“สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” และ การปฏิรูประบบสุขภาพในประเทศไทย

กระทู้สนทนา
“สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” และการปฏิรูประบบสุขภาพในประเทศไทย



บทคัดย่อ

การปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage: UHC) ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือกรอบแนวคิดเชิงนโยบายที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ริเริ่มใช้งานจริงโดย คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล (His Excellency Mr. Sukavich Rangsitpol) และฝังอยู่ในกรอบคิดที่กว้างกว่านี้ในชื่อว่า สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics)


โมเดลนี้เกิดขึ้นก่อนที่นักวิชาการรุ่นหลังจะมาอธิบายและเรียกชื่อสามเหลี่ยมอย่างเป็นทางการ แม้โมเดลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางและมีการอ้างอิงอยู่เสมอ แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่องความถูกต้องในการให้เครดิต เนื่องจากต้นกำเนิดทางแนวคิดและการนำไปปฏิบัตินั้นเกิดขึ้นในกระแสการปฏิรูปด้านการศึกษาและสุขภาพช่วงกลางทศวรรษ 2530-2540 โดยมี คุณพ่อสุขวิช เป็นผู้นำหลัก


บทความนี้จะสำรวจพลังสามด้านในโมเดล ได้แก่ เจตจำนงทางการเมือง ความรู้ทางวิชาการ และการเคลื่อนไหวภาคประชาชน รวมถึงการประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรมในกระบวนการปฏิรูปหลักประกันสุขภาพของไทย พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์ทางปัญญาในกระบวนการนโยบายสาธารณะ และการเรียนรู้เชิงระบบสำหรับโลกในปัจจุบัน


บทนำ


การปฏิรูประบบสุขภาพในประเทศไทยเริ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เพิ่มขึ้น ความท้าทายในการกระจายอำนาจ และการให้บริการที่ขาดเอกภาพ ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้ดำเนินการปฏิรูประดับโครงสร้างและรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นรากฐานให้เกิดนโยบายใหม่ที่เปลี่ยนแปลงประเทศ เช่น การศึกษาฟรี และการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างถ้วนหน้า


หัวใจสำคัญของการปฏิรูปเหล่านี้คือกรอบยุทธศาสตร์ที่ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล เรียกว่า สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics) ซึ่งตั้งอยู่บน “เสาหลัก 4 ประการ” เพื่อเสถียรภาพของชาติ ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ ความมั่นคง และความยุติธรรม (สุขวิช, 2539)


หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของแนวทางนี้ ซึ่งต่อมาถูกเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ได้ถูกนำไปใช้จริงในช่วงที่ คุณพ่อสุขวิช ดำรงตำแหน่ง โดยใช้การบูรณาการระหว่างอำนาจทางการเมือง ระบบความรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม แม้ในภายหลัง “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” จะถูกนำเสนอโดย ดร.ประเวศ วะสี และได้รับความนิยมอย่างมาก แต่แนวคิดเชิงยุทธศาสตร์และการนำไปใช้จริงของ คุณพ่อสุขวิช กลับไม่เคยได้รับการกล่าวถึงอย่างเป็นธรรม ทำให้เกิดข้อกังวลด้านจริยธรรมวิชาการเกี่ยวกับการยืมแนวคิดโดยไม่ให้เครดิต


โครงสร้างและที่มาของโมเดลสามเหลี่ยม


คำอุปมาสามเหลี่ยมนี้ใช้เพื่ออธิบายกลไกสามแรงที่ช่วยกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในระบบที่แข็งตัว (ภูเขา) โดยองค์ประกอบทั้งสามได้แก่:


ความรู้และข้อมูลวิชาการ: ผลิตโดยสถาบันวิจัย หน่วยงานรัฐ และนักวิชาการ ทำให้การปฏิรูปมีข้อมูลและการวิเคราะห์รองรับอย่างเป็นระบบ
ภาคประชาชนและการเคลื่อนไหวทางสังคม: กลุ่มพลเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน และเครือข่ายระดับรากหญ้า มีบทบาทสำคัญในการปลุกจิตสำนึกและเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้เปราะบาง
พลังทางการเมือง: ผู้นำทางการเมืองและผู้กำหนดนโยบาย สร้างกรอบการดำเนินการผ่านกฎหมาย งบประมาณ และกลไกรัฐ


แม้โมเดลนี้จะถูกนักวิชาการในภายหลังยกมาใช้ในเชิงทฤษฎี แต่ในความเป็นจริง แนวทางสามเหลี่ยมนี้ได้ถูกนำไปใช้งานจริงแล้วระหว่างปี 2538–2540 ภายใต้การนำของ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล โดยฝังอยู่ใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544) และรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปี 2540 (NESDB, 1996;รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย, 1997)


การประยุกต์ใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า


โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย (UCS) ซึ่งเริ่มต้นในปี 2544 ช่วยขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพในราคาย่อมเยา ลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มความเสมอภาคในระบบสุขภาพ โดยใช้โมเดลสามเหลี่ยมเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน:


ภาคประชาชน: เครือข่ายภาคประชาชน และนักวิชาการสาธารณสุขผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมของชุมชนในการออกแบบระบบที่ตอบสนองคนจน
ระบบความรู้: ข้อมูลเชิงประจักษ์จากงานวิจัยและโครงการนำร่องจากช่วงก่อนหน้า ถูกนำมาใช้ในการออกแบบและประเมินผล

เจตจำนงทางการเมือง: ผู้นำทางการเมืองอ้างอิงรัฐธรรมนูญปี 2540 และการปฏิรูประบบราชการในยุค 2538-2540 เพื่อจัดสรรทรัพยากรและออกกฎหมายรองรับ


ผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการวางรากฐานตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 2530 โดยเฉพาะจากการปฏิรูปการศึกษา และแนวคิด “นโยบายที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” (กระทรวงศึกษาธิการ, 2538)


ข้อกังวลเรื่องการอ้างอิงและการลอกเลียนทางวิชาการ


“สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2539 โดย ดร.ประเวศ วะสี อย่างไรก็ตาม การนำเสนอครั้งนั้นไม่ได้ให้เครดิตแก่ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ที่ได้วางแนวคิดและใช้งานจริง ในการ อภิวัฒน์การศึกษา 2538 จัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540


การละเลยนี้ทำให้เกิดข้อกังวลอย่างชอบธรรมเกี่ยวกับการลอกเลียนทางความคิด หรืออย่างน้อยที่สุด คือการไม่ให้เกียรติผลงานต้นแบบอย่างเหมาะสม ข้อมูลจาก Fry (2024) และคำแถลงของ คุณพ่อสุขวิช ในที่ประชุมรัฐมนตรี SEAMEO ปี 2540 ได้ยืนยันอย่างชัดเจนถึงการระบุ “ยุทธศาสตร์สามแรง” และการบูรณาการเข้ากับแผนพัฒนาชาติอย่างเป็นระบบ

การอ้างอิงที่ถูกต้องมีความสำคัญ ไม่ใช่แค่เพื่อความซื่อสัตย์ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจว่าอะไรคือกลไกการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ซึ่งสร้างผลลัพธ์วัดได้


ความสำคัญในระดับโลกและบริบทองค์การอนามัยโลก

โมเดลสามเหลี่ยมของไทย มีความสอดคล้องกับความพยายามของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสุขภาพที่ฝังรากลึก โดยเฉพาะในประเทศที่มีทรัพยากรจำกัดและโครงสร้างการเมืองซับซ้อน

กรอบแนวคิดนี้ให้แนวทางที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริง เช่น:


การสมดุลระหว่างข้อมูลเชิงวิชาการกับการปฏิบัติ
การสร้างความชอบธรรมของนโยบายผ่านการมีส่วนร่วม
การรักษาแรงขับเคลื่อนของนโยบายผ่านสถาบันทางการเมือง

โมเดลยังสอดคล้องกับข้อเสนอของ WHO ที่ต้องการให้ระบบสุขภาพ มีประสิทธิภาพทั้งเชิงเทคนิค และตอบสนองต่อชุมชนในเชิงสังคม


บทสรุป


“สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” คือกรอบแนวคิดที่ได้รับการทดสอบจริงแล้วในการปฏิรูประบบที่ซับซ้อน บทเรียนจากประเทศไทยที่มีรากฐานจาก สุขวิชโนมิกส์ แสดงให้เห็นว่า การจัดวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกันระหว่าง ความรู้ การเมือง และภาคประชาชน คือกุญแจสู่ความสำเร็จของการปฏิรูปอย่างยั่งยืน

กรณีนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการให้เครดิตต่อแนวคิดต้นฉบับ เพื่อคงไว้ซึ่งความถูกต้องในประวัติศาสตร์นโยบาย และช่วยให้โลกเรียนรู้จากสิ่งที่ “ได้ผลจริง”


http://www.seameo.org/vl/library/dlwelcome/publications/report/thematic/97sym32/97syman3.htm" rel="nofollow" >สุขภาพ 1 ใน 4 เสาหลัก สุขวิชโนมิกส์


หนังสือ Dictionary of Thailand
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่