บทความเรื่อง “Policy Genealogy and the Distortion of Credit: Rethinking the Origins of Thailand’s Universal Health Coverage”:
บทคัดย่อ
บทความนี้วิเคราะห์ต้นกำเนิดของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย (UHC) ผ่านมุมมองเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์และมีพื้นฐานสากล โดยชี้ให้เห็นปัญหาสำคัญที่มักถูกมองข้ามในวาทกรรมทางการเมืองไทยคือ “การบิดเบือนเครดิต” ซึ่งปัญหานี้นำไปสู่ความแตกแยกทางการเมือง โดยเฉพาะในกรณีนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ เช่น โครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค”
1. รากฐานทางกฎหมายและนโยบายก่อนปี 2544
รัฐธรรมนูญปี 2540 : รัฐบาล “ต้มยำกุ้ง” (2539–2540)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งประกาศใช้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ได้บัญญัติสิทธิด้านสุขภาพไว้เป็นสิทธิมนุษยชน
มาตรา 52 ระบุอย่างชัดเจนว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐ… และผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
หลักการในรัฐธรรมนูญนี้จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของแนวทาง “สิทธิบนฐานประชาชน” (rights-based approach) ด้านสุขภาพ
รัฐบาลชวน หลีกภัย (2540–2544)
แม้ยังอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลชุดนี้ได้ออกกฎหมายสำคัญ ได้แก่
พ.ร.บ.องค์การมหาชน พ.ศ. 2542 ซึ่งเปิดทางให้มีการจัดตั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
เริ่มวางแผนและพัฒนาแนวทางของระบบ UHC ซึ่งต่อมากลายเป็นรากฐานของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในระดับประเทศ
อ้างอิง:รายงาน WHO (2015) ยืนยันว่า มีการวางแผนและโครงการนำร่องด้าน UHC ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 ก่อนเริ่มใช้ในระดับชาติ
2. สถาปนิกของระบบ: นพ. สงวน นิตยารัมภ์พงศ์
นพ. สงวน คือผู้วางรากฐานของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย
ในฐานะผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นผู้นำด้านการวิจัย ออกแบบนโยบาย และทดลองนำร่องระดับจังหวัด
แนวคิดของเขาเน้นระบบบริการสุขภาพแบบกระจายอำนาจ และเน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง
ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เช่น รางวัล United Nations Public Service Award
อ้างอิง:WHO Bulletin (2008) กล่าวถึง นพ. สงวน ว่าเป็น “สถาปนิกของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย”
3. การดำเนินการในระดับชาติ: รัฐบาลไทยรักไทย (2544–2549)
รัฐบาลไทยรักไทยเปิดตัวโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ
ขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพแก่ประชาชนส่วนใหญ่ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 30 บาทต่อครั้ง
อ้างอิง : พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
การรื้อสร้างวาทกรรมนโยบาย: มุมมองใหม่เพื่อความเข้าใจร่วมกัน
บทวิเคราะห์นี้เสนอแนวคิดการศึกษาลำดับเชิงประวัติศาสตร์ของนโยบาย (policy genealogy) เพื่อเข้าใจรากฐานเชิงสถาบันและความคิดของนโยบายสาธารณะอย่างลึกซึ้ง
ข้อเสนอหลัก:ควรให้เครดิตตามบทบาทที่แท้จริง ไม่ใช่ตามความนิยมทางการเมือง
การเข้าใจวิวัฒนาการของนโยบายช่วยลดการเมืองนำ และความขัดแย้งในสังคม
การตระหนักว่านโยบายสำเร็จเป็นผลของความร่วมมือหลายฝ่าย ช่วยลดความสุดโต่งและส่งเสริมเอกภาพของชาติ
บทสรุป
นโยบาย UHC ของไทยไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลหรือบุคคลใดเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นผลจากกระบวนการปฏิรูป รัฐธรรมนูญ นวัตกรรมเชิงนโยบาย การออกแบบองค์กร และการดำเนินงานระดับชาติ การเข้าใจและให้เครดิตอย่างถูกต้องในแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์และการเยียวยาความแตกแยกทางการเมืองของสังคมไทย
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล สุขภาพเป็นหนึ่งใน “4 เสาหลักของ สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics)“
การศึกษา
สุขภาพ
ความมั่นคง
ความยุติธรรม
อ้างอิง:สุขวิช รังสิตพล. (26–28 กุมภาพันธ์ 2540). สุนทรพจน์ ของ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในการประชุม SEAMEC ที่กรุงมะนิลา :
https://web.archive.org/web/20060504185549/http://www.seameo.org/vl/library/dlwelcome/publications/report/thematic/97sym32/97syman3.htm)
Policy Genealogy and the Distortion of Credit: Rethinking the Origins of Thailand’s Universal Health Coverage
บทคัดย่อ
บทความนี้วิเคราะห์ต้นกำเนิดของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย (UHC) ผ่านมุมมองเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์และมีพื้นฐานสากล โดยชี้ให้เห็นปัญหาสำคัญที่มักถูกมองข้ามในวาทกรรมทางการเมืองไทยคือ “การบิดเบือนเครดิต” ซึ่งปัญหานี้นำไปสู่ความแตกแยกทางการเมือง โดยเฉพาะในกรณีนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ เช่น โครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค”
1. รากฐานทางกฎหมายและนโยบายก่อนปี 2544
รัฐธรรมนูญปี 2540 : รัฐบาล “ต้มยำกุ้ง” (2539–2540)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งประกาศใช้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ได้บัญญัติสิทธิด้านสุขภาพไว้เป็นสิทธิมนุษยชน
มาตรา 52 ระบุอย่างชัดเจนว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐ… และผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
หลักการในรัฐธรรมนูญนี้จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของแนวทาง “สิทธิบนฐานประชาชน” (rights-based approach) ด้านสุขภาพ
รัฐบาลชวน หลีกภัย (2540–2544)
แม้ยังอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลชุดนี้ได้ออกกฎหมายสำคัญ ได้แก่
พ.ร.บ.องค์การมหาชน พ.ศ. 2542 ซึ่งเปิดทางให้มีการจัดตั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
เริ่มวางแผนและพัฒนาแนวทางของระบบ UHC ซึ่งต่อมากลายเป็นรากฐานของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในระดับประเทศ
อ้างอิง:รายงาน WHO (2015) ยืนยันว่า มีการวางแผนและโครงการนำร่องด้าน UHC ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 ก่อนเริ่มใช้ในระดับชาติ
2. สถาปนิกของระบบ: นพ. สงวน นิตยารัมภ์พงศ์
นพ. สงวน คือผู้วางรากฐานของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย
ในฐานะผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นผู้นำด้านการวิจัย ออกแบบนโยบาย และทดลองนำร่องระดับจังหวัด
แนวคิดของเขาเน้นระบบบริการสุขภาพแบบกระจายอำนาจ และเน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง
ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เช่น รางวัล United Nations Public Service Award
อ้างอิง:WHO Bulletin (2008) กล่าวถึง นพ. สงวน ว่าเป็น “สถาปนิกของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย”
3. การดำเนินการในระดับชาติ: รัฐบาลไทยรักไทย (2544–2549)
รัฐบาลไทยรักไทยเปิดตัวโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ
ขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพแก่ประชาชนส่วนใหญ่ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 30 บาทต่อครั้ง
อ้างอิง : พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
การรื้อสร้างวาทกรรมนโยบาย: มุมมองใหม่เพื่อความเข้าใจร่วมกัน
บทวิเคราะห์นี้เสนอแนวคิดการศึกษาลำดับเชิงประวัติศาสตร์ของนโยบาย (policy genealogy) เพื่อเข้าใจรากฐานเชิงสถาบันและความคิดของนโยบายสาธารณะอย่างลึกซึ้ง
ข้อเสนอหลัก:ควรให้เครดิตตามบทบาทที่แท้จริง ไม่ใช่ตามความนิยมทางการเมือง
การเข้าใจวิวัฒนาการของนโยบายช่วยลดการเมืองนำ และความขัดแย้งในสังคม
การตระหนักว่านโยบายสำเร็จเป็นผลของความร่วมมือหลายฝ่าย ช่วยลดความสุดโต่งและส่งเสริมเอกภาพของชาติ
บทสรุป
นโยบาย UHC ของไทยไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลหรือบุคคลใดเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นผลจากกระบวนการปฏิรูป รัฐธรรมนูญ นวัตกรรมเชิงนโยบาย การออกแบบองค์กร และการดำเนินงานระดับชาติ การเข้าใจและให้เครดิตอย่างถูกต้องในแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์และการเยียวยาความแตกแยกทางการเมืองของสังคมไทย
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล สุขภาพเป็นหนึ่งใน “4 เสาหลักของ สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics)“
การศึกษา
สุขภาพ
ความมั่นคง
ความยุติธรรม
อ้างอิง:สุขวิช รังสิตพล. (26–28 กุมภาพันธ์ 2540). สุนทรพจน์ ของ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในการประชุม SEAMEC ที่กรุงมะนิลา :https://web.archive.org/web/20060504185549/http://www.seameo.org/vl/library/dlwelcome/publications/report/thematic/97sym32/97syman3.htm)