ประสบการณ์การทำงานแบบถวายหัว!!!!

🙏🙏สวัสดีสมาชิกที่เข้ามาอ่านทุกๆท่านค่ะ วันนี้เราขอแชร์/ขอระบายการทำงานแบบถวายหัวจนเกือบเสียครอบครัวเสียทั้งสุขภาพจิต จนเกือบเป็นโรคซึมเศร้าเพราะทุ่มเทมากเกินไป
เราทำงานอยู่ในสถาบันการเงินเเห่งนึงในตำแหน่งลูกจ้างเล็กๆและอยู่มาประมาณ 10กว่าปีค่ะ คือเริ่มทำงานตั้งแต่ยังไม่ค่อยเป็นงานทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วยเนื่องจากมีลูกตอนเรียนไม่จบ  
ตลอดเวลาที่ทำงานคืออยากให้ผู้ใหญ่รักและเอ็นดูจึงเป็นคนหัวอ่อนและพยายามทำหน้าที่ออกมาให้ดีและได้ดั่งใจที่สุด หัวหน้าสั่งให้ทำอะไรทำหมดไม่เกี่ยงงานแม้เเต่งานที่ไม่ได้อยู่ในหน้าที่ก็ทำ ป่วยไม่สบายก็เเบกสังขารมาทำงาน บางปีไม่เคยลางานเลยก็มี ไม่จำเป็นก็ไม่ลา จนวันลาสะสมเราเยอะมาก เเต่สุดท้ายคนที่แบกรับทุกอย่างกลับเป็นคนที่โดนตำหนิเยอะที่สุด โดนกดขี่เยอะที่สุดหางานให้เรามาทำงานเช้ากลับดึกบางทีทะเลาะกับสามีจนขออย่าเราเครียดกับงานและครอบครัวจนมีภาวะของซึมเศร้า  ในวันที่เราเริ่มปฏิเสธเป็นก็เริ่มโกรธและว่าเราลับหลัง ว่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน

ฟางเส้นที่ 1ตอนนั้นเราท้องลูกคนที่ 2 เราก็ทำงานตามปกติทุกอย่างงาน(หนักๆ) จนสุดท้าเราต้องคลอดก่อนกำหนด ซึ่งวันที่บอกว่าเราจะคลอดเเล้วโทรลา หัวหน้าพูดสวนว่าจะคลอดได้ไงนี้ยังไม่ถึงกำหนดหมอดูผิดรึป่าวท้องตอนยังสาวอยู่ลูกต้องแข็งเเรงสิ แต่สุดท้ายเราก็คลอดจริงไปอายุครรภ์ 7เดือนกว่าๆเพราะน้ำคร่ำน้อยน้องไม่มีที่พอหายใจ ซึ่งสาเหตุที่คลอดก่อนกำหนดหมอบอกว่าเราอาจพักผ่อนน้อยเดินเยอะทำให้ถุงน้ำคร่ำรั่ว ตอนนั้นลูกเราออกมาตัวเล็กมากเราเครียด เอาแต่นั่งโทษตัวเองที่ทำงานจนลืมว่ามีอีก1ชีวิตอยู่ในท้อง ซึ่งตอนนี้ลูกเรา 10 ขวบเเล้วค่ะ เติบโตเเข็งเเรงสมวัย
ฟางเส้นที่ 2 ลูกเราป่วยค่ะต้องได้รับการผ่าตัดเล็กๆต้องนอนโรงบาล1 อาทิตย์ เราขอลางาน1อาทิตย์เต็มๆแต่ให้เราลาแค่ 3 วัน โดยบอกว่าให้เราเปลี่ยนกันกับสามีเฝ้าลูก ระหว่างที่ลาก็โทรถามงานตลอด
ฟางเส้นที่ 3 ตอนนั้นแม่เราเสียค่ะ ขอลาจัดการงานศพ 1อาทิตย์ เอาศพแม่ไว้ 2 คืน หัวหน้าถามเราว่าเอาไว้เเค่2คืน ทำไมลาตั้ง1อาทิตย์ สุดท้าให้ลาแค่ 4 วันเเละบอกว่าถ้าช่วงที่ว่างจากงานศพก็แวปเข้ามาเคลียร์งาน
ฟางเส้นที่ 4 พ่อเราเสียจากอุบัติเหตุและต้องวิ่งโรงพัก วิ่งไปศาล วิ่งตามคดี ไม่ยอมให้ลางานนะ งานศพให้ลาแค่ 3 วันบอกว่าช่วงนี้งานเยอะไม่มีใครทำแทนแต่ให้กลับเร็วหน่อยเพื่อจัดการงานศพ ตอนที่คดีอยู่ระหว่างศาลก็ทำเป็นพูด ถามคนนู่นคนนี้เกี่ยวกับกรณีพ่อเรา แล้วมาพูดให้เราใจเสียว่ายังไงเราสู้คดีคงไม่ได้อะไรสักอย่าง เเต่เราสู้ค่ะเราไม่ฟังเพราะเราเริ่มหมดความอดทน และเรามีสิทธิ์ที่จะสู้  สุดท้ายเหมือนโชคชะตาเข้าข้างเราค่ะ มีพี่คนนึงกำลังจะลาออกค่ะ ผู้ใหญ่อีกฝั่งทาบทามให้เรามาเเทนงาน ตอนเเรกก็กลัวค่ะ กลัวว่าเราจะบอกหัวหน้ายังไงว่าจะย้าย เราอยู่ในทีมเขามานาน เขาจะโกรธเรามั้ย
จนฟางเส้นสุดท้าย
คือหลอกให้เราทำงานให้ทุกอย่างพูดว่าเราเป็นทีมเดียวกันขอให้ช่วยกันแล้วจะมีค่าตอบแทนให้ แต่เราไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย ไม่มีรายชื่อให้ส่วนแบ่ง ทั้งๆที่เราเป็นคนทำยอดให้และเป็นสิ่งที่เราต้องได้ตามที่ตกลงกันไว้ เราเสียใจมากค่ะ จึงใช้คำวามโกรธนี้เปิดปากบอกเขาว่าเราขอย้ายหน่วยงาน ซึ่งเขาเหมือนจะรู้ตัวว่าเราโกรธค่ะเลยรีบก็จัดการเเบ่งส่วนให้เรา และพูดให้เราอยู่ต่อ บอกว่าหน่วยงานที่จะย้ายไปมันอาจจะยุบนะ อาจจะตกงานนะ หัวหน้าเสียดายคนเก่งๆอย่างเรานะ คิดดีๆนะ ลูกยังต้องใช้เงินนะ ซึ่งเราก็ยื่นคำขาดค่ะว่าจะย้าย ขอออกจากกะลานี้ไปตายเอาดาบหน้าคะเรื่องตกงานเป็นเรื่องของอนาคต คนขยันอยู่ไหนก็ไม่อดตายคะเรามั่นใจเพราะเราไม่เคยกลัวความลำบาก เพราะที่อยู่นี้ก็โคตรลำบาก ถ้าไม่ให้ย้ายสิ้นปีก็คิดจะลาออกเหมือนกัน
สุดท้ายตอนนี้เราย้ายออกมาเเล้วค่ะ
หน่วยงานใหม่ที่ย้ายมาคือเป็นอะไรที่ฮีลใจมากๆ เจ้านายดี พนักงานก็ดีกับเรามากๆไม่เคยให้งานเราเกินหน้าที่เลย มีอะไรก็นึกถึงส่วนเล็กๆอย่างเราตลอดจนเรารู้สึกว่าทำไมเราไปเสียเวลากับกะลาใบนั้นตั้งหลายปี ทั้งๆที่หนทางที่จะไปมีเยอะเเยะ
คำว่า "ทำดีผิดกี่ปีก็เหมือนเดิม" มันไม่เกินจริง  ในขณะที่เราเห็นใจคนอื่นแต่คนอื่นมักเอาเปรียบความใจดีของเรา
แล้วเหมือนบาปกรรมมีจริง ตั้งแต่เราย้ายออกมาที่หน่วยงานเก่าทุกคนทำงานเหนื่อยขึ้น คนที่หามาแทนเราไม่มีใครอยู่ได้สักเราบางคนอยู่ 2 วัน ก็ขอลาออก  
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่