ช่อ แนะ ‘อิ๊งค์’ ปรับปรุงภาวะผู้นำ หลังวีนสื่อ แนะลดสัมพันธ์ ‘ฮุนเซน-ชินวัตร’
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9789436
.
.
ช่อ แนะ ‘อิ๊งค์’ ปรับปรุงภาวะผู้นำ หลังวีนสื่อ ถามปมร้อนชายแดน แนะหามาตรการควบคู่เจรจา JBC แนะลดสัมพันธ์ ‘ฮุนเซน-ชินวัตร’ลง ตกใจนายกฯ รับผู้นำไทย-กัมพูชาเป็นเพื่อนกัน ทั้งที่สถานการณ์เป็นแบบนี้
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. 2568 ที่รัฐสภา น.ส.
พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า อย่างน้อยที่สุดต้องชมรัฐบาล โดยเฉพาะรมว.กลาโหม ที่ระบุว่าจะไม่มีการนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลก ขอให้เป็นเรื่องที่แขวนลอยอยู่บนอากาศเพราะโยนมาจากฝั่งกัมพูชาหลายวันแล้ว ซึ่งกลไกทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศจะเป็นกลไกที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด ในการคลี่คลายความขัดแย้งทางชายแดน โดยไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลก
.
น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวว่า วุฒิภาวะและภาวะผู้นำของนายกฯ ยังถือว่าพร่อง หลายวันที่ผ่านมาเราเห็นทั้งนายกฯกัมพูชาและบิดาของนายกฯ กัมพูชาซึ่งดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี ออกมาตอบโต้โจมตีไทยทุกวัน แต่การตอบโต้ของไทยเราจะเห็น เพียงแต่นาย
มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหมออกมาแถลง
.
ส่วนวันนี้ที่น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงเรื่องดังกล่าวควรเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ แต่กลายเป็นประเด็นที่นายกฯ ไม่พอใจนักข่าว ที่สอบถามในประเด็น จุดยืนของไทยอ่อนไปหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ประเทศชาติอยู่ในสภาวะวิกฤตทางชายแดนแบบนี้
.
“เราต้องการภาวะผู้นำจากนายกฯ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด แต่สิ่งที่เราได้รับในวันนี้ต้องขอให้นายกฯ ปรับปรุงจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ท่าทางเขาตอบโต้กลับมาโดยการใช้ นายกฯหรือพ่อของนายกฯ อย่างน้อยที่สุดทางการไทยต้องให้นายกฯ ตอบ ไม่ได้ตอบโต้เพื่อท้าตีท้าต่อย แต่มีหลายวิธีที่จะยืนยันในจุดยืน และเกียรติภูมิของประเทศเรา โดยผู้นำของเราเอง” น.ส.
พรรณิการ์กล่าว
.
น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมาคือ การแสดงจุดยืนและนโยบายที่เป็นรูปธรรม ว่าเราจะตอบโต้กัมพูชาอย่างไร โดยที่ไม่ใช่การรบ วันนี้ นาย
ภูมิธรรม พูด 1 ประโยคที่ตนก็ตกใจเหมือนกัน ที่บอกว่า“
คนไทยอย่ารู้มากไปเลย เดี๋ยวจะเสียเปรียบในการเจรจา รัฐบาลเตรียมไว้อยู่แล้ว” คือพูดในทำนองว่า”
เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย เชื่อเถอะว่าเอาอยู่เตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าพูดออกไปเยอะเดี๋ยวจะไปเสียเปรียบเขา”
.
ตนคิดว่า ถ้าเราพูดโดยรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลเอาอยู่จัดการได้ ยังพอฟังได้ แต่ถามประชาชนทุกคนว่าวันนี้ รัฐบาลเรามีเครดิตขนาดนั้นหรือไม่ ไม่ว่าจะในประเทศหรือเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลเราได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ จากประชาชนในระดับนั้นหรือไม่
.
“
เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลเพื่อไทยจริงๆ ที่ประเทศเผชิญวิกฤตแบบนี้ แล้วยังมีรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ ขาดความมั่นใจจากประชาชน ขาดแรงหนุนจากประชาชน แต่ในเมื่อเป็นแบบนั้นไปแล้ว แทนที่จะบอกว่าให้เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสร้างเครดิตให้กับรัฐบาลในภาวะฉุกเฉินแบบนี้ คือต้องเอาให้ชัดว่าจะทำอย่างไร” น.ส.
พรรณิการ์กล่าว
.
น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวว่า ส่วนอีกข้อกังวลจากการที่ได้ฟังคำพูดของนายภูมิธรรม วันนี้ ที่ฝากความหวังไว้ที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee : JBC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. การเจรจาโดยใช้กลไกปกติที่มีอยู่แล้ว เป็นเรื่องดี แต่ขอฝากไปให้พิจารณาว่า โต๊ะกลไก JBC ซึ่งเป็นกลไกปกติ เพียงพอหรือไม่ ในการคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตในรอบนี้
.
เพราะฝั่งกัมพูชา ทั้งนาย
ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาและ สมเด็จ
ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา ดูแล้วโหมกระพือหนัก คิดว่าเป็นไปได้ยากที่จะยอมลงให้กันในJBC ฉะนั้นแทนที่เราจะสงบอยู่ในที่ตั้งและรอเจรจาใน JBC อย่างเดียว รัฐบาลไทยควรพิจารณามาตรการควบคู่กันไป ซึ่งมีหลายวิธีที่ไม่ใช่การแสดงออกทางการทูต เช่น ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต ตัดไฟตัดเน็ตที่ส่งไปให้แก๊งคอล เรื่องเหล่านี้ได้ประโยชน์ทั้งฝั่งไทย และได้ประโยชน์กับทั้งฝั่งชาวกัมพูชา เพราะเราไม่ได้ไปตัดน้ำตัดไฟประชาชน แต่เราตัดไฟตัดเน็ต แก๊งคอล
.
เรื่องเหล่านี้เป็นกระบวนการที่เราทำได้ ภายใต้กรอบกฎหมายของเรา ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงท่าทีที่เราตอบโต้อย่างรักษาเกียรติภูมิของประเทศ และไม่ได้เป็นอันธพาล ไม่ได้ท้าตีท้าต่อย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณา เพราะลำพังหวังเพียงการเจรจาใน JBC
.
ต้องบอกตามตรงว่า ดูจากประวัติที่ผ่านมา ถ้าเขายอมลงให้เรารอบนี้ใน JBC ถือว่าแปลกมาก คงจะไม่ใช่อดีตนายกฯ
ฮุน เซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางมาไกลขนาดนี้แล้ว ถึงขั้นพูดว่าจะเป็นฉนวนกาซ่า หรือจะเอาขึ้นศาลโลก คิดว่าไทยควรตอบโต้ ให้อยู่ในน้ำหนักเดียวกับ ที่กัมพูชาตอบโต้กับเรา
.
ส่วนที่มีความพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จฮุน เซนกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเป็นผลดีหรือผลเสียนั้นน.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เมื่อฟังคำพูดของนายกฯในวันนี้เป็นคำพูดที่น่าตกใจ ที่ยอมรับว่าผู้นำไทยกับกัมพูชาเป็นเพื่อนกัน คำนี้ถ้าพูดกันในภาวะปกติไม่แปลก ผู้นำประเทศในไหนก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่แล้ว
.
แต่การพูดในสถานการณ์แบบนี้ นายกฯอาจจะขาดความเข้าใจ สถานการณ์ทางการเมืองภายในกัมพูชา นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านพลัดถิ่นของกัมพูชา โจมตีรัฐบาล สมเด็จฮุน เซน นายฮุน มาเนตมาตลอด ว่า เป็นพวกที่ขายชาติ เป็นคนที่มาเกี้ยเซี้ยกับตระกูลชินวัตรของไทย ทำให้ผลประโยชน์แห่งชาติของกัมพูชาสูญเสียไป และมีการคาดการณ์ว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้สมเด็จฮุน เซน นายฮุน มาเนต มีท่าทีแข็งกร้าว เพื่อลบข้อครหาที่ว่าตระกูลฮุนเซนกับชินวัตร เกี้ยเซี้ยกันเพื่อประโยชน์ของตนเอง และละเลยผลประโยชน์ชาติ
.
“
ฉะนั้น คำพูดของนายกฯ ในวันนี้ ดิฉันจึงถือว่าเบาที่สุด คือนายกฯ ขาดความเข้าใจอย่างหนัก และคิดว่าอาจจะไร้เดียงสาทางการเมืองเกินไปที่พูดประโยคนี้ออกมา ซึ่งเราไม่รู้ว่ากัมพูชาจะนำไปต่อยอดหรือนำไปปั่นกระแสมากแค่ไหน แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว เราก็ต้องเฝ้าระวัง และติดตามอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ ตอนนี้สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ยุติการชูความสนิทสนมส่วนบุคคล เพราะนี่คือเรื่องของบูรณภาพทางดินแดน นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์รัฐต่อรัฐ ” น.ส.
พรรณิการ์กล่าว
.
น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในกลไกของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ว่ากลไกเหล่านี้ รวมถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน เป็นกลไกปกติ แบบรัฐต่อรัฐ ที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้
.
ขอให้หยุดใช้เรื่องส่วนตัวหรือสายสัมพันธ์ส่วนตัว มาบอกว่าคลี่คลายสถานการณ์ได้ ด้วยความสนิทสนมกัน เพราะยิ่งเหมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟ จะทำให้ฮุนเซ็นอาจจะต้องตอบโต้ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว ยิ่งขึ้นเพื่อลบข้อครหาที่เขาถูกโจมตี
.
ส่วนที่มีหลายคนห่วงว่าครั้งนี้ไทยอาจจะเสียดินแดนไปอีก เหมือนเช่นครั้งเขาพระวิหาร น.ส.
พรรณิการ์กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเราจะเสียดินแดน เรื่องนี้ สามารถคลี่คลายไปได้ แต่สิ่งที่อยากให้ระวังคือกระแสชาตินิยมเข้มข้น ชาตินิยมสุดโต่งกันในช่วงนี้ ด้วยการกระตุ้นความยั่วยุ จากประเทศข้างๆ ซึ่งก็เห็นกันอยู่ว่ามีความพยายามยั่วยุปลุกปั่นเพื่อคะแนนนิยมภายในประเทศของเขาจริงๆ
.
ตนอยากจะเตือนคนไทยว่า อย่าไปเข้าทางเขา เรื่องการเสียดินแดนไม่เสีย เราสามารถพูดคุยเจรจา และใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆที่ไม่ใช่การสู้รบ จัดการปัญหานี้ได้ แต่ขอให้รัฐบาล มีท่าทีที่ชัดเจน และเข้มแข็งกว่านี้ ในการตอบโต้กับกัมพูชาที่มีน้ำหนักเสมอกัน
.
.
2 ส.ส.ปชน. ถามนายกฯ เมื่อไหร่จะเป็นมืออาชีพ บอกน่าอายวีนสื่อ ทั้งๆที่เขาก็มาทำหน้าที่ตัวเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5214638
.
2 ส.ส.ปชน. ถามนายกฯ เมื่อไหร่จะเป็นมืออาชีพ บอกน่าอายวีนสื่อ ทั้งๆ ที่เขาก็มาทำหน้าที่ตัวเอง “รักชนก” ดักทาง คนประจบประแจง ชมว่า “เฟียส” ด้าน ‘ลิซ่า’ แซะเมื่อไหร่จะทำหน้าที่นายกฯ
.
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายกรัฐมนตรีตอบคำถามสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า
.
กิริยาที่ น.ส.แพทองธารแสดงต่อสาธารณะ ต้องบอกว่า เกินเยียวยาจริงๆ ไร้วุฒิภาวะสิ้นดี
.
น.ส.แพทองธารควรจะสำนึกไว้ว่า ถ้าตัวเองไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นิสัยแบบนี้ มารยาทต่อผู้อื่นเช่นนี้ ไม่มีใครเค้าอยากพูดคุยหรืออยากถามอะไรด้วยหรอก (ยกเว้นแต่คนที่อยากจะมาเลียแข้งเลียขา) แต่เพราะคุณอยู่ในตำแหน่งอันสำคัญยิ่ง และการตัดสินใจของคุณส่งผลต่อทุกชีวิตในประเทศ
ดังนั้น นักข่าวทุกคนที่อยู่ตรงนั้น มาทำงาน มาทำหน้าที่ของตัวเองและทำอย่างมืออาชีพ ถามในสิ่งที่คนทั้งประเทศสงสัย นายกฯก็ควรจะทำสิ่งเดียวกันคือ แสดงความเป็นมืออาชีพในงานของตัวเอง
.
การกระทำวันนี้ ถ้าหาก น.ส.แพทองธาร เป็นเพียงหัวหน้าพรรคการเมือง หรือเป็นแค่นักการเมืองคนหนึ่ง ดิฉันก็คงสนับสนุนให้ทำพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไป เป็นตัวของตัวเองให้สุด อย่าเลิก อย่าลด อย่าเป็นคนที่ดีขึ้น ประชาชนจะได้รู้ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเอายังไงกับคนแบบนี้
.
แต่นี่ แพทองธาร อยู่ในฐานะรัฐมนตรีของประเทศไทย ดิฉันต้องบอกว่า อายจริงๆ ที่มีคนแบบนี้เป็นผู้นำประเทศ เป็นนายกฯที่ขาดทั้งความรู้ความสามารถ ในการทำงาน ทั้งยังแสดงออกอย่างไร้วุฒิภาวะนับครั้งไม่ถ้วน ขาดแม้กระทั่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นมนุษย์อย่างทักษะในการเรียนรู้ เพราะเป็นนายกฯมาสักพักแล้ว แต่เหมือนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแพทองธารไม่ได้พัฒนาทักษะอะไรเพิ่มขึ้นเลย ทั้งความรู้ที่จำเป็นต่อการบริหารประเทศก็ไม่มี วุฒิภาวะในการแสดงออกในที่สาธารณะก็ไม่พัฒนา
.
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอเตือนพ่อแม่ทั้งประเทศ นี่คือตัวอย่างที่ดีมากๆ ของการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน ประเคนให้ทุกอย่าง ชีวิตไม่เคยต้องพบเจอความลำบาก รายล้อมด้วยคนที่จ้องแต่จะประจบประแจง ทำผิดอะไรคนใกล้ตัวไม่มีใครกล้าเตือน เพราะเป็นลูกนาย ทำตัวน่ารังเกียจแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าตักเตือนอย่างตรงไปตรงมา เชื่อได้เลยว่าพฤติกรรมวันนี้ก็ยังต้องมีคนอวย เฟียสมากค่ะ สุดเริ่ด สุดปัง ฟาดมากแม่ ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ลูกโตมาเป็นแบบนี้ ท่านควรปรับเปลี่ยนวิธีการเสี้ยมสอนลูกตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ลูกของท่านจะมีนิสัยที่เกินเยียวยาดังเช่นนายกรัฐมนตรี
.
ด้าน น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน แสดงความเห็นถึงกรณีนายกรัฐมนตรีตอบคำถามสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า นักข่าวเขาทำหน้าที่ของเขา แล้วเมื่อไรคุณจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
.
ดิฉันยืนยันอีกครั้งว่า วุฒิภาวะคือขั้นต่ำที่สุดที่คนไทยควรหวังได้จากแพทองธาร และดิฉันขอถอนคำพูดที่บอกว่า แพทองธารเป็นได้แค่ปลัดประเทศ เพราะนับวันสิ่งที่แพทองธารเป็นได้ดีที่สุด คือ Nepo baby คนที่ได้ดี เพราะพ่อแม่อุปถัมภ์
JJNY : 5in1 ช่อแนะ‘อิ๊งค์’│2 ส.ส.ปชน.บอกน่าอายวีนสื่อ│ยึดมท.อาจเสี่ยง│กกร.หั่นเป้าจีดีพีปี 68│กัมพูชายันเป็นเจ้าภาพ JBC
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9789436
.
ช่อ แนะ ‘อิ๊งค์’ ปรับปรุงภาวะผู้นำ หลังวีนสื่อ ถามปมร้อนชายแดน แนะหามาตรการควบคู่เจรจา JBC แนะลดสัมพันธ์ ‘ฮุนเซน-ชินวัตร’ลง ตกใจนายกฯ รับผู้นำไทย-กัมพูชาเป็นเพื่อนกัน ทั้งที่สถานการณ์เป็นแบบนี้
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. 2568 ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า อย่างน้อยที่สุดต้องชมรัฐบาล โดยเฉพาะรมว.กลาโหม ที่ระบุว่าจะไม่มีการนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลก ขอให้เป็นเรื่องที่แขวนลอยอยู่บนอากาศเพราะโยนมาจากฝั่งกัมพูชาหลายวันแล้ว ซึ่งกลไกทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศจะเป็นกลไกที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด ในการคลี่คลายความขัดแย้งทางชายแดน โดยไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลก
.
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า วุฒิภาวะและภาวะผู้นำของนายกฯ ยังถือว่าพร่อง หลายวันที่ผ่านมาเราเห็นทั้งนายกฯกัมพูชาและบิดาของนายกฯ กัมพูชาซึ่งดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี ออกมาตอบโต้โจมตีไทยทุกวัน แต่การตอบโต้ของไทยเราจะเห็น เพียงแต่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหมออกมาแถลง
.
ส่วนวันนี้ที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงเรื่องดังกล่าวควรเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ แต่กลายเป็นประเด็นที่นายกฯ ไม่พอใจนักข่าว ที่สอบถามในประเด็น จุดยืนของไทยอ่อนไปหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ประเทศชาติอยู่ในสภาวะวิกฤตทางชายแดนแบบนี้
.
“เราต้องการภาวะผู้นำจากนายกฯ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด แต่สิ่งที่เราได้รับในวันนี้ต้องขอให้นายกฯ ปรับปรุงจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ท่าทางเขาตอบโต้กลับมาโดยการใช้ นายกฯหรือพ่อของนายกฯ อย่างน้อยที่สุดทางการไทยต้องให้นายกฯ ตอบ ไม่ได้ตอบโต้เพื่อท้าตีท้าต่อย แต่มีหลายวิธีที่จะยืนยันในจุดยืน และเกียรติภูมิของประเทศเรา โดยผู้นำของเราเอง” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
.
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมาคือ การแสดงจุดยืนและนโยบายที่เป็นรูปธรรม ว่าเราจะตอบโต้กัมพูชาอย่างไร โดยที่ไม่ใช่การรบ วันนี้ นายภูมิธรรม พูด 1 ประโยคที่ตนก็ตกใจเหมือนกัน ที่บอกว่า“คนไทยอย่ารู้มากไปเลย เดี๋ยวจะเสียเปรียบในการเจรจา รัฐบาลเตรียมไว้อยู่แล้ว” คือพูดในทำนองว่า”เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย เชื่อเถอะว่าเอาอยู่เตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าพูดออกไปเยอะเดี๋ยวจะไปเสียเปรียบเขา”
.
ตนคิดว่า ถ้าเราพูดโดยรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลเอาอยู่จัดการได้ ยังพอฟังได้ แต่ถามประชาชนทุกคนว่าวันนี้ รัฐบาลเรามีเครดิตขนาดนั้นหรือไม่ ไม่ว่าจะในประเทศหรือเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลเราได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ จากประชาชนในระดับนั้นหรือไม่
.
“เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลเพื่อไทยจริงๆ ที่ประเทศเผชิญวิกฤตแบบนี้ แล้วยังมีรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ ขาดความมั่นใจจากประชาชน ขาดแรงหนุนจากประชาชน แต่ในเมื่อเป็นแบบนั้นไปแล้ว แทนที่จะบอกว่าให้เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสร้างเครดิตให้กับรัฐบาลในภาวะฉุกเฉินแบบนี้ คือต้องเอาให้ชัดว่าจะทำอย่างไร” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
.
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ส่วนอีกข้อกังวลจากการที่ได้ฟังคำพูดของนายภูมิธรรม วันนี้ ที่ฝากความหวังไว้ที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee : JBC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. การเจรจาโดยใช้กลไกปกติที่มีอยู่แล้ว เป็นเรื่องดี แต่ขอฝากไปให้พิจารณาว่า โต๊ะกลไก JBC ซึ่งเป็นกลไกปกติ เพียงพอหรือไม่ ในการคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตในรอบนี้
.
เพราะฝั่งกัมพูชา ทั้งนายฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาและ สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา ดูแล้วโหมกระพือหนัก คิดว่าเป็นไปได้ยากที่จะยอมลงให้กันในJBC ฉะนั้นแทนที่เราจะสงบอยู่ในที่ตั้งและรอเจรจาใน JBC อย่างเดียว รัฐบาลไทยควรพิจารณามาตรการควบคู่กันไป ซึ่งมีหลายวิธีที่ไม่ใช่การแสดงออกทางการทูต เช่น ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต ตัดไฟตัดเน็ตที่ส่งไปให้แก๊งคอล เรื่องเหล่านี้ได้ประโยชน์ทั้งฝั่งไทย และได้ประโยชน์กับทั้งฝั่งชาวกัมพูชา เพราะเราไม่ได้ไปตัดน้ำตัดไฟประชาชน แต่เราตัดไฟตัดเน็ต แก๊งคอล
.
เรื่องเหล่านี้เป็นกระบวนการที่เราทำได้ ภายใต้กรอบกฎหมายของเรา ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงท่าทีที่เราตอบโต้อย่างรักษาเกียรติภูมิของประเทศ และไม่ได้เป็นอันธพาล ไม่ได้ท้าตีท้าต่อย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณา เพราะลำพังหวังเพียงการเจรจาใน JBC
.
ต้องบอกตามตรงว่า ดูจากประวัติที่ผ่านมา ถ้าเขายอมลงให้เรารอบนี้ใน JBC ถือว่าแปลกมาก คงจะไม่ใช่อดีตนายกฯฮุน เซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางมาไกลขนาดนี้แล้ว ถึงขั้นพูดว่าจะเป็นฉนวนกาซ่า หรือจะเอาขึ้นศาลโลก คิดว่าไทยควรตอบโต้ ให้อยู่ในน้ำหนักเดียวกับ ที่กัมพูชาตอบโต้กับเรา
.
ส่วนที่มีความพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จฮุน เซนกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเป็นผลดีหรือผลเสียนั้นน.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เมื่อฟังคำพูดของนายกฯในวันนี้เป็นคำพูดที่น่าตกใจ ที่ยอมรับว่าผู้นำไทยกับกัมพูชาเป็นเพื่อนกัน คำนี้ถ้าพูดกันในภาวะปกติไม่แปลก ผู้นำประเทศในไหนก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่แล้ว
.
แต่การพูดในสถานการณ์แบบนี้ นายกฯอาจจะขาดความเข้าใจ สถานการณ์ทางการเมืองภายในกัมพูชา นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านพลัดถิ่นของกัมพูชา โจมตีรัฐบาล สมเด็จฮุน เซน นายฮุน มาเนตมาตลอด ว่า เป็นพวกที่ขายชาติ เป็นคนที่มาเกี้ยเซี้ยกับตระกูลชินวัตรของไทย ทำให้ผลประโยชน์แห่งชาติของกัมพูชาสูญเสียไป และมีการคาดการณ์ว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้สมเด็จฮุน เซน นายฮุน มาเนต มีท่าทีแข็งกร้าว เพื่อลบข้อครหาที่ว่าตระกูลฮุนเซนกับชินวัตร เกี้ยเซี้ยกันเพื่อประโยชน์ของตนเอง และละเลยผลประโยชน์ชาติ
.
“ฉะนั้น คำพูดของนายกฯ ในวันนี้ ดิฉันจึงถือว่าเบาที่สุด คือนายกฯ ขาดความเข้าใจอย่างหนัก และคิดว่าอาจจะไร้เดียงสาทางการเมืองเกินไปที่พูดประโยคนี้ออกมา ซึ่งเราไม่รู้ว่ากัมพูชาจะนำไปต่อยอดหรือนำไปปั่นกระแสมากแค่ไหน แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว เราก็ต้องเฝ้าระวัง และติดตามอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ ตอนนี้สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ยุติการชูความสนิทสนมส่วนบุคคล เพราะนี่คือเรื่องของบูรณภาพทางดินแดน นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์รัฐต่อรัฐ ” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
.
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในกลไกของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ว่ากลไกเหล่านี้ รวมถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน เป็นกลไกปกติ แบบรัฐต่อรัฐ ที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้
.
ขอให้หยุดใช้เรื่องส่วนตัวหรือสายสัมพันธ์ส่วนตัว มาบอกว่าคลี่คลายสถานการณ์ได้ ด้วยความสนิทสนมกัน เพราะยิ่งเหมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟ จะทำให้ฮุนเซ็นอาจจะต้องตอบโต้ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว ยิ่งขึ้นเพื่อลบข้อครหาที่เขาถูกโจมตี
.
ส่วนที่มีหลายคนห่วงว่าครั้งนี้ไทยอาจจะเสียดินแดนไปอีก เหมือนเช่นครั้งเขาพระวิหาร น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเราจะเสียดินแดน เรื่องนี้ สามารถคลี่คลายไปได้ แต่สิ่งที่อยากให้ระวังคือกระแสชาตินิยมเข้มข้น ชาตินิยมสุดโต่งกันในช่วงนี้ ด้วยการกระตุ้นความยั่วยุ จากประเทศข้างๆ ซึ่งก็เห็นกันอยู่ว่ามีความพยายามยั่วยุปลุกปั่นเพื่อคะแนนนิยมภายในประเทศของเขาจริงๆ
.
ตนอยากจะเตือนคนไทยว่า อย่าไปเข้าทางเขา เรื่องการเสียดินแดนไม่เสีย เราสามารถพูดคุยเจรจา และใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆที่ไม่ใช่การสู้รบ จัดการปัญหานี้ได้ แต่ขอให้รัฐบาล มีท่าทีที่ชัดเจน และเข้มแข็งกว่านี้ ในการตอบโต้กับกัมพูชาที่มีน้ำหนักเสมอกัน
.
.
2 ส.ส.ปชน. ถามนายกฯ เมื่อไหร่จะเป็นมืออาชีพ บอกน่าอายวีนสื่อ ทั้งๆที่เขาก็มาทำหน้าที่ตัวเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5214638
.