JJNY : ปชช.ไม่ไว้ใจ-ไม่พอใจ รัฐบาล│หวั่นเกิดเหตุปะทะรอบ2│กัมพูชาอ้างไม่มีข้อเท็จจริงปมทุ่น│ฝนเพิ่มทั่วไทยตกหนักบางแห่ง

นิด้าโพล เผย ปชช. ไม่ไว้ใจ-ไม่พอใจ รัฐบาล แก้ปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา
.
.
นิด้าโพล เผย ปชช. ไม่ไว้ใจ-ไม่พอใจ รัฐบาล แก้ปมขัดแย้งไทย-กัมพูช
.
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับควา.มเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
.
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่างๆ ว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า
.
กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย รองลงมา ร้อยละ 33.28 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 19.23 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 4.89 ระบุว่า ไว้วางใจมาก และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 54.58 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย รองลงมา ร้อยละ 29.01 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 4.66 ระบุว่า ไว้วางใจมาก และร้อยละ 0.30 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ด้านความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า
.
กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.42 ระบุว่า พอใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.85 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 3.36 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 1.22 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 40.31 ระบุว่า ไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 33.66 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 4.81 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 54.43 ระบุว่า ไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 27.40 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 13.75 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 4.27 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.98 ระบุว่า เปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายอย่างจริงจัง รองลงมา ร้อยละ 27.63 ระบุว่า กดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การปิดด่านต่อไปอย่างจริงจัง งดการนำเข้าส่งออกในทุกกรณี ร้อยละ 27.10 ระบุว่า เปลี่ยนรัฐบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ร้อยละ 23.97 ระบุว่า เพิ่มกำลังทางทหารชายแดน เพื่อป้องกันประเทศ ร้อยละ 21.30 ระบุว่า กดดัน ฟ้องร้องและประณามกัมพูชาผ่านกลไกระหว่างประเทศ ร้อยละ 20.00 ระบุว่า ไปต่อแบบไหนก็ได้ แต่ต้องไม่เสียดินแดนและไม่เสียเปรียบให้กัมพูชา ร้อยละ 19.62 ระบุว่า ให้มีประเทศที่สามเป็นตัวกลางในการเจรจาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
.
ร้อยละ 16.49 ระบุว่า รบต่อจนกว่าจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จ ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไปต่อแบบไหนก็ได้ แต่ขอเพียงแค่ไม่มีการสู้รบกัน ร้อยละ 5.19 ระบุว่า ใช้กลไกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ตามข้อเรียกร้องของกัมพูชา ร้อยละ 2.90 ระบุว่า เปิดด่านทั้งหมดเพื่อให้เศรษฐกิจชายแดนเข้าสู่ภาวะปกติ ร้อยละ 2.67 ระบุว่า แทรกแซงการเมืองภายในประเทศกัมพูชาเพื่อล้มอำนาจ ฮุน เซน และรัฐบาล ฮุน มาเนต ร้อยละ 2.21 ระบุว่า สนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันอย่างเต็มที่ ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการปฏิบัติของโรงพยาบาลในการรับผู้ป่วยชาวกัมพูชา เพื่อการรักษาพยาบาล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.37 ระบุว่า ไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในไทยและขอข้ามแดนมาเพื่อการรักษาพยาบาล รองลงมา ร้อยละ 35.81 ระบุว่า ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในไทยเท่านั้น ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในไทยหรือขอข้ามแดนมาเพื่อการรักษาพยาบาล และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.28 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก โดยตัวอย่าง ร้อยละ 47.94 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.06 เป็นเพศหญิง
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.13 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.79 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.34 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 25.80 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 94.89 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 4.19 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.92 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 34.05 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.89 สมรส และร้อยละ 2.06 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.61 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 16.11 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 35.11 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.86 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 32.06 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 7.25 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.62 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.18 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 24.27 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 8.40 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.81 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.61 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงานและร้อยละ 6.11 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 20.08 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 3.13 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 13.04 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 32.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 10.46 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.80 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 3.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 2.37 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.69 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.46 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.99 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 7.10 ไม่ระบุรายได้
.

.
ชาวบ้านวิตก หวั่นเกิดเหตุปะทะรอบ2 หลังทหารเหยียบทุ่นระเบิดเขมร โอดไม่รู้จะต้องหนีกระสุนอีกมั๊ย
.
ชาวบ้านวิตก หวั่นเกิดเหตุปะทะรอบ2 หลังทหารเหยียบทุ่นระเบิดเขมร โอดไม่รู้ต้องหนีกระสุนอีกมั๊ย บรรยากาศภายในหมู่บ้านเริ่มกลับมาตึงเครียด
.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ส.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนในพื้นที่แนวชายแดนของวันนี้ บริเวณรอยต่อด่านเอาว์-กฤษณา โดย 1 ในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นข้อเท้าซ้ายขาด ทำให้บรรยากาศภายในหมู่บ้านเริ่มกลับมาตึงเครียด ชาวบ้านบางส่วนแสดงความกังวลว่า ความสงบที่เพิ่งกลับมา อาจเป็นเพียงช่วงสั้นๆ
.
นางวิไลรัตน์ โทวาส เจ้าของร้านอาหารตามสั่งในหมู่บ้าน เล่าให้ฟังว่า ตนและครอบครัวอพยพออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการปะทะ และต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านญาตินานกว่า 10 วัน ก่อนจะตัดสินใจกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง หลังการประชุม GBC และมีข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา
.
“ร้านเราขายอาหารตามสั่งมา 5 ปีแล้ว ครั้งนี้คือครั้งที่ปิดร้านนานที่สุด ต้องลงทุนวันละกว่า 4,000 บาท การปิดร้านทำให้เราเสียรายได้มาก พอกลับมาเปิดวันนี้ กลับมาได้ข่าวว่าทหารเหยียบกับระเบิดอีก ก็เสียความรู้สึก ไม่รู้จะต้องหนีกระสุนอีกหรือเปล่า” นางวิไลรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดการสถานการณ์ให้เด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง
.

.
กัมพูชาอ้าง ไม่มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ปมทุ่นระเบิดใหม่
.
กัมพูชาแถลงปมทุ่นระเบิดใหม่ อ้างไม่มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ ไม่ควรแถลงกล่าวหาต่อสาธารณะ อ้างไทยควรเคารพผล GBC ไม่เคลื่อนกำลังลาดตระเวนในพื้นที่อีกฝ่าย
.
จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 68 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 111 รวม 3 นาย ซึ่งกำลังลาดตระเวนในดินแดนของไทย บริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระบิดเรียบร้อยแล้ว ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซ้ำจนได้รับบาดเจ็บ
.
กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้แถลงประณาม ระบุว่า หลักฐานทุ่นระเบิดที่พบ สอดคล้องกับผลการตรวจสอบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลก่อนหน้านี้ว่า เป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่
.
ล่าสุดในวันเดียวกัน หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาการวางทุ่นระเบิดใหม่ และเรียกร้องให้มีการร่วมมือตามข้อเท็จจริงภายใต้การหยุดยิง
.
CMAA ระบุว่า ขอปฏิเสธอย่างหนักแน่น ต่อแถลงการณ์ที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2568 ซึ่งกล่าวหากัมพูชาว่าวางทุ่นระเบิดใหม่
.
“จุดยืนของกัมพูชาชัดเจน เราไม่ได้และจะไม่วางทุ่นระเบิดใหม่ กัมพูชาภาคภูมิใจที่ได้เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี 2542 และมีประวัติที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในการกำจัดอาวุธเหล่านี้โดยไม่ใช้อาวุธสุ่มสี่สุ่มห้า”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่