จิตที่ขาดสิกขาบท ย่อมส่งออกนอกเป็นธรรมดา จิตที่ตระหนักในสิกขาบท ย่อมรู้ทันจิตที่ส่งออกนอก
สิกขาบทอย่างแรกคือศีล
เมื่อไม่สำรวมในศีล ย่อมขาดความสำรวมเมื่อจิตรู้ไปตามอายตนะ
ตาที่เห็นรูป ใจที่รู้อารม
ย่อมบังคับไม่ให้เห็นรูป หรือไม่รู้ไปตามอารมไม่ได้
เมื่อขาดความสำรวม ความสังวรในสิ่งที่เห็น ย่อมยินดี ยินร้าย
ย่อมเผลอเพลินไปตามรูปที่เห็น ตามอารมที่รู้
สิกขาบทอย่างที่สองคือจิต
ใจที่ยินดีในรูปเพราะหลงไปตามอารมที่กระทบอยู่ภายใน
ย่อมเกิดความกำหนัดในรูป ในอารมตามมา จึงเกิดความยึดถือรูป ยึดถืออารมไว้ในใจ
ธรรมที่เป็นอกุศล จึงใช้เป็นเครื่องมือในการกระทบสัญญา กระทบอารม
ปรุงแต่งไปตามความยินดี ยินร้าย ความเผลอเพลิน ตามสัญญาที่เคยรู้ไว้
สิกขาบทอย่างที่สามคือปัญญา
เพราะขาดความแยบคายในการเห็นรูป ในการรู้อารมที่ปรากฏ
จึงขาดความตระหนัก ในรูปที่เห็น ในอารมที่เกิดตามมา
จึงไม่รู้ว่าความทุขได้เกิดขึ้นแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะผ่านพ้นความทุขนี้ จึงไม่รู้ว่าจะออกจากความทุขนี้อย่างไร
และเหตุใดจึงยินดี ยินร้าย เผลอเพลินในรูป ในอารม
ด้วยเหตุนี้เมื่อจิตส่งออกนอก
จึงควรตระหนักด้วยสติในศีลสิกขา
เพื่อให้เกิดความสำรวม ความสังวร เมื่อตาเห็นรูป เมื่ออารมปรากฏทางใจ
จึงควรตระหนักด้วยสติในจิตสิกขา
เพื่อให้รู้ทันรูป รู้ทันอารมที่เกิดขึ้น
จึงควรตระหนักด้วยสติในปัญญาสิกขา
เพื่อให้เกิดความแยบคายในการเห็นรูป ในการเห็นอารม
ไม่ให้เผลอเพลิน ยินดี ยินร้ายในรูป ในอารม
ในธรรมทั้งหลายที่ปรากฏทางใจ
เมื่อรู้ทันจิตที่ส่งออกนอกอยู่เนืองๆ
ย่อมเห็นผลของจิตที่ส่งออกนอกว่าเป็นเช่นไร
เมื่อเห็นผลที่จิตส่งออกนอก จนเหตุสมบูรณ์พร้อม
ผลของจิตที่ส่งออกนอก และ ผลของการเห็นจิตที่ส่งออกนอก
ย่อมปรากฏชัดแจ้ง
สิกขาบท กับ จิตส่งออกนอก
สิกขาบทอย่างแรกคือศีล
เมื่อไม่สำรวมในศีล ย่อมขาดความสำรวมเมื่อจิตรู้ไปตามอายตนะ
ตาที่เห็นรูป ใจที่รู้อารม
ย่อมบังคับไม่ให้เห็นรูป หรือไม่รู้ไปตามอารมไม่ได้
เมื่อขาดความสำรวม ความสังวรในสิ่งที่เห็น ย่อมยินดี ยินร้าย
ย่อมเผลอเพลินไปตามรูปที่เห็น ตามอารมที่รู้
สิกขาบทอย่างที่สองคือจิต
ใจที่ยินดีในรูปเพราะหลงไปตามอารมที่กระทบอยู่ภายใน
ย่อมเกิดความกำหนัดในรูป ในอารมตามมา จึงเกิดความยึดถือรูป ยึดถืออารมไว้ในใจ
ธรรมที่เป็นอกุศล จึงใช้เป็นเครื่องมือในการกระทบสัญญา กระทบอารม
ปรุงแต่งไปตามความยินดี ยินร้าย ความเผลอเพลิน ตามสัญญาที่เคยรู้ไว้
สิกขาบทอย่างที่สามคือปัญญา
เพราะขาดความแยบคายในการเห็นรูป ในการรู้อารมที่ปรากฏ
จึงขาดความตระหนัก ในรูปที่เห็น ในอารมที่เกิดตามมา
จึงไม่รู้ว่าความทุขได้เกิดขึ้นแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะผ่านพ้นความทุขนี้ จึงไม่รู้ว่าจะออกจากความทุขนี้อย่างไร
และเหตุใดจึงยินดี ยินร้าย เผลอเพลินในรูป ในอารม
ด้วยเหตุนี้เมื่อจิตส่งออกนอก
จึงควรตระหนักด้วยสติในศีลสิกขา
เพื่อให้เกิดความสำรวม ความสังวร เมื่อตาเห็นรูป เมื่ออารมปรากฏทางใจ
จึงควรตระหนักด้วยสติในจิตสิกขา
เพื่อให้รู้ทันรูป รู้ทันอารมที่เกิดขึ้น
จึงควรตระหนักด้วยสติในปัญญาสิกขา
เพื่อให้เกิดความแยบคายในการเห็นรูป ในการเห็นอารม
ไม่ให้เผลอเพลิน ยินดี ยินร้ายในรูป ในอารม
ในธรรมทั้งหลายที่ปรากฏทางใจ
เมื่อรู้ทันจิตที่ส่งออกนอกอยู่เนืองๆ
ย่อมเห็นผลของจิตที่ส่งออกนอกว่าเป็นเช่นไร
เมื่อเห็นผลที่จิตส่งออกนอก จนเหตุสมบูรณ์พร้อม
ผลของจิตที่ส่งออกนอก และ ผลของการเห็นจิตที่ส่งออกนอก
ย่อมปรากฏชัดแจ้ง