JJNY : เตือนศก.เสี่ยงทรุด ชี้หมดบุญเก่า│ดุลยภาคแนะแนวทางโต้คืนกัมพูชา│'วิโรจน์'ขอคนในชาติมีเอกภาพ│ยูเครนโว!บึ้มสะพาน

อีคอนไทย เตือนเศรษฐกิจไทยเสี่ยงทรุด ชี้หมดบุญเก่า–จี้รัฐเร่งสร้างเสถียรภาพ ฟื้นเชื่อมั่น
https://www.matichon.co.th/economy/news_5213748
.
.
อีคอนไทย เตือนเศรษฐกิจไทยเสี่ยงทรุด ชี้หมดบุญเก่า–จี้รัฐเร่งสร้างเสถียรภาพ ฟื้นเชื่อมั่น
.
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะสถานการณ์สงครามการค้า รวมถึงปัญหาภายในประเทศ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยช่วงกลางปีจนถึงปลายปีต้องเผชิญกับภาวะวิกฤต เนื่องจากประเทศเริ่มเข้าสู่ช่วงหมดบุญเก่า
.
จากความได้เปรียบเดิมที่เคยมี เช่น ทรัพยากร ภูมิประเทศ และแรงงานฝีมือ ซึ่งจะเห็นได้ชัดขึ้น และจุดแข็งของประเทศไทยเริ่มถดถอยลง
ยกตัวอย่าง จุดวิกฤตที่ประเทศไทยเริ่มเจอคือ ภาคการท่องเที่ยว เริ่มซบเซาลง จากการที่นักท่องเที่ยวต่างประชาติ เปลี่ยนเป้าหมายเส้นทางไปท่องเที่ยวประเทศอื่นๆมากขึ้น เช่น ผู้คนเริ่มแห่กันไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ภาคการส่งออก ก็ถูกแซงเช่นกันจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย หรือแม้แต่กัมพูชา รวมถึงความสามารถทางการแข็งขันลดลง ส่วนนึงมาจากสาเหตุที่การเมืองไทยค่อนข้างไร้เสถียรภาพ
.
ดังนั้น สิ่งรัฐบาลต้องทำคือเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผ่านนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน มีทิศทาง และไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย พร้อมทั้งสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อให้ประเทศกลับมาเป็นจุดหมายของการลงทุนและการทำธุรกิจอีกครั้ง หากถ้าไม่เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้ภาครัฐด้วยการปฏิรูประบบภาษี เช่น การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหลายระดับตามความจำเป็นของสินค้า ไทยจะประสบปัญหาเชิงโครงสร้างที่รุนแรงในอนาคต ทั้งเรื่องผู้สูงอายุ การขาดแคลนงบประมาณ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
.
นายธนิต กล่าวอีกว่า การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหลายระดับตามความจำเป็นของสินค้า ก็อาจจะแบ่งเป็นหลายระดับตามหมวดของสินค้า เช่น สินค้าบริโภค กับ อุปโภค ค่าภาษีจะต้องไม่เท่ากัน รวมถึงการเก็บภาษีสำหรับหุ้น คือ สิ่งที่รัฐบาลน่าจะนำไอเดียไปปรับใช้ได้ เช่นกัน
.
ปัจจุบันปัญหาต่างชาติแฝงตัวทำธุรกิจในไทยค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะร้านค้ารายย่อยหรือบริการต่าง ๆ เช่น ร้านตัดผม ที่มักใช้คนไทยเป็นนอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายการลงทุน ตนเสนอให้รัฐใช้กฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด พร้อมเพิ่มบทลงโทษทางอาญาสำหรับคนไทยที่ร่วมมือกับต่างชาติในลักษณะดังกล่าว” รองประธานสภาอีคอนไทย กล่าว
.

.
ดุลยภาค แนะแนวทางโต้คืนกัมพูชา ใช้เวทีอาเซียนเปิดโปงทุกพฤติกรรมยั่วยุ-ละเมิด MOU ยันรบ.ท่องแต่บทสันติภาพไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_5213601
.
ดุลยภาค แนะแนวทางโต้คืนกัมพูชา ใช้เวทีอาเซียนเปิดโปงทุกพฤติกรรมยั่วยุ-ละเมิด MOU ยันรบ.ท่องแต่บทสันติภาพไม่ได้
.
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2568 รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาว่า
.
รัฐไทยควรมียุทธศาสตร์โต้กลับกัมพูชาอย่างจริงจังได้แล้ว! หันหน้าเข้าสู่โลกการเมืองแบบแมคคิเวลเลียน พร้อมสู้กลับอย่างมีชั้นเชิง
.
วันนี้ เห็นกันชัดแล้วว่า สิ่งที่กัมพูชากำลังดำเนินการ ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนทั่วๆไป แต่เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้า และเป็นการเสริมสร้างยุทธศาสตร์กดดันไทยในหลายมิติ กล่าวคือ กัมพูชาใช้เครื่องมือสารพัดชนิด ทั้งการทูต กฎหมายและปฏิบัติการทางวัฒนธรรมเพื่อรุกคืบผนวกดินแดนไทยหรือเปิดแนวรบหลายช่องทางเพื่อให้รัฐกัมพูชาได้อาณาเขตเพิ่ม นับเป็นเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลฮุน เซน – ฮุน มาเนต รัฐบาลพนมเปญ มุ่งหวังให้กัมพูชามีอำนาจรัฐเพิ่มขึ้น การได้ดินแดนเพิ่มและการเอาชนะไทยไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด จะทำให้พรรคประชาชนกัมพูชามีคะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นและก็ทำให้อำนาจรัฐกัมพูชาเติบใหญ่สยายปีก
.
ฮุน เซน ไม่ได้ยึดถืออุดมการณ์อะไรที่แน่ชัด นอกจากผลประโยชน์ชาติที่ต้องเติบโตควบคู่ไปกับผลประโยชน์ของเขา ตลอดจนผลประโยชน์ของพรรคและรัฐบาล ฮุน เซน ใช้หลักปฏิบัตินิยม (Pragmatism) เป็นแนวทางดำเนินนโยบายภายในและนโยบายต่างประเทศ เขามีวิธีคิดที่อิงกับผลที่เกิดขึ้นจริงมากกว่ายึดติดตามทฤษฎี เขามักพริ้วไหวผสมบิดพลิ้วเสมอเพื่อตอบสนองต่อความจริงที่ผันแปรไปตามสถานการณ์ รวมถึงต่อพลวัตของอำนาจและผลประโยชน์ (มากกว่าจะยึดติดกับคำมั่นสัญญาหรือหลักการข้อตกลงใดๆ)
.
ฮุน เซน เชื่อมั่นในตัวเองเสมอว่าเขาคือสถาปนิกผู้สร้างสันติภาพแห่งรัฐกัมพูชา เขามีบทบาทสำคัญในการทุเลาสงครามกลางเมืองในกัมพูชาและปลดอาวุธกองกำลังเขมรแดง แต่เขาไม่เคยคิดสร้างสันติภาพกับรัฐเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืนเป็นจริงเป็นจังเลย โดยในห้วงที่ผ่านมาและล่าสุดนี้ ฮุน เซน ใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุกดดันคนไทยอย่างหนักหน่วงหลายแง่มุม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พฤติกรรมของนักสร้างสันติภาพ แต่เป็นพฤติกรรมของนักฉวยโอกาสที่ไม่เห็นคุณค่าของสันติภาพในภูมิภาคอย่างแท้จริง
.
ประเทศไทย ณ วันนี้ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของฮุน เซน ตลอดจนฝ่ายการเมือง กองทัพและประชาชนชาวกัมพูชาได้ เราจึงไม่มีวิธีการอื่นนอกจากต้องป้องกันตนเองและตอบโต้ให้ถึงที่สุดหากกัมพูชาคิดจะรุกล้ำอธิปไตยของเรา
.
แต่การต่อสู้กับกัมพูชาที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอุบายมารยาทางการเมืองการทูต ไทยต้องมีบุคลิกภาพแบบแมคคิเวลเลียนบ้าง ต้องใช้ “Machiavellianism” มาเป็นประโยชน์ในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ กล่าวคือ ไทยต้องแสดงอำนาจอย่างสง่างามและผดุงเกียรติยศแห่งรัฐไว้ดุจดั่งราชสีห์ แต่ก็ต้องมีเล่ห์กลที่พลิกแพลงแบบมีพลวัตดุจสุนัขจิ้งจอกด้วย นักการเมืองไทยที่กุมอำนาจรัฐไว้ในมือ จักต้องโต้แย้งข้อกล่าวหาของกัมพูชาอย่างรวดเร็ว ไม่ตอบแทนบุญคุณผู้อื่น และต้องพูดในสิ่งที่คนไทยอยากได้ยินบ้าง
.
ทำเนียบรัฐบาล กองทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนสื่อมวลชนและประชาชนคนไทย ควรช่วยกันประท้วงตอบโต้พฤติกรรมที่ยั่วยุของกัมพูชาบ้าง โดยมีประเด็นหลัก เช่น
.
ในการทำจดหมายประท้วง ไทยไม่ควรแค่ตอบโต้ไปที่รัฐบาลพนมเปญอย่างเดียว แต่ควรเปิดโปงพฤติกรรมของกัมพูชาในเวที ASEAN หรือเวทีที่เหมาะสมอื่นๆควบคู่กันไปด้วย ประเด็นที่ควรตอบโต้กัมพูชาหลักๆ ก็มีหลายอย่าง เช่น กัมพูชาควรพิสูจน์ข้อมูลให้โปร่งใสด้วยว่าทหารกัมพูชาได้ละเมิดกรอบ MOU 43 ใช่หรือไม่ โดยกัมพูชาตั้งใจเข้ามาขุดคูเรทหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างทางทหารในพื้นที่สันติภาพหรือแม้กระทั่งในพื้นที่ที่ลึกเข้ามาในดินแดนของไทยใช่หรือไม่ ปัจจุบัน กัมพูชายังคงพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ หากแต่ได้พยายามข้ามเรื่องนี้และข้ามกลไกเจรจาอย่างจริงจังใน JBC โดยดันเรื่องเข้าสู่ศาลโลกไปเลยพร้อมๆกับกล่าวหาว่าไทยเป็นผู้รุกราน ซึ่งถือว่าข้ามขั้นตอนของการบริหารจัดการความขัดแย้งไปมาก และส่อเจตนาที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยไม่จำเป็น
.
การที่ฮุน เซน อ้างกรรมสิทธิ์ว่าช่องบกและสามเหลี่ยมมรกตเป็นของกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว ถือเป็นมุมมองที่เป็นอันตรายยิ่งต่อการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับเพื่อนบ้าน เพราะสามเหลี่ยมมรกตในส่วนที่เป็นดินแดนของไทย ประเทศไทยก็ได้ครอบครองโดยเปิดเผย สันติและต่อเนื่องมานานแล้ว แถมบริเวณแถบนั้นยังเป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจร่วมที่ติดกับประเทศลาว การที่ ฮุน เซน มุ่งเจตนาหมายมั่นจะให้สามเหลี่ยมมรกตเป็นเขตครอบครองของกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว จึงกระทบต่อลาวและกิจกรรมพัฒนาเศรษฐกิจในอินโดจีนโดยรวมด้วย
.
นอกจากนั้น ไทยควรเปิดโปงพฤติกรรมที่ยั่วยุของกัมพูชาที่ผ่านมา เช่น ในศึกปราสาทเขาพระวิหารเมื่อปี พ.ศ.2554 แค่ระยะแรกเริ่มของการปะทะตามแนวพรมแดนเท่านั้น ทหารเขมรก็ได้ยิงจรวด BM 21 เป็นห่าฝนเข้ามาถล่มพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนในฝั่งไทยอย่างรุนแรงรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการใช้อาวุธหนักที่ก่ออันตรายต่อพลเรือนในรัฐเพื่อนบ้านและถือเป็นการโจมตีที่ไม่รับผิดชอบต่อเป้าหมายพลเรือนผู้บริสุทธ์ ซึ่งในครานั้น ถ้าทหารไทยไม่เร่งตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ เราแทบคาดการณ์ไม่ออกเลยว่าประชาชนคนไทยจะต้องสูญเสียชีวิตทรัพย์สินไปมากแค่ไหน มาวันนี้ กัมพูชาก็เร่งติดตั้งจรวด BM-21 เข้าประชิดชายแดนไทยเรียบร้อยแล้ว จึงสุ่มเสี่ยงนัก หากจู่ๆกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงนี้ยิงใส่ทำร้ายคนไทยแบบห่าฝนเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งนับเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพของประชาชนในภูมิภาค ดังนั้นพฤติกรรมเหล่านี้ของทหารกัมพูขาต้องถูกเปิดโปงป้องปรามเอาไว้บ้าง
.
อนึ่ง เมื่อผู้บัญชาการทหารบกของไทยและกัมพูชา ได้ตกลงที่จะยุติความความรุนแรงในพื้นที่ต่อกันเมื่อไม่กี่วันมานี้ ฝ่ายไทยได้ออกข้อสรุป 3 ข้อ แต่กัมพูชาออกข้อสรุป 4 ข้อ โดยเพิ่มข้อ 4 เข้ามา ซึ่งระบุว่า กัมพูชาจะไม่ถอย หรือ ยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากนั่นคือจุดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนหยัดมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อปี พ.ศ. 2543 ในจุดนี้ ทางการไทยก็ควรประท้วงให้หนักแน่นเข้าไปด้วย ซึ่งพฤติกรรมนี้ของกัมพูชาอาจเป็นการละเมิด MOU 43 และไม่ใช่พฤติกรรมที่จริงใจของประเทศที่เคารพหลักสันติภาพ
.
ทั้งนี้เพราะถ้าหากผลในที่ประชุม ผบ.ทบ. ทั้งสองฝ่าย มีการสรุปไว้ 3 ข้อจริงๆ แล้วต่อมากัมพูชาได้ไปเพิ่มข้อ 4 เข้ามาทีหลัง ก็นับเป็นพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงความไม่จริงใจ เชื่อถือไม่ได้และสะท้อนบุคลิกภาพแบบแมคคิเวลเลียนที่เข้มข้นน่ากลัวจนเกินไปจนก่ออันตรายต่อสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยจะต้องประณามพฤติกรรมเหล่านี้ของกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศบ้างและต้องรู้จักสำแดงกลยุทธ์ในแนวทางแมคคิเวลเลียนเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว ไทยจะเสียเปรียบกัมพูชา เพราะเรามีเล่ห์เหลี่ยมการทูตที่ห่างชั้นกับกัมพูชามากเกินไป แต่ขณะเดียวกัน ไทยก็ไม่ควรเดินเกมแบบแมคคิเวลเลียนในลักษณะที่ลงลึกเข้มข้นเหมือนกัมพูชานัก เพราะเราควรเก็บแต้มต่อเรื่องจริยธรรม/ศีลธรรมไว้เพื่อผดุงเกียรติยศโอบอุ้มศักดิ์ศรีของเราและของประเทศอื่นด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่