยละ 0.61 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ด้านความเชื่อของประชาชนต่อนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ว่าจะกล้ายึดกระทรวงมหาดไทย มาจากพรรคภูมิใจไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.12 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 32.06 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 18.24 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 13.82 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามความเชื่อของประชาชนต่อนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ว่าจะกล้ายึดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาจากพรรคกล้าธรรม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.73 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 29.69 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 20.07 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 11.91 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
.
พ่อค้า-แม่ค้าสับสน! ด่านกัมพูชา เปิดช้ากว่าฝั่งไทย 1 ชม. ชาวบ้านชี้ กระทบขนส่งระยะยาว
https://www.matichon.co.th/region/news_5220189
.
พ่อค้า-แม่ค้าสับสน! ด่านกัมพูชา เปิดช้ากว่าฝั่งไทย 1 ชม. ไม่แจ้งล่วงหน้า ชาวบ้านชี้ กระทบขนส่งระยะยาว
.
วันที่ 8 มิถุนายน เกิดความวุ่นวายที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด หลังมีการปรับเวลาเปิด-ปิดด่านใหม่แบบไม่แจ้งล่วงหน้า โดยฝั่งไทยเริ่มเปิดเวลา 08.00 น. แต่ด่านเกาะกง ประเทศกัมพูชา เปิดเวลา 09.00 น. ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้า รถขนส่งสินค้า และนักท่องเที่ยวต้องยืนรอฝ่าฝนกว่า 1 ชั่วโมง
คำสั่งดังกล่าวออกโดย พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริญ ผบ.กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี ซึ่งได้ปรับเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนถาวรใน จ.ตราด และ จ.จันทบุรี จากเดิม 06.00–22.00 น. เหลือเพียง 08.00–16.00 น. ทุกวัน รวมถึงจุดผ่อนปรนการค้าทั้งหมดเช่นกัน
.
ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้า และผู้ประกอบการขนส่งทั้งจากกรุงเทพฯ และจังหวัดตราด นับสิบคัน ต้องปรับแผนการทำงานใหม่ เนื่องจากไม่สามารถขนส่งสินค้าช่วงเช้าได้เหมือนเดิม อีกทั้งยังเสี่ยงกลับไม่ทันเวลาก่อนด่านปิดในเวลา 18.00 น.
.
นายศักดิ์ ระยับศรี คนขับรถขนส่ง กล่าวว่า ปกติจะมีเวลาในการขนส่งตั้งแต่เช้ามืดจนถึงดึก แต่การปรับเวลาใหม่นี้ทำให้ต้องเร่งจัดตารางงานใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาฝั่งกัมพูชาที่เปิดช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมง
.
ขณะที่ นางสาวหญิง พ่อค้าส่งของประจำด่าน กล่าวว่า วันแรกยังพอแก้ไขได้ แต่หากต้องรอแบบนี้ทุกวันคงไม่ไหว และอาจส่งผลต่อธุรกิจในระยะยาว
.
ช่วงเช้าวันนี้ หลังทหารนาวิกโยธินที่ 182 เปิดประตูด่านไทยเวลา 08.00 น. พ่อค้าแม่ค้าทยอยเดินทางไปยัง ตม.เกาะกง แต่พบว่าฝั่งกัมพูชายังไม่เปิดด่าน โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเปิดเวลา 09.00 น. ทำให้ประชาชนจำนวนมากสับสน
.
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาได้อนุญาตให้ประชาชนเข้าหลบฝนภายในอาคารด่าน ขณะเดียวกันมีสื่อท้องถิ่นของ จ.เกาะกง ติดตามรายงานข่าวสถานการณ์ตลอดเวลา
.
.
ป.ป.ช. เร่งตรวจสอบเงิน 12 ล้านแจ้งบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ หลังโยงขรก.ในสังกัด
.
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากที่มีการนำเสนอข่าวกรณีการพบเงินสด 12 ล้านบาท ถูกทิ้งที่คอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี โดยมีนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว แสดงตนว่าเป็นเจ้าของเงิน และพบว่าชายคนดังกล่าว มีสถานะเป็นสามีของข้าราชการ ป.ป.ช.ระดับผู้อำนวยการ ซึ่งตามกฎหมายจะต้องแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน อีกทั้งยังเป็นอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ของกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยนั้น
.
สำนักงาน ป.ป.ช. ขอชี้แจงว่า นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว เป็นสามีของข้าราชการท่านหนึ่ง ระดับผู้อำนวยการของสำนักงาน ป.ป.ช. จริง และเงินสดจำนวน 12 ล้านบาทดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นส่วนหนึ่งของรายการในบัญชีทรัพย์สินที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ในประเด็นการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะแต่งตั้งตามความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และคุณวุฒิของบุคคลนั้น ๆ
.
ทั้งนี้ หากมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติม สำนักงาน ป.ป.ช. จะชี้แจงในขั้นตอนต่อไป
JJNY : นิด้าโพลชี้ปมชั้น 14│สับสน! ด่านกัมพูชาเปิดช้า│ป.ป.ช.เร่งตรวจสอบเงิน 12 ล.│‘ฮุน เซน’โต้เดือดถูกปิดด่าน ชี้ไทยเสีย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9794412
.
.
พ่อค้า-แม่ค้าสับสน! ด่านกัมพูชา เปิดช้ากว่าฝั่งไทย 1 ชม. ชาวบ้านชี้ กระทบขนส่งระยะยาว
https://www.matichon.co.th/region/news_5220189
.
.