ศาลรัฐบาลกลางตัดสินเมื่อวันพุธว่ากฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ได้ให้ประธานาธิบดีทรัมป์มีอำนาจฝ่ายเดียวในการกำหนดภาษีศุลกากรกับเกือบทุกประเทศ ส่งผลให้การประกาศเรื่องภาษีศุลกากรที่ย้อนไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเคยสร้างความวุ่นวายให้กับตลาดการเงินต้องถูกระงับลง
คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯตัดสินเป็นเอกฉันท์ว่ารัฐสภา ไม่ได้มอบอำนาจภาษีศุลกากรที่ "ไม่จำกัด" ให้แก่ประธานาธิบดีในพระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ พ.ศ. 2520 (IEEPA) ซึ่งเป็นแกนหลักในการป้องกันทางกฎหมายของทรัมป์
“IEEPA อนุญาตให้ประธานาธิบดีใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่จำเป็นในช่วงภาวะฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับ “ภัยคุกคามที่ผิดปกติและไม่ธรรมดา”
ทรัมป์พยายามใช้กฎหมายเพื่อกำหนดภาษีศุลกากรอย่างกว้างขวางโดยอ้างถึงการขาดดุลการค้าและภัยคุกคามจากกลุ่มค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
คำตัดสินเมื่อวันพุธระงับการขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันปลดปล่อย และคำสั่งชุดหนึ่งที่ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เมื่อประธานาธิบดีประกาศว่าจะขึ้นภาษีศุลกากรต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน ภาษีศุลกากรหลายรายการได้รับการปรับหรือเลื่อนออกไปเนื่องจากหุ้นตกและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น
คณะผู้พิพากษาสามคนประกอบด้วยผู้พิพากษา Timothy Reif ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ ผู้พิพากษา Jane Restani ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีเรแกน และผู้พิพากษา Gary Katzmann ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโอบามา
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อคดีความสองคดีที่แยกออกจากกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคดีความอื่นๆ ที่ท้าทายภาษีศุลกากรของทรัมป์
หนึ่งคดียื่นโดยกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กซึ่งมุ่งเป้าไปที่การประกาศ "วันปลดปล่อย" ของทรัมป์โดยเฉพาะ แต่คดีอีกคดียื่นโดยกลุ่มอัยการสูงสุดของรัฐจากพรรคเดโมแครต นำโดยรัฐโอเรกอน ซึ่งท้าทายภาษีศุลกากรที่ครอบคลุมกว่า
ก่อนที่จะตัดสินว่า IEEPA ไม่อนุญาตให้ใช้ภาษีศุลกากรของทรัมป์ ศาลได้ปฏิเสธข้อโต้แย้งเบื้องต้นของรัฐบาล รวมทั้งคำสั่งของประธานาธิบดีเป็นประเด็นทางการเมืองที่ศาลไม่สามารถตรวจสอบได้
“การพึ่งพาหลักคำสอนประเด็นทางการเมืองนั้นไม่ถูกต้อง” คณะกรรมาธิการซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์เขียนไว้
เด้งวันนี้ ย่อยจะขายหรือจะถือดีนะ ปล ขอบคุณศาลรัฐบาลกลางของพี่กัน